การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 345 สินสอด
บทที่ 345 สินสอด
บทที่ 345 สินสอด
เฮ่อหลานหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของจิงเจ้อหรง “นี่คุณไม่อยากจะแยกจากกับซวงเอ๋อร์หรือคะ แต่ซวงเอ๋อร์และเจ๋อหยวนเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน และพวกเขาก็ตกลงกันแล้ว ดังนั้นการหมั้นก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ”
“แต่ซวงเอ๋อร์ยังเรียนอยู่ ยังเร็วเกินไปที่จะหมั้น”
กว่าจิงเจ้อหรงจะมีลูกสาวถึงสองคนเขาก็ฝ่าฟันอุปสรรคมามาก เธอเพิ่งมาอยู่บ้านได้ไม่นานก็กำลังจะหมั้นหมายซะแล้ว ไม่ว่าจะคิดอย่างไรเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เห็นท่าทีของจิงเจ้อหรง เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ซวงเอ๋อร์พูดก่อนหน้านี้ว่าแม้ว่าเธอจะหมั้นหมาย แต่ก็อีกนานกว่าจะแต่งงาน ดังนั้นเธอจะยังคงอยู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้ไปไหนสักหน่อย”
“ซวงเอ๋อร์พูดอย่างนั้นจริงหรือ?”
เฮ่อหลานพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ค่ะ นั่นคือสิ่งที่ซวงเอ๋อร์พูด”
ได้ยินเช่นนี้ จิงเจ้อหรงผ่อนคลายลงเล็กน้อย “แบบนั้นก็ดีแล้ว แค่หมั้นกันก่อน แต่ไม่ต้องรีบแต่งงานเร็วขนาดนั้น”
“ตกลง ตกลง”
เฮ่อหลานยิ้มกับคำพูดของจิงเจ้อหรง จากนั้นจึงบอกเขาเรื่องที่ครอบครัวโม่จะมาพูดคุยในวันพรุ่งนี้ “ผู้เฒ่าโม่กับคนอื่น ๆ คงจะมาเยี่ยมเราในอีกสองวันเพื่อพูดคุยเรื่องของเด็ก ๆ น่ะค่ะ”
“ตกลง”
แน่นอนว่าไม่ถึงสองวัน ผู้เฒ่าโม่ก็พาโม่ถิงฮวา หลินเหม่ยเจินและโม่เจ๋อหยวนมาหาที่บ้าน
“คุณจิง ไม่เจอกันซะนาน สบายดีไหมครับ?”
เมื่อผู้เฒ่าโม่เห็นคุณชายจิง เขาจึงรีบยิ้มและก้าวเข้ามาทักทาย
คุณชายจิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี แล้วคุณล่ะครับ?”
“ผมก็สบายดีครับ”
ในขณะที่ผู้อาวุโสทั้งสองกำลังคุยกัน โม่ถิงฮวาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายจิงเจ้อหรงและพูดว่า “สหายจิง ไม่เจอกันนานเลยนะ”
ก่อนที่จิงเจ้อหรงจะได้พูดอะไร ผู้เฒ่าโม่ก็พูดจากด้านหน้า “สหายจิงอะไรกัน ในอนาคตครอบครัวของเราทั้งสองก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เรียกชื่อจะดูสนิทสนมกันมากกว่านะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่ถิงฮวาน้อมรับข้อเสนอ เขามองไปที่จิงเจ้อหรงและเรียกออกมาว่า ‘เจ้อหรง’
เมื่อได้ยินคำนี้ จิงเจ้อหรงก็ตอบรับอย่างใจกว้าง เรียก ‘ถิงฮวา’ แล้วบอกว่า “เข้าไปนั่งข้างในกันเถอะครับ”
ชายสองคนนี้ไม่ค่อยคุ้นเคยกัน ส่วนหลินเหม่ยเจินและเฮ่อหลานสนิทสนมกันมากกว่า เธอขึ้นไปจับมือของเฮ่อหลานและพูดว่า “เฮ่อหลาน ฉันไม่ได้เจอเธอมาตั้งพักหนึ่ง หน้าตาเธอยังดูสดใสอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก ดูดีขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเหม่ยเจิน เฮ่อหลานยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อยและไม่พูดอะไร
เธออ้วนขึ้นกว่าเดิมจริง ๆ นั่นเป็นเพราะเธอท้องอยู่แต่ยังไม่ถึงสามเดือน ดังนั้นข่าวการตั้งครรภ์ของเธอจึงยังไม่แพร่กระจายออกไป และแม้แต่หลินเหม่ยเจินก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ซึ่งมันทำให้เธอลังเลเล็กน้อยที่จะพูดคุยเรื่องนี้ในวันนี้…
คุณนายจิงพูดอย่างมีความสุขจากด้านข้าง “อืม ฉันก็คิดว่าอาหลานดูดีขึ้นเหมือนกัน” อย่างไรก็ตาม คนในวัยของเธอค่อนข้างหัวโบราณ จึงไม่ได้พูดถึงการตั้งครรภ์ของลูกสะใภ้คนเล็ก และหันไปทักทายหลินเหม่ยเจินและคนอื่น ๆ จากนั้นก็เข้าไปด้วยกัน
โม่เจ๋อหยวนเดินไปเป็นคนสุดท้าย เขามองไปรอบ ๆ และพบว่าถังซวงไม่อยู่ จึงมองไปที่เฮ่อหลานอย่างสงสัย
เฮ่อหลานสังเกตเห็นสายตานั้นของโม่เจ๋อหยวน เธอก็ยิ้มและพูดว่า “อีกเดี๋ยวซวงเอ๋อร์ก็มาแล้วจ้ะ เธอไปสอนการบ้านเสี่ยวเซวี่ยน่ะ”
โม่เจ๋อหยวนไม่ได้ถามคำถามต่อไปอีก แต่เดินตามพ่อแม่ของเขาไปอย่างเงียบ ๆ หลังจากที่เขานั่งลงถังซวงก็เข้ามาพอดี
“ซวงเอ๋อร์…”
เมื่อเห็นถังซวง โม่เจ๋อหยวนยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เพราะเมื่อเขาคิดว่าทั้งสองกำลังจะหมั้นกันแล้ว ความตื่นเต้นมันก็พลุ่งพล่าน
ถังซวงเห็นโม่เจ๋อหยวนเป็นคนแรก เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นทักทายคุณชายจิงและผู้เฒ่าโม่ด้วยรอยยิ้ม
ส่วนหลินเหม่ยเจินรีบโบกมือให้เธอและพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ มานี่เร็ว”
ถังซวงเดินไปหา และหลังจากที่เธอนั่งลง ผู้เฒ่าโม่ก็พูดขึ้น
“ผู้อาวุโสจิง ผมคิดว่าพวกคุณคงรู้จุดประสงค์ของการมาในวันนี้ดี เจ๋อหยวนและซวงเอ๋อร์ทั้งสองคนไม่ใช่เด็กแล้ว ดังนั้นเรามาคุยกันเรื่องการแต่งงานของทั้งสอง” เขาพูดและหยิบกระดาษที่เขียนวันมงคลออกมา “ผู้อาวุโสจิง นี่เป็นวันที่มีฤกษ์มงคล ถ้าเป็นไปได้ วันนี้เรามาเลือกวันกันเถอะครับ”
คุณชายจิงตกตะลึงเมื่อเห็นกระดาษสีแดงที่มอบให้โดยผู้เฒ่าโม่ เขาไม่คาดคิดว่าเพียงสองวันครอบครัวโม่จะเตรียมการได้ขนาดนี้
คุณนายจิงรับมาดูวันและพบว่าตระกูลโม่เลือกวันได้ดีทีเดียว พวกเขาเลือกวันมาทั้งหมดสามวันในปีนี้คือเดือนหน้า เดือนที่แปดและสุดท้ายคือเดือนสิบสอง
จิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานมองดู
ส่วนหลินเหม่ยเจินอธิบายด้วยรอยยิ้ม “สามวันนี้เป็นฤกษ์ดีมาก ฉันคิดว่าตั้งแต่เด็กสองคนตกลงปลงใจกันเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรามาจัดงานหมั้นในปีนี้กันเถอะค่ะ”
โม่ถิงฮวาที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่ครับ เมื่อถึงเวลานั้นมาดูกันว่าต้องเชิญคนมากี่โต๊ะ เราสองครอบครัวจะได้สามารถจัดงานร่วมกัน”
แต่ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “อันที่จริงไม่จำเป็นต้องเชิญคนมาร่วมก็ได้นะคะ แค่ครอบครัวของเราสองคนก็พอแล้ว”
เห็นถังซวงพูดอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนจึงรีบเห็นด้วย “ใช่ครับ ทำตามที่ซวงเอ๋อร์ต้องการ งานหมั้นของพวกเราจัดแบบง่าย ๆ ก็พอครับ”
แต่ผู้เฒ่าโม่กลับยกยิ้ม “ดูสิเจ๋อหยวนของเรารีบร้อนมากขนาดไหน คงกลัวว่าซวงเอ๋อร์จะไม่เห็นด้วยสินะ”
คนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็หัวเราะ
ทำให้โม่เจ๋อหยวนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่เขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ ซวงเอ๋อร์สามารถทำทุกอย่างที่เธอต้องการ และการปล่อยให้เธอตัดสินใจในทุกอย่างก็เป็นเรื่องที่ดี
ถังซวงมองออกว่าโม่เจ๋อหยวนหมายถึงอะไรและส่งยิ้มให้อีกฝ่าย
เมื่อเห็นความสนิทสนมระหว่างหลานชายคนโตกับถังซวง ผู้เฒ่าโม่ก็อดยิ้มไม่ได้ เขาหยิบสิ่งของที่เตรียมมาจากบ้านและมอบให้กับคุณชายจิงและคนอื่น ๆ “ผู้อาวุโสจิง นี่คือของหมั้นที่เราเตรียมไว้ครับ พวกคุณดูว่าต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม”
คุณชายจิงหยิบสิ่งของที่ผู้เฒ่าโม่มอบให้และมองไปที่เครื่องประดับทอง เงินและซองสีแดงที่เตรียมไว้ และอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะคิดว่าตระกูลโม่จะต้องมีการเตรียมตัวมาอย่างดีแน่นอน แต่เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย
สีหน้าของคุณชายจิงยังคงเรียบเฉยตอนดูรายการ แต่เมื่อเขาเห็นรายการสุดท้าย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“นี่… รายการสุดท้ายนี่ให้ซวงเอ๋อร์หรือครับ?”
เมื่อคุณนายจิงเห็นว่าคุณชายจิงประหลาดใจมากจึงโน้มตัวไปดู จากนั้นเธอก็ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน
ส่วนผู้เฒ่าโม่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ใช่ ทั้งหมดนี้เป็นของซวงเอ๋อร์ครับ”
คุณชายจิงและคุณนายจิงมองดูตระกูลโม่อย่างไม่เข้าใจ จากนั้นจึงส่งมันให้จิงเจ้อหรง เฮ่อหลาน และถังซวง “พวกเธอก็ควรดูด้วย”
เมื่อจิงเจ้อหรงเห็นรายการสุดท้าย พวกเขาก็มองไปที่โม่เจ๋อหยวนอีกครั้งและรู้สึกโล่งใจไม่น้อย เด็กคนนี้รักซวงเอ๋อร์อย่างสุดหัวใจจริง ๆ สินะ
ถังซวงเป็นคนสุดท้ายที่ได้เห็น และส่งมันคืนให้ผู้เฒ่าโม่ทันที
สีหน้าของคุณชายจิงยังคงเรียบเฉยตอนดูรายการ แต่เมื่อเขาเห็นรายการสุดท้าย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“นี่… รายการสุดท้ายนี่ให้ซวงเอ๋อร์หรือครับ?”
เมื่อคุณนายจิงเห็นว่าคุณชายจิงประหลาดใจมากจึงโน้มตัวไปดู จากนั้นเธอก็ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน
ส่วนผู้เฒ่าโม่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ใช่ ทั้งหมดนี้เป็นของซวงเอ๋อร์ครับ”
คุณชายจิงและคุณนายจิงมองดูตระกูลโม่อย่างไม่เข้าใจ จากนั้นจึงส่งมันให้จิงเจ้อหรง เฮ่อหลาน และถังซวง “พวกเธอก็ควรดูด้วย”
เมื่อจิงเจ้อหรงเห็นรายการสุดท้าย พวกเขาก็มองไปที่โม่เจ๋อหยวนอีกครั้งและรู้สึกโล่งใจไม่น้อย เด็กคนนี้รักซวงเอ๋อร์อย่างสุดหัวใจจริง ๆ สินะ
ถังซวงเป็นคนสุดท้ายที่ได้เห็น และส่งมันคืนให้ผู้เฒ่าโม่ทันที
“ผู้เฒ่าโม่ ข้อแรกเราจะรับไว้ แต่ข้อสุดท้ายเรารับไว้ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”