การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 346 ทั้งหมดจะเป็นของซวงเอ๋อร์
บทที่ 346 ทั้งหมดจะเป็นของซวงเอ๋อร์
บทที่ 346 ทั้งหมดจะเป็นของซวงเอ๋อร์
ผู้เฒ่าโม่ไม่ตอบ เขามองตรงไปที่ถังซวงและพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ สิ่งเหล่านี้เป็นของเธอ โปรดรับไว้เถอะ”
หลินเหม่ยเจินที่อยู่ด้านข้างก็พูดเช่นกัน “ใช่แล้ว ซวงเอ๋อร์รับไว้เถอะ จากนี้ไปเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นของหนูอยู่แล้ว”
“ป้าหลินคะ ของพวกนี้มันมากเกินไป ถ้าจะให้พี่โม่ก็ต้องเป็นของพี่โม่สิคะ”
รายการสุดท้ายคือทรัพย์สินสามสิบเปอร์เซ็นต์ของตระกูลโม่ แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทรัพย์สินของตระกูลโม่มีเท่าไหร่ แต่สามสิบเปอร์เซ็นต์มันมากเกินไป เธอจึงรับไว้ไม่ได้
เฮ่อหลานส่ายหน้าและปฏิเสธ “ใช่แล้วเหม่ยเจิน แค่ส่วนแรกก็เพียงพอแล้ว รายการสุดท้ายเรารับไว้ไม่ได้จริง ๆ ”
หลินเหม่ยเจินกุมมือของเฮ่อหลานและพูดว่า “อาหลาน ฉันจะไม่โกหกเธอนะ เดิมทีคุณปู่มอบของพวกนี้ให้กับเจ๋อหยวน แต่เจ๋อหยวนตัดสินใจที่จะเขียนทั้งหมดภายใต้ชื่อของซวงเอ๋อร์ สิ่งที่เราจะสื่อคือเนื่องจากของพวกนี้เป็นของเจ๋อหยวน ดังนั้นเขาจะจัดการกับมันยังไงก็ได้ และถ้าเขาต้องการมอบให้กับซวงเอ๋อร์ ก็ต้องมอบให้ซวงเอ๋อร์ ถือว่านี่คือความตั้งใจของเขา ฉันหวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธนะจ๊ะ”
ผู้เฒ่าโม่พูดเสริม “ใช่ มันคงเป็นโชคของเราที่จะมีหลานสะใภ้อย่างซวงเอ๋อร์มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ดังนั้นของพวกนี้ไม่สำคัญเท่ากับซวงเอ๋อร์หรอก”
โม่เจ๋อหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ป้าหลานครับ จากนี้ไป ของ ๆ ผมก็จะเป็นของซวงเอ๋อร์ ดังนั้นโปรดรับไว้ด้วยครับ ผมจะดำเนินการตามขั้นตอนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด”
เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนและตระกูลโม่ทุกคนดูจริงจัง เฮ่อหลานก็อดรู้สึกซาบซึ้งใจไม่ได้
แม้แต่จิงเจ้อหรงก็ยังพูดไม่ออก
ตระกูลโม่จริงใจอย่างมาก จนพวกเขาต้องยอมรับของขวัญเหล่านี้
เพราะคุณนายจิงได้เตรียมอาหารไว้แล้ว และตระกูลโม่ก็อยู่รับประทานอาหารกลางวันอย่างอบอุ่น ส่วนถังซวงไปเดินเล่นกับโม่เจ๋อหยวน และทุกคนได้เลือกวันหมั้นเป็นวันฤกษ์ดีในเดือนแปด ซึ่งหมายความว่าการแต่งงานได้รับการยืนยันอย่างแน่นอน
ในช่วงเวลานี้ทุกคนต่างมีความสุข
หลังจากที่ตระกูลโม่จากไป คุณชายจิงก็ดึงจิงเจ้อหรงมาคุยด้วยสักพัก
“ดูจากท่าทีของตระกูลโม่ในวันนี้ สามารถเห็นถึงความจริงใจของพวกเขาที่มีต่อซวงเอ๋อร์ พวกเขามีความตรงไปตรงมา เราคงไม่ทำให้ตัวเองเสียหน้า เมื่อซวงเอ๋อร์และเจ๋อหยวนแต่งงานกันจริง ๆ เราจะต้องเตรียมสินสอดให้ดีที่สุด”
เมื่อได้ยิน จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พ่อครับ ผมจะเตรียมสินสอดสำหรับซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยอย่างแน่นอน พ่อไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”
“แกเตรียมของแก เราเตรียมของเรา เอาล่ะ แกไปอยู่เป็นเพื่อนอาหลานก่อน และช่วงนี้แกต้องใส่ใจเธอให้มากล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จิงเจ้อหรงจึงพยักหน้าและพูดว่า “ครับพ่อ ผมรู้”
หลังจากที่จิงเจ้อหรงกลับไปที่ห้อง เฮ่อหลานก็ดึงเขามาและถามว่า “พ่อบอกคุณว่ายังไง พูดเรื่องสินสอดของเจ๋อหยวนใช่ไหม” เธอมีสีหน้ากังวล “ครอบครัวของเจ๋อหยวนจะมอบสินสอดให้เราตั้งมากมาย เพราะอย่างนั้น เมื่อถึงวันแต่งงาน เราก็ควรเตรียมของสำหรับซวงเอ๋อร์ให้ดีที่สุด”
เมื่อเห็นท่าทางกังวลของเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงก็พูดอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องกังวลนะอาหลาน เราจะเตรียมสิ่งเหล่านี้เอง คุณแค่ต้องดูแลลูกในท้องของคุณให้ดี ครั้งนี้เป็นเพียงการหมั้นหมายและอีกนานกว่าจะได้แต่งงาน พวกเรายังมีเวลา”
เฮ่อหลานยิ้มและพยักหน้า
หลังจากที่ถังซวงไปส่งตระกูลโม่ เธอก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง
เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของพี่สาว ถังเซวี่ยจึงรีบแสดงความยินดีกับเธอ “พี่คะ ยินดีกับพี่และพี่โม่ด้วยนะ โอ้… ไม่สิ ในอนาคตหนูต้องเรียกว่าพี่เขยสิ พี่เขยในอนาคต”
ถังซวงมองไปที่ถังเซวี่ยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นสองพี่น้องก็หัวเราะกันอยู่พักหนึ่ง
อีกด้านหนึ่ง ผู้เฒ่าโม่และคนอื่น ๆ ก็กลับบ้านอย่างมีความสุข
วันนี้เจิ้งหงอยู่ที่บ้านพอดี และเธอก็รู้ด้วยว่าพ่อสามี พี่ชายและพี่สะใภ้ใหญ่ของเธอไปที่ตระกูลจิงเรื่องการขอแต่งงาน และตอนนี้เมื่อเห็นพวกเขากลับมา เธอจึงรีบเข้าไปหาพร้อมกับยิ้ม “พ่อคะ พ่อดูมีความสุขเชียวนะคะ วันที่เรื่องของเจ๋อหยวนและซวงเอ๋อร์ตกลงกันได้แล้วใช่ไหมคะ”
คุณชายจิงมีความสุขมากจริง ๆ เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ใช่ เราตัดสินใจกันแล้ว งานหมั้นจะจัดขึ้นในเดือนแปด ซวงเอ๋อร์จะเป็นคู่หมั้นของเจ๋อหยวน พอทั้งสองคนโตขึ้นก็ค่อยแต่งงานกัน” ทุกครั้งที่เขานึกถึงภาพหลานชายคนโตแต่งงานมีลูก ผู้เฒ่าโม่ก็มีความสุขเป็นอย่างมาก
ได้ยินอย่างนั้น เจิ้งหงยิ้มและแสดงความยินดี และมองไปที่หลินเหม่ยเจิน “พี่สะใภ้กำลังจะมีลูกสะใภ้ในไม่ช้าแล้วนะคะ พี่คงต้องมีความสุขมากแน่เลย หลังจากซวงเอ๋อร์เข้ามา บ้านของเราจะมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น”
หลินเหม่ยเจินมีความสุขมาก เธอหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ใช่ ฉันรอแทบไม่ไหวแล้ว”
เมื่อเห็นว่าพ่อสามีและครอบครัวของพี่ชายมีความสุขมากขนาดนี้ เจิ้งหงก็ยกยิ้มมีความสุขไปด้วย เธอพูดคุยอีกสองสามคำแล้วกลับไปที่บ้านของตัวเอง
เดิมทีตระกูลโม่และตระกูลจิงไม่ได้วางแผนที่จะบอกเกี่ยวกับการหมั้นของถังซวงและโม่เจ๋อหยวน เพราะถึงยังไงถังซวงยังเรียนอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าข่าวจะแพร่กระจายออกไปเร็วขนาดนี้
เมื่อฉินหรูเหมิ่งได้ยินข่าว เธอก็ตัวแข็งทื่อ
“เป็นไปไม่ได้… เป็นไปได้ยังไง ทำไมพี่เจ๋อหยวนถึงแต่งงานกับถังซวง เรื่องนี้ต้องไม่จริงแน่ ๆ” เมื่อเธอได้ยินว่าทั้งสองกำลังจะหมั้นกัน เธอก็ทนแทบไม่ไหว เธอกำลังเตรียมการแท้ ๆ ทำไมพวกเขาถึงหมั้นกันเร็วขนาดนี้
หลังจากที่ฉินหรูเหมิ่งระบายอารมณ์ออกมา ในที่สุดดวงตาของเธอก็กลับมาสงบ จากนั้นเธอก็หัวเราะและพูดว่า “มันเป็นแค่งานหมั้น ยังมีเวลา”
ส่วนถังซวงที่ไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้มากนัก ในขณะนี้เธอกำลังจดจ่ออยู่กับการสอนการบ้านถังเซวี่ย
ถังเซวี่ยตั้งใจฟังมากและถามคำถามไม่หยุด คำถามเหล่านี้มันยากสำหรับเธอ เธอจึงเลือกถามพี่สาว ซึ่งถังซวงก็อธิบายอย่างละเอียดและชัดเจนมาก
“พี่สาว พี่เก่งจังเลยค่ะ พี่อธิบายได้ละเอียดและเข้าใจง่ายมากเลย”
ถังซวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นเธอก็ลองทำต่อ และพี่จะให้โจทย์สองสามข้อ ให้เธอฝึกทำอีกนะ”
“ค่า”
เห็นถังเซวี่ยเริ่มถามคำถามมากมาย ถังซวงก็เริ่มทำเช่นเดียวกัน
เนื่องจากถังเซวี่ยสอบข้ามระดับได้สำเร็จ หมายความว่าเธอกำลังจะสอบเข้ามัธยมปลาย และจะขึ้นอยู่กับคะแนนของเธอ ดังนั้นในเวลานี้ถังเซวี่ยจึงเรียนทั้งวันไม่หยุดพัก
หลังจากถังเซวี่ยทำโจทย์เสร็จ ถังซวงก็เขียนโจทย์เสร็จเช่นกัน และนำไปให้น้องสาวลองทำอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยทำทุกอย่างถูกต้อง ถังซวงรู้สึกดีใจมาก “เสี่ยวเซวี่ย เธอคงเข้าใจแล้ว งั้นวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน ถ้าเธอมีคำถามอะไรอีกก็มาถามพี่ได้เลย”
“ได้ค่ะพี่สาว”
ถังเซวี่ยอ่านหนังสืออย่างหนัก ชีวิตแบบนี้ดำเนินไปจนถึงวันที่เธอสอบ
“เสี่ยวเซวี่ย มันจะต้องไม่มีปัญหาแน่ ดังนั้นอย่ากังวลและตั้งใจทำข้อสอบให้ดีก็พอ”
ถังเซวี่ยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นคุณปู่ คุณย่า พ่อ แม่ และพี่สาวมาให้กำลังใจตัวเอง เธอก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมอีกครั้ง “ค่ะ หนูไม่กังวลแล้ว หนูจะสอบได้ดีแน่นอนค่ะ”