การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 348 น่าสะอิดสะเอียน
บทที่ 348 น่าสะอิดสะเอียน
บทที่ 348 น่าสะอิดสะเอียน
ซูเหนียนอวิ๋นพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเกอชิงเหม่ย “ดีเหมือนกัน ให้ชิงเหม่ยไปหาอาหลานก่อน รอเธอคลอดแล้วเราค่อยไปหาอีกที” อย่างไรเสียเธออายุก็มากแล้ว เดินทางไปไหนมาไหนค่อนข้างลำบาก ดังนั้นครั้งนี้ให้ลูกศิษย์เป็นตัวแทนพวกตนไปก่อน “ฉันต้องเตรียมของอะไรนิดหน่อย ถึงตอนนั้นเธอช่วยเอาไปให้อาหลานด้วยนะ”
หลี่จงอี้พูดอยู่ข้าง ๆ “ใช่ ฉันก็จะเตรียมของด้วยเหมือนกัน อาหลาน ซวงเอ๋อร์ และเสี่ยวเซวี่ยพวกเขาไปอยู่ปักกิ่งแล้ว ไม่รู้ว่าจะคิดถึงบ้านเกิดนี่หรือเปล่า ฉันจะเตรียมของขึ้นชื่อที่นี่ไปให้มาก ๆ หน่อย”
เมื่อผู้ใหญ่สองคนกำลังวุ่นวาย เกอชิงเหม่ยก็อดยิ้มไม่ได้ “อาจารย์ ลุงหลี่ ค่อย ๆ เตรียมก็ได้ค่ะ ตั้งพรุ่งนี้กว่าฉันจะเดินทาง”
ทางด้านพวกซูเหนียนอวิ๋นรู้ข่าวเรื่องเฮ่อหลานท้องเรียบร้อยแล้ว คนบางส่วนในปักกิ่งเองก็รู้เรื่องนี้ด้วย เพราะยังไงตระกูลจิงก็ไม่ได้ปิดข่าว
และคนแรกที่มาเยี่ยมหาก่อนคือหลินเหม่ยเจิน
เธอมองเฮ่อหลานที่อวบอ้วนขึ้น ก็อดพูดไม่ได้ “อาหลาน เธอใจร้ายเกินไปแล้ว ท้องก็ไม่บอกฉัน เฮอะ ที่แท้เธอก็ท้องตั้งแต่ที่ฉันมาหาครั้งก่อน ทำไมฉันไม่สังเกตนะ คิดแค่ว่าเธออ้วนขึ้น แต่กลายเป็นว่าเธอตั้งท้องซะได้”
เฮ่อหลานพูดอย่างลำบากใจ “เหม่ยเจิน ฉันขอโทษจริง ๆ เพราะตอนนั้นอายุครรภ์ยังน้อยเลยไม่ได้บอกเธอ ตอนนี้อายุครรภ์สามเดือนเต็มจึงไม่ต้องปิดบังแล้วล่ะ”
เห็นเฮ่อหลานพูดเช่นนี้ หลินเหม่ยเจินก็รีบโบกมือ “ไม่เป็นไร ๆ รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สาย วันนี้ฉันเอาของดีมาให้เธอเยอะแยะเลย” ขณะกล่าวก็หยิบของที่เตรียมไว้ให้ออกมา มีทั้งรังนก อาหารเสริม และผลไม้มากมาย “ในเมื่อท้องก็ต้องกินของดี ๆ อีกอย่างเธอตั้งท้องลูกยาก อะไร ๆ มันก็ยิ่งลำบาก”
เห็นหลินเหม่ยเจินนำของมามากมาย เฮ่อหลานจึงขอบคุณเธอด้วยรอยยิ้ม “เหม่ยเจิน ขอบคุณนะ”
“มีอะไรให้ขอบคุณกัน ระหว่างเราจะต้องเกรงใจไปทำไม”
หลินเหม่ยเจินอยู่อีกพักหนึ่งก่อนจะขอตัวกลับ ครั้นหันมาเห็นลูกชายตัวเอง ก็อดไม่ได้ “เจ๋อหยวน ลูกรู้ว่าอาหลานท้องมาก่อนหรือเปล่า ทำไมถึงไม่บอกแม่สักคำ แม่จะได้เตรียมตัวให้เร็วกว่านี้หน่อย”
“ผมก็เพิ่งรู้เรื่องมาไม่นานนี้เหมือนกันครับ อีกอย่างพวกป้าหลานเขากะจะบอกให้เราทราบหลังจากอายุครรภ์สามเดือน ผมไม่พูดคงดีกว่า”
พอลูกชายตัวเองพูดเช่นนี้ หลินเหม่ยเจินก็มองเขาอย่างอารมณ์เสีย “จ้า ๆ ลูกพูดถูก”
นอกจากหลินเหม่ยเจินแล้ว หวงเชาและหนิงฮ่าวเพื่อนทั้งสองคนของจิงเจ้อหรงก็พาภรรยามาเยี่ยมเฮ่อหลานด้วยเช่นกัน
หลูเยี่ยนและหวงเหล่ยเหล่ยมองเฮ่อหลานที่อวบอ้วน ก่อนพูดแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “อาหลาน ยินดีกับเธอด้วย พอเด็กคลอดออกมาแล้ว ต้องหน้าตาดีมากแน่ เธอกับสามีสวยหล่อกันทั้งคู่ หน้าตาของลูกคงดีไม่ต่างกัน”
ขณะคุยกัน ทั้งสองยังรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
“ได้ยินมาว่าเธอท้องลูกแฝดด้วย สุดยอดไปเลย”
“ขอบคุณนะ”
เฮ่อหลานถูกชมจนรู้สึกเขินอาย ก่อนจะรีบเรียกให้พวกเธอทานของว่าง
หลูเยี่ยนกับหวงเหล่ยเหล่ยพูดคุยกับเฮ่อหลานอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งหนิงฮ่าวกับหวงเชาก็กำลังคุยกับจิงเจ้อหรง ทั้งสองเองต่างอิจฉาเขามาก “อาเจ้อ อย่างที่เขาว่าผู้ชนะมาทีหลังจริง ๆ ถึงนายจะแต่งงานช้าที่สุดในกลุ่มพวกเรา แต่กลายเป็นคนที่มีลูกมากที่สุดไปซะแล้ว นายมันแน่จริง ๆ แป๊บเดียวก็มีลูกถึงสองคน”
ช่วงนี้จิงเจ้อหรงทำอะไรค่อนข้างเร็ว เมื่อได้ยินเพื่อนพูดเช่นนี้ ก็พูดพร้อมหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “ก็หมายความว่าฉันแข็งแกร่งกว่าพวกนายไง แต่ทุกอย่างก็ต้องขอบคุณอาหลาน เธอตั้งท้องลูกตั้งสองคน ฉันยังรู้สึกตกใจอยู่เลย”
เห็นสีหน้าโอ้อวดเสียเต็มประดาของจิงเจ้อหรง หวงเชาและหนิงฮ่าวอยากตีเขาแทบไม่ไหว ทว่าพวกเขายังทนไว้ ทุกคนคุยกันได้พอประมาณ อาหารกลางวันก็พร้อมพอดี หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ หนิงฮ่าวกับภรรยาพร้อมด้วยหวงเชากับภรรยาก็เดินทางกลับ
จิงเจ้อหรงเห็นเฮ่อหลานทานข้าวกลางวันไม่มาก จึงอดถามไม่ได้ “อาหลาน เมื่อกี้ผมเห็นคุณทานข้าวน้อยมาก อยากจะกินอีกหน่อยไหม”
เฮ่อหลานส่ายหน้าทันที “พอแล้วค่ะ ฉันอิ่มแล้ว อาจเป็นเพราะกินขนมจุกจิกมากไปเลยอิ่มง่ายน่ะ” ตั้งแต่เธอท้องมา เธอรู้สึกอยากกินไปเสียทุกอย่าง บางครั้งก็กินของไม่เป็นเวลา
จิงเจ้อหรงได้ยินดังนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่หิวก็ดีแล้ว”
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ก็พูดถึงเกอชิงเหม่ยขึ้นมา
“อาหลาน ศิษย์พี่จะมาถึงพรุ่งนี้ใช่ไหม งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปรับเธอที่สถานีรถไฟเอง”
ทว่าเฮ่อหลานกลับยิ้มพร้อมส่ายหัว “ไม่ต้องหรอกค่ะ พรุ่งนี้ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยจะไปรับเอง เจ๋อหยวนก็น่าจะไปด้วยเหมือนกัน”
จิงเจ้อหรงพยักหน้า”งั้นก็ดี มีซวงเอ๋อร์อยู่ ผมก็วางใจ”
วันรุ่งขึ้น สองพี่น้องถังซวง ถังเซวี่ย และโม่เจ๋อหยวนต่างก็ไปที่สถานีรถไฟด้วยกัน
“พี่คะ ป้าเกอจะมาถึงเมื่อไหร่หรือ พวกเราไม่ได้รอผิดสถานีใช่ไหม” ถังเซวี่ยเห็นเกอชิงเหม่ยไม่ออกมาเสียที ก็ถามขึ้น
“ไม่ผิดแน่นอน ป้าเกอน่าจะใกล้ถึงแล้วแหละ”
เมื่อนึกได้ว่าไม่เห็นเกอชิงเหม่ยมานานแล้ว ถังเซวี่ยเลยรู้สึกคิดถึงป้าคนนี้มาก จึงพยายามชะเง้อมองไปข้างใน ทว่าทั้งสามคนรออยู่ราวสิบห้านาทีก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเกอชิงเหม่ยจะออกมา ทั้งที่ผู้โดยสารที่อยู่บนขบวนรถเดียวกันต่างทยอยออกมาแล้ว
“พี่คะ ทำไมป้าเกอยังไม่ถึงอีก คงไม่ใช่ว่าไม่ได้นั่งขบวนนี้หรอกใช่ไหม”
ถังซวงกังวลขึ้นมาเช่นกัน “ถ้าอย่างนั้นเราไปดูตรงหัวรถไฟกันดีกว่า”
โม่เจ๋อหยวนเดินนำหน้าสุด พลางพูดปลอบทั้งสอง “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ป้าเกอไม่น่าจะพลาดกะรถไฟหรอก ไม่แน่อาจจะยังไม่ออกมา พวกเธอไม่ต้องกังวลไป”
ขณะที่ทั้งสามเดินอยู่นั้น พบว่าด้านหน้ามีเรื่องอยู่ จำต้องเพ่งมองดี ๆ ก่อนจะพบว่าเป็นเกอชิงเหม่ย
เกอชิงเหม่ยในตอนนี้กำลังมองชายตรงหน้าด้วยความโกรธ และพูดเสียงดัง “ปล่อย”
“ชิงเหม่ย เป็นคุณจริง ๆ ด้วย เป็นคุณจริง ๆ คุณยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ไม่นึกเลยว่าผมจะได้เจอคุณอีก” หลิวก่วงซิ่ว มองเกอชิงเหม่ยที่อยู่ตรงหน้าอย่างแปลกใจเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้เหมือนกับเมื่อยี่สิบปีก่อนไม่มีผิด เธอไม่เปลี่ยนไปเลย ต่างจากยัยแก่หน้าเหลืองที่บ้านลิบลับ
“ชิงเหม่ย คุณมาปักกิ่งเพื่อมาหาผมหรือ”
ได้ยินแบบนี้ เกอชิงเหม่ยแทบอยากอ้วกออกมา
“หลิวก่วงซิ่ว คุณช่างหลงตัวเองจริง ๆ เลยนะ แค่ฉันมองคุณยังรู้สึกสะอิดสะเอียนเลย จะมาหาคุณได้ยังไง อย่ามาคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย”
“นี่คุณ…”
หลิวก่วงซิ่วเห็นสีหน้ารังเกียจของเกอชิงเหม่ย ใบหน้าที่อ่อนโยนในตอนแรกของเขาพลันเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวทันที ทว่าไม่นานเขาก็ระงับความโกรธลง “ชิงเหม่ย ผมรู้ว่าเมื่อก่อนผมทำผิดต่อคุณ แต่ผมสำนึกผิดแล้วจริง ๆ คุณให้อภัยผมเถอะนะ”
—————————————————-