การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 350 สืบเรื่องของหลิวก่วงซิ่ว
บทที่ 350 สืบเรื่องของหลิวก่วงซิ่ว
บทที่ 350 สืบเรื่องของหลิวก่วงซิ่ว
จิงเจ้อหรงเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเฮ่อหลาน ก็ยิ้มตามไปด้วย และหวังว่าเกอชิงเหม่ยจะอยู่ที่นี่ให้นานอีกหน่อย แบบนี้อาหลานจะได้มีเพื่อนคุย ไม่เหงาเหมือนที่ผ่านมา
ถังซวงกับถังเซวี่ยเห็นแม่คุยกับเกอชิงเหม่ยอย่างสนุกสนาน จึงพูดขึ้น “แม่คะ ป้าเกอ พวกเราจะไปดูอะไรที่ครัวหน่อย เพราะกว่าที่เราจะได้มารวมตัวกันแบบนี้มันหายากมาก วันนี้มากินอาหารอร่อย ๆ กันดีกว่าค่ะ”
“จ้ะ งั้นพวกลูกรีบไปเถอะ”
มองแผ่นหลังของถังซวงกับถังเซวี่ยที่เดินออกไปไกล เกอชิงเหม่ยอดอุทานไม่ได้ “ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยสวยขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ อ๊ะ จริงสิ สองคนนั้นน่าจะปิดเทอมกันแล้วใช่ไหม”
“ใช่ ปิดเทอมกันหมดแล้ว แต่ฉันได้ยินซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยบอกว่า ถึงจะปิดเทอมแล้ว พวกเธอก็ยังต้องเรียนต่อ เด็กสองคนนี้ใช้เวลาเป็นประโยชน์มาก” มีบางครั้งที่เห็นลูกสาวทั้งสองไม่ค่อยได้พักผ่อน เฮ่อหลานก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
แต่ไหน ๆ เกอชิงเหม่ยก็มาแล้ว เฮ่อหลานถึงได้คุยเรื่องของถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนให้เธอฟัง
“พี่ชิงเหม่ย ยังมีเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งนะคะ ซวงเอ๋อร์กับเจ๋อหยวนกำลังจะหมั้นกันแล้ว ไม่รู้ว่าคราวนี้พี่จะพักอยู่ปักกิ่งนานแค่ไหน หากอยู่ถึงเดือนแปดได้ก็คงดี จะได้เข้าร่วมงานหมั้นของพวกหลาน ๆ ด้วย”
“อะไรนะ… จริงหรือ?”
เกอชิงเหม่ยมองไปที่โม่เจ๋อหยวนด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “เจ๋อหยวน เธอจะหมั้นกับซวงเอ๋อร์จริงหรือ?”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าอย่างไม่คิดปิดบัง “ครับ ผมกับซวงเอ๋อร์กำลังจะหมั้นกัน อายุของเราสองคนก็ไม่น้อยแล้ว อีกทั้ง เราต่างก็มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน จึงอยากหมั้นกันตั้งแต่เนิ่น ๆ”
เกอชิงเหม่ยปลื้มใจมาก “ดี ๆ งั้นป้าจะพยายามอยู่ปักกิ่งให้ถึงวันนั้น จะได้ไปเป็นแขกงานหมั้นพวกเธอไง”
ซ่างสยงเยี่ยที่อยู่ด้านข้างก็แสดงความยินดีด้วย “สหายโม่ ขอแสดงความยินดีกับเธอและซวงเอ๋อร์ด้วยนะ”
“ขอบคุณครับ”
แต่จิงเจ้อหรงกลับมองโม่เจ๋อหยวนอย่างไม่พอใจ เจ้าเด็กนี่น่าโมโหซะจริง แค่แป๊บเดียวก็แย่งซวงเอ๋อร์ไปจากเขาซะแล้ว แต่ทันใดนั้นจิงเจ้อหรงก็คิดถึงถังเซวี่ยขึ้นมา และตัดสินใจได้ทันทีว่าถ้าลูกสาวคนเล็กจะต้องหมั้นไปอีกคนก็อยากให้ช้ากว่านี้หน่อย ต้องไม่เหมือนถังซวงที่จะจากเขาไปเร็วขนาดนี้
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงกับถังเซวี่ยที่มาถึงห้องครัว กำลังคิดชื่ออาหารที่เกอชิงเหม่ยชอบทานเป็นพิเศษมาสองสามอย่าง ก่อนจะให้คนครัวทำให้
“คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองวางใจได้เลยค่ะ พวกเราจะทำอาหารพวกนี้อย่างเต็มที่”
“รบกวนคุณป้าด้วยนะคะ”
ตระกูลจิงมีแม่ครัวมาทำอาหารให้โดยเฉพาะ อีกทั้งฝีมือถือว่าไม่แย่ ปกติเวลาอยากจะกินอะไรสามารถบอกเธอได้เลย
ถังซวงกับถังเซวี่ยจัดการธุระในครัวเสร็จแล้ว ทั้งสองเดินกลับไปที่เดิม
ระหว่างทาง จู่ ๆ ถังเซวี่ยก็พูดขึ้น “พี่คะ คนที่มาหาเรื่องป้าเกอที่ชื่อหลิวก่วงซิ่วอะไรนั่นทำเกินไปแล้ว แค่เพราะอยากมีเงินใช้ไม่ต้องลำบาก กลับทอดทิ้งป้าเกอไปอย่างง่ายดาย แต่มาตอนนี้กลับมีท่าทางแบบนั้น เขาคิดได้ยังไง แต่ดูจากท่าทางโรคจิตลามกแล้ว เขาไม่คู่ควรกับป้าเกอเลยสักนิด แค่พูดชื่อเธอก็ถือเป็นการดูหมิ่นแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของน้องสาว ถังซวงจึงพูดตอบ “หยุดโมโหได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะให้คนไปสอบถามเรื่องของหลิวก่วงซิ่ว จะได้รู้ว่าตอนนี้หมอนั่นเป็นยังไง”
“ค่ะพี่ ต้องตรวจสอบคน ๆ นี้ให้ดี ๆ ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะตบหน้าเขาสักทีหนึ่งเหมือนกัน”
แต่สักพัก ถังเซวี่ยเอ่ยอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย “ที่ป้าเกอไม่อยากแต่งงาน แค่เพราะคนเลวคนนี้หรอกใช่ไหม ที่ป้าโสดมาจนถึงป่านนี้มันไม่คุ้มค่าเลย หลิวก่วงซิ่วคนนั้นไม่มีค่าพอจะทำให้เธอต้องกังวลด้วยซ้ำ”
“พอแล้วเสี่ยวเซวี่ย อย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าป้าเกอเด็ดขาดนะ ฉันไม่อยากให้ป้าเครียด”
ถังเซวี่ยพยักหน้าและเอ่ยอย่างรีบร้อน “พี่ไม่ต้องกังวล ฉันเข้าใจค่ะ”
สองพี่น้องคุยไประหว่างเดินและมาถึงห้องโถง ถังเซวี่ยเดินไปหาเกอชิงเหม่ยและเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ป้าเกอ ฉันให้คนครัวทำอาหารที่ป้าชอบทั้งนั้นเลยค่ะ ป้าต้องกินเยอะ ๆ นะคะ”
เกอชิงเหม่ยพยักหน้าและยกยิ้ม ลูบหัวของถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ยของเรานี่น่ารักจริง ๆ”
เกอชิงเหม่ยกับเฮ่อหลานพูดคุยกันไปหลายเรื่อง หลังจากสนทนากันได้สักพัก อาหารเกือบจะเสร็จแล้ว จิงเจ้อหรงจึงพาทุกคนไปที่ห้องทานอาหาร บรรยากาศการทานข้าววันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก จากนั้นเกอชิงเหม่ยกับซ่างสยงเยี่ยไปพักในห้องที่จัดเตรียมไว้แล้ว
“ป้าเกอ คุณซ่าง พวกคุณพักผ่อนก่อนนะคะ”
“จ้ะ”
เพราะนั่งรถไฟมานาน เกอชิงเหม่ยยอมรับว่าเธอรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ ส่วนเมื่อครู่ซ่างสยงเยี่ยเองก็ดื่มไปไม่น้อย เขาต้องการการพักผ่อนเช่นกัน ดังนั้นหลังจากทั้งสองปิดประตูแล้ว จึงแยกย้ายกันพักผ่อนที่ห้องใครห้องมัน
หลังจากถังซวงกับถังเซวี่ยกลับไปที่ลานเล็ก ๆ ของตัวเอง ก็พบโม่เจ๋อหยวนรออยู่แล้ว
“พี่โม่ บ่ายนี้พี่ก็ไม่กลับบ้านหรือ?”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “อืม พี่อยากอยู่กับเธอให้มากอีกหน่อย”
ถังเซวี่ยอยู่ด้านข้างรู้สึกเขินอายเล็กน้อย จึงรีบเดินไปข้างหน้าและพูดว่า “พี่คะ พี่โม่ งั้นฉันไม่รบกวนพวกพี่แล้ว พวกพี่คุยกันไปนะ” พูดจบก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นท่าทางเร่งรีบของถังเซวี่ย ถังซวงอดมองค้อนโม่เจ๋อหยวนไม่ได้ “ดูพี่สิทำให้เสี่ยวเซวี่ยตกใจ เธอวิ่งหนีไปแล้วเห็นไหม”
“แต่พี่ก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนะ”
โม่เจ๋อหยวนพูดจบ ก็หันมากะพริบตาปริบ ๆ ใส่ถังซวง เธออดตีเขาเบา ๆ ไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องของเกอชิงเหม่ยก็พูดขึ้น “พี่โม่ ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ว่าจะให้คนไปสืบเรื่องหลิวก่วงซิ่วคนนั้นน่ะค่ะ”
“อืม งั้นพี่จะไปกับเธอด้วย”
ถังซวงไม่ปฏิเสธ และทั้งสองคนก็ออกไปด้วยกัน
ถังซวงไปหาเปาลี่ผิง เธอตั้งใจจะให้เขาไปสืบเรื่องของหลิวก่วงซิ่ว ขณะเดียวกันเธอก็วาดภาพของหลิวก่วงซิ่วมาให้ด้วย
“ท่านผู้นำโปรดวางใจ ผมจะให้คนของเราสืบหาชายผู้นี้โดยเร็วที่สุด”
“อืม หลังจากพวกคุณเจอแล้ว ช่วยตรวจสอบประวัติของคนคนนี้ด้วย เริ่มจากเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนเลย”
“ได้ครับ ท่านผู้นำ”
เปาลี่ผิงน้อมรับคำสั่งด้วยรอยยิ้มสบาย ๆ ในขณะที่ดูภาพจากฝีมือถังซวง ก็เอ่ยชม “ท่านผู้นำวาดภาพได้สวยจริง ๆ ครับ”
เปาลี่ผิงดำเนินการสืบหาได้อย่างรวดเร็ว เพียงวันที่สอง เขาได้ให้คนมาพบถังซวงเพื่อรายงานเธอว่าสืบเรื่องได้แล้ว
ถังซวงไม่คิดเลยว่าเปาลี่ผิงจะทำงานได้รวดเร็วขนาดนี้ เธอพาโม่เจ๋อหยวนออกไปด้วยกันอีกครั้ง
“ท่านผู้นำ หลิวก่วงซิ่วผู้นี้เป็นลูกหลานของคนตระกูลหลิวในปักกิ่ง เขาเพิ่งมาที่นี่เมื่อปีที่แล้ว เดิมทีหลิวก่วงซิ่วคนนี้ไม่สามารถย้ายมาทำงานที่ปักกิ่งเร็วขนาดนี้ แต่ได้ยินมาว่าครอบครัวฝั่งภรรยาของเขามีอิทธิพลมาก ซึ่งได้ช่วยหลิวก่วงซิ่วไว้ไม่น้อย เขาประสบความสำเร็จช่วงที่ดำรงตำแหน่ง แต่ดูเหมือนว่าภรรยาของเขาจะเพิ่งเสียไปไม่กี่เดือนก่อน”
“ภรรยาของเขาเสียแล้ว?”
ได้ยินเช่นนี้ ตาของถังซวงหรี่ลงโดยอัตโนมัติ “ไม่น่าล่ะ ที่ชายคนนี้กล้ารุ่มร่ามกับป้าเกอในที่สาธารณะ เพราะภรรยาของเขาจากไปแล้วนี่เอง”
เมื่อรู้ความจริงทั้งหมด สีหน้าของถังซวงดูไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด “หมายความว่าหลิวก่วงซิ่วคนนี้อยากจะกลับไปกินของเดิมจริง ๆ สินะ ทั้งที่ตอนนั้นเขาทอดทิ้งป้าเกอไปแท้ ๆ คิดหรือว่าป้าเกอจะยังต้องการเขาอีก ฝันไปหรือเปล่า”