การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 352 ปกป้องเกอชิงเหม่ย
บทที่ 352 ปกป้องเกอชิงเหม่ย
บทที่ 352 ปกป้องเกอชิงเหม่ย
ซ่างสยงเยี่ยตอบรับคำเชิญของเกอชิงเหม่ย และในวันถัดมาทั้งสองไม่ได้ทานมื้อเย็นที่บ้านตระกูลจิง แต่ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแทน
“คุณชายซ่างอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ สั่งเพิ่มอีกสักสองสามอย่างได้นะคะ”
ซ่างสยงเยี่ยมองดูอาหารทั้งหมดในรายการ ก่อนจะสั่งหมูตุ๋น ปลานึ่ง มันฝรั่งตุ๋น และข้าวสองจาน
เห็นซ่างสยงเยี่ยสั่งอาหารเท่านี้ เกอชิงเหม่ยรีบพูดขึ้นว่า “น้อยไปหน่อยไหมคะ เราสั่งเพิ่มอีกหน่อยดีไหม?”
ซ่างสยงเยี่ยโบกมือก่อนจะพูดต่อว่า “ไม่ต้องหรอกครับ แค่นี้พอแล้ว”
ก่อนหน้านี้เกอชิงเหม่ยคิดว่าจะสั่งอะไรอีกเล็กน้อย แต่เมื่อมองดูรายการที่อีกฝ่ายสั่ง ก็เห็นว่าไม่ควรเพิ่มเติมอะไรอีก อาหารทั้งหมดนี้เพียงพอสำหรับสองคนแล้ว แต่พอเหลือบไปเห็นเกี๊ยวในรายการอาหาร เจ้าตัวก็เลือกที่จะสั่งมาอยู่ดี มิหนำซ้ำยังสั่งกะหล่ำปลีผัดเนื้อมาเพิ่มอีก
ขณะที่ทั้งสองคว้าตะเกียบและกำลังจะลงมือรับประทาน จู่ ๆ เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้นจากไม่ไกล
“เกอชิงเหม่ย… เธอมาทำอะไรที่นี่?”
ได้ยินเสียงดังแสบแก้วหูจากด้านข้าง เกอชิงเหม่ยขมวดคิ้วก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนสะดุดเข้ากับหญิงท่าทางใจร้ายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า โดยมีหลิวก่วงซิ่วขนาบอยู่ทางด้านหลัง
หลิวก่วงซิ่วเผยสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเกอชิงเหม่ยกับซ่างสยงเยี่ยกำลังนั่งทานอาหารด้วยกัน
“เกอชิงเหม่ย… เธอคบกับหมอนี่จริง ๆ หรือ ถึงว่าล่ะหมอนี่ถึงเข้ามาแส่ตอนที่อยู่ที่สถานีรถไฟ นี่ฉันคิดถูกจริง ๆ สินะ”
หูเยว่ แม่ของหลิวก่วงซิ่วมองเกอชิงเหม่ยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะพูดขึ้น “เธอยังเหมือนเดิมเลยนะ ทั้งอ่อนแอและไร้ราศี ฉันเตือนไว้ก่อน เธอกับก่วงซิ่วถอนหมั้นกันตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน อย่าเข้ามายุ่งกับเขาอีกเด็ดขาด”
“แม่…”
เมื่อได้ยินว่าแม่ของตนกำลังพูดอะไร หลิวก่วงซิ่วรีบดึงอีกฝ่ายเอาไว้ “แม่ครับ ไปกินข้าวเถอะ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจหรอก” เขาไม่ต้องการให้แม่ของเขาพูดอะไรอีก ตอนนี้เกอชิงเหม่ยดูดีกว่าเดิมมาก เขายอมรับว่ายังคาดหวังที่จะกลับไปคืนดีกับเธอ จึงไม่อยากให้แม่ว่าร้ายอะไรไปมากกว่านี้
หูเยว่เอ่ยลอดไรฟันด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันก็ไม่อยากจะคิดเรื่องนี้หรอกนะ แต่ดูแม่ผู้หญิงคนนี้สิ หลังจากรู้ว่าพวกเราเข้าเมืองหลวง เธอก็ตามเรามา ไร้ยางอายจริง ๆ”
เกอชิงเหม่ยมองสองแม่ลูกที่กำลังเหยียดหยามตนก่อนจะกล่าว “อย่าบังคับให้ฉันต้องพูดอะไรเลยนะคะ ฉันไม่อยากสร้างความอับอายให้กับพวกคุณในที่สาธารณะแบบนี้หรอก รีบออกไปซะเถอะค่ะ อย่ามารบกวนมื้ออาหารของเรา”
ฟังฝีปากของเกอชิงเหม่ยแล้ว หูเยว่ถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เกอชิงเหม่ยที่เธอเคยรู้จักเป็นคนอ่อนแอ ไม่มีปากไม่มีเสียง แต่ผู้หญิงตรงหน้านี้เปลี่ยนไป เธอกล้าที่จะต่อว่าและกล่าวถ้อยคำรุนแรงออกมา นั่นทำให้หูเยว่ที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วโกรธจัด “เกอชิงเหม่ย เธอกล้าพูดกับฉันอย่างนี้เชียวหรือ? รีบขอโทษฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
เห็นท่าทีโกรธจัดของแม่ หลิวก่วงซิ่วรีบคว้าตัวเธอเอาไว้ก่อนจะกระซิบ “แม่ครับ เรามาที่นี่เพื่อทานมื้อเย็นไม่ใช่หรือ ไปกินข้าวเถอะครับอย่าสนใจเรื่องนี้เลย”
“ถ้าวันนี้มันไม่ขอโทษฉัน จะไม่มีใครได้กินอาหารทั้งนั้น”
หูเยว่เดือดพล่าน ถ้าเธอกับหลิวก่วงซิ่วไม่ได้กิน เกอชิงเหม่ยกับซ่างสยงเยี่ยก็ต้องไม่ได้กินเหมือนกัน
เกอชิงเหม่ยแทบจะสำลักความโกรธ “ประทานโทษนะคะคุณยาย ฉันรู้จักคุณหรือ? ทำไมฉันต้องขอโทษคุณด้วย? คนที่ต้องขอโทษควรจะเป็นคุณมากกว่านะคะ เพราะคุณต่างหากที่เป็นคนรบกวนมื้ออาหารของเราสองคน ทำไมยังไม่รีบขอโทษฉันอีกล่ะคะ?”
“แก… แกกล้าต่อปากต่อคำจริง ๆ”
ใบหน้าของหูเยว่แดงก่ำเพราะความโกรธ เธอไม่อาจข่มอารมณ์ไหว คิดจะพุ่งตัวเข้าไปตบตีผู้หญิงตรงหน้า
ซึ่งหลิวก่วงซิ่วเองก็ไม่พอใจกับถ้อยคำของเกอชิงเหม่ยมาก แต่เพราะที่นี่คือร้านอาหาร มีผู้คนมากมาย เขาจึงรีบหยุดแม่ของตนเอาไว้ “แม่ครับ อย่าทำแบบนี้ ปล่อยเธอไปเถอะครับ”
“จะให้ฉันปล่อยไปได้ยังไง? นางนี่มันต่อว่าฉันขนาดนี้ จะให้ฉันอยู่เฉยหรือ? อีกอย่าง แกจะให้ฉันขอโทษมันหรือไง!”
หลิวก่วงซิ่วเองก็โกรธเช่นกัน แต่การถูกคนรอบข้างซุบซิบและจับจ้องทำให้รู้สึกอับอายยิ่งกว่า จนเขาต้องการออกจากที่นี่โดยเร็ว “แม่ครับ ที่นี่มีคนเยอะเกินไป เราออกไปก่อนดีกว่า”
“ทำไมเราต้องออกไป? เกอชิงเหม่ยทำผิดแท้ ๆ ทำไมเราต้องยอม!”
พูดจบหูเยว่ก็เหลือบมองซ่างสยงเยี่ยอีกครั้ง และเห็นว่าผู้ชายที่นั่งร่วมโต๊ะกับเกอชิงเหม่ยนั้นดูดีมาก เขาสวมสูทที่หรูหรา ดูหล่อเหลา ลูกชายของเธอเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ เห็นอย่างนี้แล้วหูเยว่ยิ่งโกรธจัด ใจจริง เธออยากเห็นเกอชิงเหม่ยต้องขึ้นคานไปตลอดชีวิตเมื่อไม่ได้แต่งงานกับลูกชายของตน!
หูเยว่กล่าวเสียงดังกับคนรอบข้างที่กำลังสนใจสถานการณ์ “งั้นให้พวกคุณทั้งหมดช่วยกันตัดสิน เดิมทีผู้หญิงคนนี้เป็นคู่หมั้นของลูกชายฉัน แต่เห็นไหมว่าตอนนี้เธอกำลังกินข้าวกับชายอื่นในที่สาธารณะ? และยังแสดงท่าทีหยาบคายกับฉันอีก พวกคุณคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนยังไงล่ะ?”
คนนอกไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในความสัมพันธ์ของเกอชิงเหม่ยกับหลิวก่วงซิ่ว เมื่อได้ยินหูเยว่พูดออกมาอย่างนั้น พวกเขาย่อมมองว่าเกอชิงเหม่ยเลวร้ายทันที
“นี่คุณ เรื่องนี้คุณผิดจริง ๆ คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้วจะไปนั่งทานข้าวกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง? คนตรงหน้าคือแม่สามีในอนาคต คุณไม่ควรจะพูดจากับหล่อนอย่างนั้น คุณรีบขอโทษหล่อนเสียดีกว่า”
“ใช่ คนที่ไร้ยางอายทำไมยังมีที่ยืนในสังคม แม่สามีมาเห็นลูกสะใภ้ทำอย่างนี้ เป็นฉันก็คงต้องอาเจียนเอามื้ออาหารเมื่อวานออกมาเหมือนกัน”
เวลานี้เกอชิงเหม่ยกับซ่างสยงเยี่ยถึงกับหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“พูดออกมาอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าลูกชายของคุณโลภมากแค่ไหน ความทะเยอทะยานทำให้เขาทรยศคู่หมั้นของตัวเอง หลิวก่วงซิ่วหนีไปแต่งงานกับหญิงที่มีชาติตระกูลสูงส่ง และทอดทิ้งชิงเหม่ย ทำไมคุณถึงกลับมาใช้สิทธิ์ความเป็นคู่หมั้นให้ชิงเหม่ยรับผิดชอบอะไรอีก ทั้งที่การหมั้นของเธอกับลูกชายของคุณถูกยกเลิกไปตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน? หรือคุณคิดว่าหลิวก่วงซิ่วสามารถแต่งงานมีลูกได้อย่างสบาย ๆ แต่สหายชิงเหม่ยไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น? ทุกสิ่งมีเพียงคุณที่ทำได้ฝ่ายเดียวงั้นสิ?”
เมื่อคนรอบข้างได้ยินคำพูดของซ่างสยงเยี่ยแล้ว ก็พากันเงียบงันด้วยความตกตะลึง
“อะไรนะ… นี่มันข่มเหงกันมากเกินไปหรือเปล่า ยกเลิกการหมั้นหมายแล้วแต่ยังอยากจะครอบครองผู้หญิงคนนี้อีกงั้นหรือ? ถ้ายกเลิกงานหมั้นแล้ว เรื่องของหล่อนก็ไม่ใช่ธุระกงการของคุณอีกต่อไปสิ”
“ใช่ คุณทิ้งเธอไปเอง แต่ยังมีหน้ามาวุ่นวายกับเธออีกงั้นหรือ? ไร้ยางอายจริง ๆ”
“อีกอย่าง นี่ก็ไม่สมควรอย่างมาก เรื่องทั้งหมดจบลงไปแล้วตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน และผู้ชายคนนี้มีสิทธิ์ที่จะเป็นสามีใหม่ของหล่อนอย่างถูกต้องนะ”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เกอชิงเหม่ยก็ต้องการปฏิเสธคำพูดดังกล่าวในทันที
ทว่าซ่างสยงเยี่ยไม่พูดอะไร เขายืนอยู่ข้างเธอ และจับจ้องไปที่สองแม่ลูกพร้อมกล่าวคำเย็นชา “เร็วสิ รีบออกไปเถอะครับ ผมกำลังรับประทานมื้อเย็นกับสหายชิงเหม่ย ไม่อยากเห็นหน้าคนที่น่าขยะแขยงแบบพวกคุณต่อสักวินาทีเดียว”
—————————————————-