การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 356 รวมกลุ่ม
บทที่ 356 รวมกลุ่ม
บทที่ 356 รวมกลุ่ม
เกอชิงเหม่ยและถังเซวี่ยหลบอยู่ด้านหลังตลอดเวลา เพราะยังไงทั้งสองก็ไม่มีทักษะการต่อสู้ใด หากไม่คอยคุ้มกัน คงจะทำให้ถังซวงและคนอื่น ๆ เดือดร้อน ทั้งที่คิดว่าเรื่องราวทั้งหมดควรจะจบลงได้แล้ว แต่กลับมีคนอีกกลุ่มโผล่มาเพื่อจัดการกับถังซวงต่อ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
แม้แต่เหลิ่งตงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ยังประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เข้าใจอะไร กลุ่มคนที่เพิ่งปรากฏก็พุ่งตัวเข้าหาถังซวงซะแล้ว
“สหายถังซวง เราต้องหยุดคนพวกนี้ก่อน แล้วรีบพาสหายถังเซวี่ยกับคนอื่น ๆ ออกจากที่นี่โดยเร็ว”
แม้พวกเขาจะไม่ได้ต่อสู้กับกลุ่มที่เพิ่งปรากฏตัว แต่เหลิ่งตงก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าคนกลุ่มที่โผล่มารับมือได้ยากที่สุด แต่หากมัวแต่มานั่งกังวล ก็คงจะไม่เกิดผลดีแน่
แน่นอนว่าถังซวงเองก็ทราบว่าคนพวกนี้รับมือไม่ได้ง่าย ๆ จึงไม่คิดออมมือแต่อย่างใด “สหายเหลิ่ง ถ่วงเวลาให้ฉันหน่อย ให้เสี่ยวเซวี่ยกับคนอื่นออกไปก่อน”
“สหายถังซวง ไม่ต้องกังวลเรื่องของพวกเรา คุณรีบลงมือเร็วเข้า”
เหลิ่งตงตะโกนบอกถังซวงพร้อมกับพยายามกันคนตรงหน้า
เรื่องสำคัญที่สุดของพวกเขาทั้งสามคือการปกป้องถังซวง แต่แม้ว่าถังซวงจะเจอกับเรื่องอันตรายอะไรก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นก็ได้เงียบหายไปเนิ่นนาน ไม่คิดเลยว่าจะมาปรากฏตัวในวันนี้ นี่ถือว่าพวกเขาล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ
ถังซวงชำเลืองมองเหลิ่งตง ก่อนจะคิดว่าควรตอบอีกฝ่ายอย่างไร แต่เวลานี้เธอทำได้เพียงคาดหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นดี
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ถังซวงจะลงมือ กลุ่มสุดท้ายที่ปรากฏตัวก็หัวเราะออกมา “คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปซะ แต่สำหรับเธอ… ต้องอยู่ที่นี่เท่านั้น” ชายที่พูดขึ้นมาชี้หน้าของถังซวงอย่างหยาบคาย
และคนกลุ่มที่สองเห็นว่ามีอีกกลุ่มออกมา อีกทั้งเป้าหมายของพวกนั้นคือถังซวง ซึ่งไม่ขัดผลประโยชน์กัน เขาจึงยกยิ้มแล้วกล่าวตอบไปว่า “สหาย นายจะจับถังซวงก็จับไป ส่วนถังเซวี่ยให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา พวกเรามาที่นี่เพื่อจับกุมถังเซวี่ยเท่านั้น”
ได้ยินอย่างนั้น คนกลุ่มที่สามหัวเราะออกมาก่อนจะตอบรับว่า “ได้ ตกลงตามนี้”
ถังซวงมองดูคนเหล่านี้ด้วยสายตาเย็นชา “อืม… ฉันก็อยากรู้ว่าพวกแกจะทำได้ไหมเหมือนกัน” ขณะพูดอย่างนั้น เธอหยิบขวดแก้วอีกขวดออกมา แต่ก่อนที่เธอจะทันได้เปิดมัน มีคน ๆ หนึ่งพุ่งเข้ามาโจมตีจากด้านบน
คนที่พุ่งเข้ามานับว่ามีฝีมือมาก และถังซวงรู้ว่าคนคนนี้ยากจะรับมือ คนกลุ่มนี้รับมือยากกว่ากลุ่มก่อนหน้าที่เธอเคยพบเจอ พวกมันไม่ต่างจากพวกที่กล้าพลีชีพ แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจของเธอตอนนี้คือคนเหล่านี้ต้องการจับเธอไปทำไม และใครเป็นคนส่งพวกมันมา
“ยัยถังซวง พวกเรารู้วิธีการต่อสู้ของเธอดี ถึงของในมือเธอจะรับมือยาก แต่พวกเราก็เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว”
ชายหัวโล้นของกลุ่มที่สามกล่าวขึ้นมา แม้ศีรษะของเขาจะเลื่อมจนสะดุดตา แต่ตัวของเขาใหญ่มาก แถมยังดูดุดันน่าเกรงขาม เวลานี้เขายกยิ้มให้ถังซวงก่อนจะพูดต่อว่า “สาวน้อย เธอนี่น่าสนใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่ต่อสู้เก่ง แต่ยังปรุงยาได้อีก ถ้าจับเธอมาได้ ฉันก็คงต้องนั่งคุยกับเธอแล้วล่ะว่าเธอทำอะไรได้อีกบ้าง”
ชายหัวโล้นพูดจาราวกับถือไพ่เหนือกว่า ทำให้ถังซวงหรี่ตาลงก่อนจะตอบกลับไป “ถ้าอย่างนั้นก็มาดูกันว่าแกมีความสามารถอย่างที่พูดไหม”
การเคลื่อนไหวของถังซวงรุนแรงและรวดเร็ว แต่เพราะอีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่า เมื่อผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงการเคลื่อนไหวของเธอเริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังรวดเร็วกว่าพวกมันมาก
ถังเซวี่ยเฝ้ามองดูเหตุการณ์อย่างกระวนกระวาย เพราะมีกลุ่มที่สามปรากฏตัวขึ้น กลุ่มที่สองก็เคลื่อนไหวสะดวก ซึ่งตอนนี้เหลิ่งตงกำลังจะพ่ายแพ้ ถังเซวี่ยจึงหยิบยกขวดยาออกมาโดยไม่ให้ใครรู้
ผงยาในขวดแก้วปลิวไปตามแรงลม ก่อนจะคืบคลานเข้าหาคนที่อยู่ในสนามต่อสู้
“ถอย”
ผู้นำของกลุ่มที่สองตะโกนออกมา เขาระมัดระวังถังซวงตลอดเวลา และเขาก็ไม่ลืมที่จะจับตาดูถังเซวี่ยด้วย เมื่อเห็นความผิดปกติ เขารีบตะโกนบอกลูกน้องของตัวเองทันที “ถอยออกมาก่อน”
ได้ยินอย่างนั้น ทั้งกลุ่มถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
ส่วนกลุ่มที่สามยังคงต่อสู้กับถังซวงอยู่ แต่เมื่อสูดดมผงนั้นเข้าไปแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่อเห็นอย่างนั้น ถังซวงตัวชาวาบและทำอะไรไม่ถูก
เธอรู้ดีว่าการต่อสู้วันนี้มันไม่ง่าย คนพวกนี้มีเป้าหมายในใจชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือเสี่ยวเซวี่ย คนกลุ่มแรกมีท่าทีหื่นกามและเป้าหมายของพวกมันคือป้าเกอ แต่เพราะพวกมันออกมาพร้อมกันจนทำให้เหลิ่งตงที่หลบซ่อนอยู่ยังต้องออกมาช่วย อีกทั้งยาที่เธอทำยังไม่สามารถใช้การได้ คนเหล่านี้จึงมีชัยไปมากกว่าครึ่ง
“ใครส่งพวกแกมา?”
ถังซวงถามพร้อมกับเหวี่ยงฝ่ามือหนักออกไปจัดการกับคนตรงหน้า ก่อนจะมองชายหัวโล้นด้วยแววตาเย็นชา
ชายหัวโล้นยกยิ้มจางก่อนจะตอบอย่างยียวน “ไปกับเรา เดี๋ยวก็รู้ว่าใครอยากพบเธอ”
“เหอะ… อย่างนั้นฉันก็จะยืนยันคำเดิม มาดูกันว่าพวกแกมีความสามารถไหม”
เพราะเรื่องราวบานปลายทำให้ความอดทนของถังซวงถึงขีดจำกัด เดิมทีเธอต้องการออมมือเพราะไม่คิดฆ่าใคร แต่เวลานี้เพราะความจำเป็น เธอจึงต้องลงมือ ต่อให้ใครต้องตาย ก็ไม่สามารถกล่าวโทษเธอได้ เพราะพวกเขายืนยันที่จะทำเรื่องแบบนี้เอง
ตอนนี้แววตาของถังซวงแปรเปลี่ยน จากที่สดใสค่อย ๆ เต็มไปด้วยความเย็นชาที่น่าขนลุก “ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ต้องการจับพวกเราไปทำไม”
“เหอะ… เอาน่า เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทีของถังซวงที่เปลี่ยนไปในพริบตา ชายหัวโล้นไม่เพียงแต่ไม่ประหม่าแต่ยังรู้สึกตื่นเต้นอีกด้วย “นานแล้วที่ฉันไม่ได้เจออะไรที่น่าสนใจอย่างนี้ ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าเด็กสาวตัวเล็กตรงหน้าจะทำอะไรได้บ้าง ทำไมหัวหน้าถึงสั่งให้ฉันพาคนมามากขนาดนี้”
พูดจบ ชายหัวโล้นก็พุ่งเข้าหาถังซวงทันที
ถังซวงเองก็พุ่งเข้าหาชายหัวโล้นอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
แม้เหลิ่งตงและคนอื่น ๆ อยากจะช่วยเหลือ แต่ว่าตอนนี้เขากำลังพัวพันกับคนกลุ่มที่สองอยู่ ไม่สามารถละมือออกไปได้เลย
เวลานี้เกอชิงเหม่ยเริ่มกระวนกระวาย ฝ่ามือของเธอชุ่มเหงื่อ และร่างกายก็เริ่มสั่นสะท้านจนไม่สามารถควบคุมได้ “เสี่ยวเซวี่ย ซวงเอ๋อร์จะไม่เป็นไรใช่ไหม คนพวกนี้เป็นใคร ทำไมถึงจะจับตัวพวกเราไป?”
ถังเซวี่ยเองก็เต็มไปด้วยความกังวล แต่เธอรู้ดีว่าต้องไม่เผยท่าทีหวาดกลัวออกไป อย่างน้อยก็ต้องช่วยทำให้ป้าเกอผ่อนคลายลงบ้าง “ป้าเกอคะ พี่จะต้องไม่เป็นไรค่ะ อีกอย่างเหลิ่งตงกับคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาคือผู้ที่คอยคุ้มกันพี่สาว พวกเขาแข็งแกร่งมาก ไม่ต้องห่วงนะคะ”
แม้ถังเซวี่ยจะพูดอย่างนั้น แต่เกอชิงเหม่ยก็ยังกังวล
ฝั่งของเธอมีน้อยกว่าอย่างชัดเจน จำนวนที่น้อยกว่าย่อมเสียเปรียบ และเธอไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย ทำได้เพียงอยู่เฉย ๆ พยายามไม่สร้างปัญหาเพิ่มเติมให้กับถังซวงและคนอื่น ๆ เท่านั้น
—————————————————-