การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 36 ถามทาง(รีไรท์)
บทที่ 36 ถามทาง(รีไรท์)
บทที่ 36 ถามทาง(รีไรท์)
ทั้งสามแม่ลูกกลับไปที่หมู่บ้านเถาฮวาหลังทานอาหารเย็นเสร็จ แต่เมื่อพวกเธอกลับถึงบ้านก็พบกับอู๋จวน ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านหลิวเหลียงไค ยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
เมื่อเห็นเฮ่อหลานและลูก ๆ กลับมา อู๋จวนก็ยิ้มและพูดว่า “อาหลาน เธอกลับมาทันเวลาพอดีเลย ฉันมาหาเธอน่ะ”
เมื่อเห็นว่าเป็นอู๋จวน เฮ่อหลานรู้สึกประหลาดใจ เธอรีบยิ้มและพูดว่า “พี่สะใภ้ เข้ามานั่งก่อนสิคะ”
อู๋จวนโบกมืออย่างรีบร้อนและพูดว่า “ไม่ ๆ ฉันแค่เอาของมาให้แล้วก็จะไปแล้ว” ขณะที่พูด อู๋จวนก็ยัดตะกร้าใส่มือของเฮ่อหลานแล้วรีบออกไป
“เอ่อ…พี่สะใภ้”
เมื่อเฮ่อหลานเห็นเค้กน้ำตาลทรายแดงในตะกร้า เธอก็ต้องการส่งคืน แต่อู๋จวนกลับเดินจากไปอย่างรวดเร็วจนเธอมองแทบไม่ทัน
ถังเซวี่ยเหลือบมองไปที่ตะกร้า และเมื่อเธอเห็นว่ามันคือเค้กน้ำตาลทรายแดง เธอก็ตาเป็นประกายแล้วพูดว่า “ป้าอู๋เอาเค้กน้ำตาลทรายแดงมาให้เรา ช่างใจดีจริง ๆ”
ทุกวันนี้ข้าวต้มมันเทศต่างก็เป็นอาหารหลักของทุกครัวเรือน โอกาสที่จะได้กินข้าวสวยหรือขนมอบเหล่านี้นั้นหายากมาก แล้วยิ่งเค้กน้ำตาลทรายแดงยิ่งแล้วใหญ่ ดูมันสิ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ ๆ
เฮ่อหลานรู้สึกว่าเค้กน้ำตาลทรายแดง มันมากเกินไป
ถังซวงกลับพูดว่า “ป้าอู๋รีบกลับไปโดยที่เรายังไม่ทันทำอะไรเลย อย่างนั้นก็รับไว้ก่อนเถอะค่ะ แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็พยักหน้าและพูดว่า “นั่นสิ คงเป็นทางเลือกเดียวแล้ว”
จากนั้นสามแม่ลูกก็เข้าบ้านไปพักผ่อน
อีกด้านหนึ่ง โม่เจ๋อหยวนกำลังพูดคุยกับหลินหมิงซู่เกี่ยวกับการไปหมู่บ้านเถาฮวา
หลินหมิงซู่พยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวว่า “ครั้งล่าสุดที่ลุงเลี้ยงอาหารถังซวง ตอนนั้นลุงยังไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเธอมากนัก ตอนนี้ลุงรู้ที่อยู่ของบ้านเธอแล้ว เราควรไปเยี่ยมและขอบคุณเธอนะ เพราะเธอเองก็ได้ช่วยชีวิตหลานเอาไว้”
หลังจากที่ลุงกับหลานชายพูดจบ พวกเขาก็เริ่มเตรียมของขวัญ ซึ่งหลังจากนั้นสองวัน พวกเขาก็ไปที่หมู่บ้านเถาฮวาด้วยกัน
“บ้านของถังซวงอยู่ที่นี่หรือ? อากาศดีมากเลย”
หลินหมิงซู่หายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกปลอดโปร่งมาก
โม่เจ๋อหยวนยิ้มและพยักหน้า “ใช่ ดีจริง ๆ ครับ” แต่ในไม่ช้าเขาก็ต้องขมวดคิ้ว “แต่ผมไม่รู้ว่าบ้านของซวงเอ๋อร์อยู่ตรงไหน”
“ซวงเอ๋อร์…”
หลินหมิงซู่เลิกคิ้วมองโม่เจ๋อหยวน “ไม่เลวนะ ดูเหมือนว่าหลานกับถังซวงจะสนิทกันมากขึ้นนี่”
“ซวงเอ๋อร์เป็นหลานสาวของคุณปู่หลี่น่ะครับ แล้วคุณปู่หลี่กับคุณปู่ก็เป็นเพื่อนเก่ากัน พวกเราเลยสนิทกันไปเอง”
หลินหมิงซู่ยิ้มและพูดว่า “ก็จริง แต่หลานไม่ได้ขอที่อยู่เธอมาหรือ? อย่างนั้นเราคงต้องถามทางแล้วล่ะ”
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะถาม ผู้คนบนถนนก็เริ่มคุยกันว่า “คุณมาเยี่ยมญาติหรือ? คุณเป็นญาติใครล่ะ? ฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินหมิงซู่ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดีครับคุณป้า เราจะไปที่บ้านของถังซวงกันน่ะครับ คุณป้าช่วยบอกทางให้เราหน่อยได้ไหม?”
“คุณจะไปที่บ้านของอาหลานหรือ? บ้านของพวกเขาอยู่สุดทางนี่เอง ตรงไปจนสุดถนนสายนี้แล้วเลี้ยวซ้ายนะ แต่คุณเป็นญาติของครอบครัวพวกเขาจริงหรือ? เท่าที่ฉันรู้ อาหลานไม่น่าจะมีญาติแล้วนะ”
“เราเป็นเพื่อนของถังซวงน่ะครับ เราเลยมาเยี่ยมเป็นกรณีพิเศษ”
เมื่อมนุษย์ป้าได้ยินดังนั้นแม้เธอจะสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
“เป็นเพื่อนของถังซวงเองหรือ งั้นรีบไปเถอะ”
หลังจากที่หลินหมิงซู่และโม่เจ๋อหยวนเดินจากไป บางคนก็กำลังเกาะกลุ่มคุยกันอยู่ที่นั่น
“ให้ตายสิ ฉันไม่เคยเห็นใครที่หล่อเหลาขนาดนี้มาก่อนเลย แล้วเด็กหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เขานะ หล่อยิ่งกว่าอีก สองคนนี้เป็นใครกัน ถังซวงไปเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฉันไม่รู้หรอก เขาบอกว่าเป็นเพื่อนของถังซวงนี่ แถมยังเตรียมของขวัญมามากขนาดนั้น น่าจะเป็นเรื่องจริงนะ”
ในเวลานี้ ข่งหม่านจูอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเย็นชาและพูดว่า “หึ…สามแม่ลูกนั่นไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วย มีเพื่อนแบบนี้หลังจากที่ออกจากตระกูลถังไม่นาน สองคนนั้นไม่ได้ถามหาผิดบ้านจริง ๆ ใช่ไหม? แต่ในหมู่บ้านนี้ก็มีคนที่ชื่อถังซวงไม่กี่คนหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็มีคนเหลือบมองที่ข่งหม่านจู แล้วพูดว่า “หม่านจู หยุดพูดเรื่องอะไรแบบนี้สักทีเถอะ มีคนมาที่หมู่บ้านของเราแล้วพวกเขาไปที่บ้านของถังซวง มันมีอะไรผิดปกติล่ะ?”
“ใช่ ครอบครัวเฮ่อหลานจะมีเพื่อนในตำบลบ้าง แล้วมันทำไม?”
หลินหมิงซู่และโม่เจ๋อหยวนแต่งตัวต่างจากคนในชนบท ดังนั้นทั้งสองต้องมาจากในตำบลแน่ ทุกคนก็ไม่แปลกใจหรอกที่ข่งหม่านจูจะพูดคำหยาบคายแบบนั้น พวกเขายังคงเปรี้ยวปากไม่หาย เมื่อเห็นว่าหลินหมิงซู่ขนของมาตั้งมากมาย
หลังจากที่หลินหมิงซู่และโม่เจ๋อหยวนเดินไปได้สักพักหนึ่ง พวกเขาก็เห็นถังซวงกำลังเดินมาทางนี้
“ซวงเอ๋อร์…”
เมื่อโม่เจ๋อหยวนเห็นถังซวง เขารีบตะโกนเรียกทันที
ถังซวงก็เห็นพวกเขาเช่นกัน จึงวิ่งไปหาและพูดว่า “พี่โม่ อยู่ที่นี่เอง” จากนั้นเธอก็มองไปที่หลินหมิงซู่ และทักทายอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะคุณหลิน”
หลินหมิงซู่ยิ้มและพูดว่า “ถังซวง เธอเรียกฉันว่าลุงเหมือนเจ๋อหยวนก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ถังซวงก็เอ่ยเรียก ‘คุณลุง’ อย่างสุภาพ
“แบบนั้นแหละ… ดีเลย”
หลินหมิงซู่รู้สึกชอบเด็กสาวคนนี้ ตั้งแต่ที่ช่วยชีวิตหลานชายของเขาแล้ว และตอนนี้เมื่อเขาได้ยินเด็กสาวตัวเล็ก ๆ เรียกเขาว่าลุง เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเหมือนหลานสาวคนหนึ่ง
หลังจากที่ถังซวงพาทั้งสองไปที่บ้าน เธอก็แนะนำให้พวกเขารู้จักกับเฮ่อหลาน
เมื่อเห็นหลินหมิงซู่ เฮ่อหลานรีบวิ่งไปทักทายทันที
“สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นลุงของเสี่ยวโม่สินะคะ เชิญนั่งข้างในเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินเฮ่อหลานทักทาย หลินหมิงซู่ก็รีบพูดว่า “สวัสดีครับพี่หลาน พวกผมต้องขอรบกวนด้วยนะครับ” ในขณะที่พูด เขาเดินตามเฮ่อหลานเข้าข้างใน
“แม่คะ คุยกับพี่โม่และคุณลุงไปก่อนนะ หนูจะไปดูว่าปู่อยู่หรือเปล่า”
ก่อนที่ถังซวงจะได้ออกไป ถังเซวี่ยก็ยืนขึ้นและพูดว่า “พี่สาว ฉันจะไปดูเอง พี่อยู่ที่นี่เถอะ” เธอพูดแล้ววิ่งออกไปทันที
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ถังเซวี่ยก็พาหลี่จงอี้มา
เมื่อเห็นหลี่จงอี้ โม่เจ๋อหยวนรีบลุกขึ้นและพูดทักทายว่า “สวัสดีครับคุณปู่หลี่”
หลินหมิงซู่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและโค้งคำนับหลี่จงอี้ด้วยความเคารพ “สวัสดีครับคุณหลี่”
“ตามสบาย ๆ เธอเป็นลุงของเสี่ยวโม่สินะ ขอบคุณที่พาเสี่ยวโม่มานะ”
หลินหมิงซู่รีบยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ เจ๋อหยวนมีเหตุผลมาก จริง ๆ แล้วผมไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย” เขารู้จักหลี่จงอี้ และในขณะเดียวกันก็ชื่นชมชายชราคนนี้มาก เมื่อวานที่ไม่ได้มากับโม่เจ๋อหยวนเพราะเขามีเรื่องสำคัญต้องไปทำ เขาเสียใจไม่น้อยที่ไม่ได้มาด้วยกัน แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอหลี่จงอี้เร็วขนาดนี้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่จงอี้ก็หัวเราะทันที “เสี่ยวโม่เก่งจริง ๆ เขาทำได้ทุกอย่างเลย”
คนสองสามคนนั่งคุยกัน และบรรยากาศก็มีชีวิตชีวาโดยพลัน
และเมื่อเฮ่อหลานทำมื้อกลางวันเสร็จ เธอก็เรียกทุกคนมาทานอาหารร่วมกัน นี่เป็นครั้งแรกที่หลินหมิงซู่กินอาหารของเฮ่อหลาน แล้วเขาก็ชื่นชมเธอมากหลังจากนั้น
เฮ่อหลานรู้สึกเขินอายกับคำชม ดังนั้นเธอจึงรีบขอให้พวกเขากินให้มากขึ้น
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ หลินหมิงซู่เห็นหนังสือเรียนหลายเล่มวางอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยกำลังเรียนมัธยมต้นอยู่หรือ?”