การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 364 ไปหาถึงบ้าน
บทที่ 364 ไปหาถึงบ้าน
เกอชิงเหม่ยพยักหน้ารับหลังจากได้ยินคำถามของถังซวง “จ้ะ มีข่าวใหม่”
ขณะที่พูดสีหน้าของเกอชิงเหม่ยดูโกรธเกรี้ยวมาก “คดีเริ่มคืบหน้าแล้ว ถึงป้าจะไม่รู้ว่าใครจับตัวเธอกับเสี่ยวเซวี่ยไป แต่คนกลุ่มแรกเราได้เบาะแสแล้วว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง”
“ใครหรือคะ?”
ถังซวงที่เห็นใบหน้าของเกอชิงเหม่ย พอจะคาดเดาบางอย่างได้
เวลานี้เกอชิงเหม่ยกล่าวผ่านไรฟันอย่างแค้นเคือง “แม่ของหลิวก่วงซิ่ว หูเยว่”
“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นหูเยว่จริง ๆ ป้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหลิวก่วงซิ่วตั้งนาน และไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลิว แต่พวกเขากลับคิดส่งคนมาทำร้ายป้า น่ารังเกียจจริง ๆ”
เห็นความไม่พอใจของเกอชิงเหม่ยอย่างนั้น ถังซวงอดไม่ได้ที่จะกล่าวปลอบ “ป้าเกอคะ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง เราจะจัดการพวกนั้นได้ทันทีเลยค่ะ”
“ใช่ เรื่องนี้ปล่อยผ่านไปไม่ได้เด็ดขาด หลิวก่วงซิ่วกับแม่ของเขาจะต้องชดใช้”
หากไม่ใช่ถังซวง เธอไม่กล้าคิดถึงสภาพของเด็กหญิงสองคนที่ถูกคนเหล่านั้นจับตัวไปเลย เวลานี้ความคิดของเกอชิงเหม่ยมั่นคงและเด็ดขาด เธอต้องการสู้เพื่อความยุติธรรมของตนเองและทุกคน
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุย จิงเจ้อหรงเดินเข้ามา
หลังจากเห็นท่าทางกระวนกระวายของเกอชิงเหม่ย เขาหันมองถังซวง “ซวงเอ๋อร์ ป้าเกอคงจะบอกลูกแล้ว หลิวก่วงซิ่วและหูเยว่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พ่อเลยติดต่อหลิวเชาและจะไปพบหูเยว่และหลิวก่วงซิ่วด้วยกัน”
เห็นจิงเจ้อหรงเตรียมการทั้งหมดแล้ว ถังซวงพยักหน้าก่อนจะพูดต่อว่า “ค่ะพ่อ พรุ่งนี้หนูจะไปด้วย”
โม่เจ๋อหยวนก็พูดขึ้นเช่นกัน “พรุ่งนี้ผมไปด้วยนะครับลุงจิง”
จิงเจ้อหรงเองก็รู้ดีว่าโม่เจ๋อหยวนและตระกูลโม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเช่นกัน และยังทุ่มเทกายใจเพื่อช่วยเหลือ เขาจึงไม่คิดปฏิเสธ
ทุกคนพูดคุยกันเสร็จสิ้น จิงเจ้อหรงมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะถามว่า “เจ๋อหยวน เธอจะกลับบ้านได้หรือยัง?” เขารู้มาว่าโม่เจ๋อหยวนอยู่ในห้องของถังซวงตลอดทั้งบ่าย และคิดกับตัวเองว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ไร้ยางอายถึงขั้นอยู่ต่อในคืนนี้
แต่เมื่อโม่เจ๋อหยวนเห็นสายตาของจิงเจ้อหรง เขารีบตอบกลับ “ครับ ผมว่าจะกลับแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะมาใหม่”
จิงเจ้อหรงไปส่งโม่เจ๋อหยวนด้วยตัวเอง และเตือนให้เขากลับบ้านดี ๆ
“ขอบคุณครับลุงจิง อย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ”
แม้โม่เจ๋อหยวนจะกลับบ้านไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงกังวล ดังนั้นเมื่อถึงเช้าตรู่วันถัดมา เขารีบมาที่บ้านตระกูลจิงทันที
จิงเจ้อหรงที่เห็นโม่เจ๋อหยวนมาแต่เช้า เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแต่ก็ยังกล่าวถามอย่างใจเย็น “เธอกินข้าวเช้าหรือยัง?”
“ยังครับ”
จิงเจ้อหรงขบขันกับท่าทีของชายหนุ่ม และพาโม่เจ๋อหยวนไปที่ห้องอาหาร
เฮ่อหลานเห็นโม่เจ๋อหยวนเข้ามาก็กล่าวทักทายเขาอย่างอบอุ่นและให้เขานั่งลงข้างถังซวง
ถังซวงรู้ดีว่าเธอต้องไปพบหูเยว่ในเช้านี้ เธอจึงรีบกินข้าว
ถังเซวี่ยเองก็ทราบดีว่าพี่สาวของเธอกับคนอื่น ๆ กำลังจะออกไปจัดการกับคนกลุ่มแรก แต่เธอต้องการอยู่กับแม่ จึงทำได้เพียงให้กำลังใจเกอชิงเหม่ยและถังซวงลับ ๆ
หลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จ ถังเซวี่ยพาเฮ่อหลานไปที่สวนหลังบ้าน
ส่วนจิงเจ้อหรงพาถังซวงและเกอชิงเหม่ยออกไป
“อาเจ้อ มาแล้วหรือ”
หลิวเชามารอตั้งแต่เช้าตรู่ เขารีบออกมาทักทายจิงเจ้อหรงและคนอื่น ๆ ทันทีที่มาถึง
จิงเจ้อหรงที่เห็นหลิวเชาออกมาทักทายรีบถามออกไปว่า “นายมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่? มารอนานหรือยัง?”
“ไม่หรอก ฉันก็เพิ่งมา”
หลิวเชารู้สึกอับอายที่ต้องเผชิญหน้ากับจิงเจ้อหรง ถังซวง เกอชิงเหม่ย และคนอื่น ๆ
เป็นเพราะหลิวก่วงซิ่วและแม่ที่อยู่ในตระกูลหลิวทำให้ถังซวงและถังเซวี่ยถูกจับตัวไป เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลิวโดยตรง โชคยังดีที่ตระกูลจิงเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา มันเป็นเพียงความชั่วช้าของแม่ลูกคู่นั้น
“อาเจ้อ เข้าไปด้านในเถอะ หูเยว่กับหลิวก่วงซิ่วอยู่ข้างในแล้ว”
“อืม”
จิงเจ้อหรงและคนอื่น ๆ เดินตามหลิวเชาเข้าไปด้านใน
ข้างในบ้าน
หลิวก่วงซิ่วมองหูเยว่ด้วยสายตาเย็นชา “แม่ครับ ทำไมทำอะไรถึงไม่ปรึกษาผมก่อน ตอนนี้เรื่องนี้มันส่งผลกระทบถึงพวกเราแล้ว ที่ทั้งหมดมันเป็นแบบนี้ก็เพราะแม่จัดการเรื่องนี้ไม่ดีพอ”
ใบหน้าของหูเยว่บิดเบี้ยว “แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น? ก็ฉันเกลียดที่เกอชิงเหม่ยมันทำตัวเย่อหยิ่งไม่สนใจพวกเรา ฉันเลยอยากให้นังนั่นมันได้รับบทเรียน ใครจะรู้ว่าคนพวกนั้นจะอ่อนหัดขนาดนี้ ไม่ใช่แค่จะทำไม่สำเร็จ แต่กลับถูกจับได้อีก แล้วยังสารภาพทุกอย่าง ทุเรศจริง ๆ”
“แม่ครับ มันสายไปแล้ว เพราะแม่ต้องการทำร้ายเกอชิงเหม่ย จนลูกสาวของตระกูลจิงทั้งสองคนถูกจับตัวไป และตอนนี้พวกเขาโทษว่ามันเป็นความผิดของเรา”
“อีกอย่างครอบครัวของเรายินดีที่จะส่งมอบตัวเราให้กับพวกเขาด้วย”
ทันทีที่หูเยว่ได้ยินคำพูดของลูกชาย เธอกล่าวด้วยเสียงดังอย่างตำหนิ “อะไร ฉันแค่ส่งคนไปสั่งสอนบทเรียนให้เกอชิงเหม่ยแค่นั้น แต่คนที่จับลูกสาวตระกูลจิงไปไม่ใช่คนของฉันสักหน่อย แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ความผิดของเรา มันเป็นความผิดของพวกเขาที่สร้างศัตรูไปทั่วต่างหาก มันไม่เกี่ยวกับเราสักนิด!”
“แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็…”
ก่อนหลิวก่วงซิ่วจะพูดอะไร เขาได้ยินเสียง ‘คลิก’ ประตูเปิดออกและมีคนเดินเข้ามา ทำให้ทั้งสองรีบหยุดปากทันที
เมื่อเห็นหูเยว่กับหลิวก่วงซิ่วตรงหน้า เกอชิงเหม่ยก้าวขาไปด้วยความขุ่นเคือง
“หูเยว่ หลิวก่วงซิ่ว พวกคุณสองคนทำเกินไปแล้ว ฉันยังไม่เคยไปวุ่นวายกับพวกคุณเลย แต่คุณกลับส่งคนมาทำร้ายฉัน ฉันพยายามเลิกสนใจการกระทำต่ำทรามของคุณ แต่พวกคุณกลับไม่จบไม่สิ้น ยังมาวุ่นวายกับพวกเรา เป็นเพราะคุณสองคนซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยต้องตกอยู่ในอันตราย เรื่องนี้ไม่จบลงง่าย ๆ แน่”
หูเยว่ที่ถูกเกอชิงเหม่ยดุด่าต่อหน้าคนมากมาย พลันอับอายขึ้นมา
“หน๋อย นังเกอชิงเหม่ย ถูกแล้วที่ลูกชายของฉันไม่ได้แต่งงานกับแกในตอนนั้น ไม่อย่างนั้นครอบครัวคงต้องพังพินาศย่อยยับแน่” พูดจบเธอต้องการที่จะพุ่งเข้าหาเกอชิงเหม่ย
ถังซวงกำลังก้าวไปด้านหน้า แต่เกอชิงเหม่ยกลับก้าวเท้าเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมฟาดมือตบหน้าหูเยว่อย่างแรง
เพี๊ยะ…
ทุกคนหยุดชะงัก และหันมองเกอชิงเหม่ยอย่างไม่เชื่อสายตา
แม้แต่จิงเจ้อหรงยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
พี่สาวคนนี้อ่อนโยนและใจกว้างเสมอมา เธอไม่เคยสาปแช่งใคร และไม่เคยลงมือทำร้ายใครเลย
ส่วนหูเยว่ยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น
เธอหันมองเกอชิงเหม่ยหลังจากที่รู้สึกแสบร้อนบนแก้ม แล้วกล่าวอย่างตกตะลึง “แก… แกกล้าตบฉันหรือ”
ตอนที่เกอชิงเหม่ยยังเป็นคู่หมั้นของหลิวก่วงซิ่ว เธอเคารพหูเยว่มาก แต่เวลานี้อีกฝ่ายกลับกล้าทุบตีอดีตว่าที่แม่สามีเนี่ยนะ
พอนึกถึงเรื่องนี้ หูเยว่ยิ่งทนไม่ได้หมายจะเอาคืนทันที
แต่เกอชิงเหม่ยก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เธอไม่ยอมให้หูเยว่ทำร้ายตัวเองอีกแล้ว เธอทั้งอายุน้อยกว่าและเรี่ยวแรงมากกว่า เธอจึงแข็งแกร่งกว่าหูเยว่มาก แน่นอนว่าเธอไม่เจ็บปวดจากการกระทำของอีกฝ่ายเลย
หลิวก่วงซิ่วที่ไม่เคยเห็นเกอชิงเหม่ยในมุมนี้ เมื่อตระหนักได้ว่าแม่ของตัวเองกำลังถูกทุบตีและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จึงรีบรุดเข้าช่วย
แต่โม่เจ๋อหยวนเข้าไปกันหลิวก่วงซิ่วเอาไว้
“หลีกไป”
หูเยว่เป็นแม่ของเขา หลิวก่วงซิ่วไม่อาจทนมองเธอถูกทุบตีได้
โม่เจ๋อหยวนไม่หลบทั้งยังยกยิ้ม “คุณเป็นผู้ชาย เข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของผู้หญิงได้ยังไง? คิดรังแกคนอ่อนแอกว่างั้นหรือครับ?”
“แก… พวกแกต่างหากที่รังแกคนอ่อนแอกว่า”
โม่เจ๋อหยวนไม่สนใจ เขายังคงขวางทางหลิวก่วงซิ่วเอาไว้
“แก… ทำมากเกินไปแล้ว”
“หืม… พวกเราหรือที่ทำมากเกินไป?”
ยิ่งโม่เจ๋อหยวนนึกถึงวันที่ซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยถูกจับตัวไป และคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับป้าเกอ เขายิ่งโกรธสองแม่ลูกคู่นี้เข้ากระดูกดำ
ส่วนเกอชิงเหม่ย หลังจากทุบตีหูเยว่จนอีกฝ่ายไม่สามารถโต้ตอบได้ เธอก็หยุดมือในที่สุด
“หึ… ถ้าคุณไม่มาทำฉันก่อน ฉันก็ไม่ทำอะไรคุณหรอกค่ะ” ขณะพูดอย่างนั้น เธอจ้องมองหูเยว่แล้วถามว่า “คุณไปหาคนพวกนั้นจากที่ไหน?”
หูเยว่ยิ้มหลังได้ยินอย่างนั้นก่อนจะตอบกลับอย่างยียวน “ทำไมฉันต้องบอกแก”
ก่อนที่เกอชิงเหม่ยจะทันได้พูดต่อ หลิวเชาพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่บอก ก็เตรียมไสหัวออกจากเมืองหลวงได้เลย”
“อะไร… คุณ…”
หูเยว่มองหลิวเชาอย่างขอความช่วยเหลือ แต่เวลานี้เธอพูดไม่ออก
“หลิวเชา พวกเราเป็นตระกูลหลิวเหมือนกัน แต่ทำไมคุณถึงช่วยคนนอกแบบนี้?”
หลิวเชาเห็นหูเยว่ยังไม่สำนึก ใบหน้าของเขาเย็นชาทันที
“คุณเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ สินะ รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง? ผู้บังคับบัญชาจูสนใจเรื่องนี้มาก พวกคุณคิดว่าจะหนีความผิดพ้นงั้นหรือ? มีอะไรก็รีบพูดมา แต่ถ้าไม่พูด คุณสองคนก็จะไม่มีวันได้พูดอีกแล้ว”
“ปะ… เป็นไปไม่ได้”
หลิวก่วงซิ่วไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เรื่องนี้ไปถึงผู้บังคับบัญชาจูได้ยังไง?”
หลิวเชามองเขาอย่างเหยียดหยามก่อนจะพูดว่า “เพราะผู้บังคับบัญชาจูให้ความสำคัญกับซวงเอ๋อร์มาก เขาสั่งให้มีการสืบสวนเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด จะไม่มีใครหน้าไหนหนีไปได้ทั้งนั้น”
ได้ยินอย่างนั้น หลิวก่วงซิ่วไม่เชื่อเท่าไหร่ แม่ของเขาเพียงต้องการให้คนไปสั่งสอนบทเรียนเกอชิงเหม่ย แล้วเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับผู้บังคับบัญชาจูได้ยังไง?
แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปแล้วและไม่สามารถย้อนเวลาได้ เขาหันไปหาหูเยว่แล้วถามว่า “แม่ แม่ไปหาคนพวกนั้นจากที่ไหน?”
ได้ยินลูกชายพูด หูเยว่จึงเริ่มเข้าใจว่าเรื่องราวมันยิ่งใหญ่กว่าที่คิด
“ฉัน… ฉันออกไปข้างนอกแล้วบังเอิญไปเห็นคนกำลังให้เงินผู้ชายกลุ่มนี้ ทั้งยังบอกว่าขอบคุณที่ช่วยเหลือ ฉันเลยถาม ๆ ดูพบว่าหากเพียงให้เงินพวกเขา จะขอให้พวกเขาทำอะไรก็ได้ เพราะอย่างนี้… ฉันเลยบอกให้พวกเขาไปจัดการเกอชิงเหม่ย”
ถังซวงชำเลืองมองหูเยว่แล้วถามต่อ “คุณให้เงินกับคนพวกนั้นเมื่อไหร่และให้ที่ไหน?”
“เมื่อสองวันก่อน ระหว่างทางออกไปซื้อของ”
“ตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง คุณออกไปซื้อของตามเวลาเดิมทุกวันไหม?”
แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงซวงถึงถามอย่างนี้ แต่หูเยว่ก็ยังพยักหน้า “ใช่ ฉันออกไปซื้อผักตอนหกโมงเช้าทุกวัน”
“หืม… หกโมงกว่า”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“คนพวกนั้นขยันทำงานจนต้องตื่นเช้าขนาดนั้นเชียว? ตื่นเช้ามากขนาดนี้จะหาเงินไม่ได้เลยหรือ มันคือช่วงเวลาของคนตื่นไปทำงานนะ”
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ