การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 373 น่าเสียดาย
บทที่ 373 น่าเสียดาย
โม่ถิงซวนไม่คาดคิดมาก่อนว่าภรรยาของเขาจะพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา เขาไม่พอใจมากจึงตอบกลับไปว่า “เจ๋อหยวนคือหลานชายคนโตของตระกูลเรา มันไม่แปลกที่พ่อจะยกทุกอย่างให้กับเขา แล้วอย่ามาพูดว่าพ่อไม่เคยนึกถึงพวกเราอีก! นี่คุณคิดว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยให้อะไรเรางั้นหรือ?”
“จะให้อะไรกัน พวกเราได้สมบัติมาแค่นิดเดียวเองนะ”
เจิ้งหงยังคงไม่พอใจ และคิดว่าครอบครัวรองของพวกตนเสียเปรียบเกินไป
แต่ตอนนี้โม่ถิงซวนเข้าใจแล้วว่าภรรยาของเขาคิดอะไรอยู่ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าภรรยาจะเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้ อีกอย่างพ่อก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อครอบครัวเขาอย่างเลวร้ายเลยสักนิด
“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ถังซวงเป็นคนที่ผู้อาวุโสจูให้ความสำคัญมาก เธอมีคนคอยคุ้มกันที่ถูกส่งมาโดยผู้อาวุโสจู เหตุการณ์นี้ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้เห็นทั้งหมด ถ้ารู้อย่างนี้แล้วคุณคงเข้าใจได้สักทีนะว่าไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับถังซวง แล้วก็เลิกคิดเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วย”
ได้ยินอย่างนั้น เจิ้งหงยิ่งไม่พอใจ แต่เธอทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
เดิมทีไม่มีใครทราบเรื่องถังซวงได้รับการคุ้มครองจากคนระดับสูง แต่หลังจากเกิดเรื่องระหว่างเธอกับฉินหรูเหมิ่งในคราวนี้ ทุกคนจึงเข้าใจถึงความสำคัญของถังซวงในทันที
หลังจากได้ยินว่าภรรยาตอบกลับอย่างนั้น โม่ถิงซวนไม่สนใจอะไรอีก
ส่วนโม่เจ๋อหยวนก็ไม่รู้เลยว่าครอบครัวของลุงรองจะคิดมากเช่นนี้ และเวลานี้เขาได้ทราบข่าวบางอย่าง จึงนำของว่างที่หลินเหม่ยเจินเตรียมไว้และออกไปอย่างรวดเร็ว
“พี่โม่…”
ถังซวงทักทายโม่เจ๋อหยวนด้วยรอยยิ้มสดใส
โม่เจ๋อหยวนวางตะกร้าลงก่อนจะพูดขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ แม่ฉันทำขนมมาให้น่ะ ลองชิมดูนะ ถ้าเธอชอบฉันจะขอให้แม่ทำให้อีก”
ถังซวงมองเค้กไส้เกาลัดในตะกร้าที่ส่งกลิ่นหอมหวานออกมา เธอยกยิ้มพร้อมกับกินมันไปหลายชิ้น “อร่อยมากเลยค่ะ ป้าหลินฝีมือดีจริง ๆ ค่ะ”
“ฉันดีใจนะที่เธอชอบ”
โม่เจ๋อหยวนมีความสุขมากที่เห็นเธอกินได้ เขาหยิบขนมที่เหลือทั้งหมดออกมาวางแล้วเล่าข่าวที่ได้ยินมาให้เธอฟัง “ฉินหรูเหมิ่งถูกสอบสวนและยอมรับว่ากระทำความผิดจริง เธอจะถูกจำคุกวันพรุ่งนี้”
ถังซวงประหลาดใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“เร็วขนาดนั้นเลยหรือคะ? แล้วทางผู้เฒ่าฉินไม่ทำอะไรเลยหรือ?”
โม่เจ๋อหยวนส่ายศีรษะ “ไม่ เพราะการกระทำของฉินหรูเหมิ่งคราวนี้ส่งผลกระทบต่อทุกคนในตระกูลฉิน พวกเขาเลยไม่เห็นด้วยที่ผู้เฒ่าฉินจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากผู้อาวุโสจูด้วย เรื่องราวก็เลยรวดเร็วแบบนี้”
ถังซวงพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ให้ฉินหรูเหมิ่งอยู่อย่างนั้นไปดีแล้วค่ะ เธอจะได้ไม่เพ้อฝันมากเกินไป”
แน่นอน ถังซวงไม่ใช่แม่พระ ฉินหรูเหมิ่งต้องการฆ่าเธอทั้งเป็น และหากอีกฝ่ายต้องการชีวิตของเธอจริง ๆ เธอก็จะตอบโต้กลับเป็นสองเท่า
หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก ทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องการสอบ
“พี่โม่คะ วันสองวันนี้เราลองไปร้านหนังสือกันดีไหมคะ? เผื่อมีหนังสือที่ต้องซื้อเพิ่มเติม” ก่อนหน้านี้เธอจำได้ว่ามีหนังสือชุดหนึ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจ ถ้าเจอก็ดีแต่หากไม่มีก็ไม่เป็นไร เธอเชื่อว่าด้วยความสามารถของเธอกับโม่เจ๋อหยวน ย่อมไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคแน่
“ไปสิ”
โม่เจ๋อหยวนไม่ปฏิเสธ เขาพูดคุยกับถังซวงอีกสักพักก่อนจะจากไป
วันรุ่งขึ้น ถังซวงได้รับจดหมายจากเฟิงเยี่ยหาน จากเมืองไห่เฉิง
“ผมติดต่อซุนชิวและคนอื่น ๆ ไปแล้ว ตอนนี้เฟิงเยี่ยหยงถูกพาตัวไปประเทศอื่น ผมเชื่อว่าเขาจะไม่กลับมาอีก เวลานี้ตระกูลเฟิงอยู่ภายใต้การดูแลของผมทั้งหมด และผมจะไม่ปล่อยให้พวกคุณต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะตระกูลเฟิงอีก”
หลังจากถังซวงได้รับจดหมาย เธอเลิกคิ้วสงสัยอย่างช่วยไม่ได้
เธอเองก็ไม่คิดว่าเฟิงเยี่ยหานจะจัดการทุกอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จัดการเฟิงเยี่ยหยงในระยะเวลาสั้น ๆ แต่เขายังสามารถควบคุมตระกูลเฟิงทั้งหมดได้ เห็นชัดว่าเขาจริงจังแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือราคาที่เฟิงเยี่ยหานต้องจ่ายออกไปเพื่อสิ่งนี้…
แต่ยังไงก็ตาม เรื่องพวกนี้มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ ตราบใดที่เฟิงเยี่ยหานสามารถแก้ไขมันได้ ทุกสิ่งก็จะเรียบร้อย
อีกด้าน ขณะนี้เฟิงเยี่ยหานกำลังจัดการกับเรื่องต่าง ๆ ในห้องทำงานด้วยใบหน้าซีดเซียว
คราวนี้เขายอมทุกอย่าง ไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียคนจำนวนมาก แต่ตัวเองยังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย วันนี้เขาพอมีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ได้บ้าง
ก๊อก ก๊อก…
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เฟิงเยี่ยหานตะโกนตอบกลับ “เข้ามา”
คนที่เข้ามาคือถังเจี้ยนกั๋ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำม่วง มือซ้ายถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล พร้อมเดินกะเผลกเข้ามาภายใน
“นายท่านครับ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเฟิงเยี่ยหยงทั้งหมดถูกจัดการแล้ว และพวกเขาจะไม่มายุ่งกับพวกเราอีกครับ” เมื่อเฟิงเยี่ยหานยึดครองตระกูลเฟิงได้แล้ว ไม่ว่าใครที่ได้พบกับเขาไม่เรียกขานเขาว่านายน้อยอีกต่อไป แต่ต้องเรียกว่านายท่าน
เฟิงเยี่ยหานหันมองถังเจี้ยนกั๋วตรงหน้าอย่างไตร่ตรอง
ความจริงแล้ว ที่สถานการณ์ทุกอย่างราบรื่นอย่างนี้ก็ต้องขอบคุณความพยายามของถังเจี้ยนกั๋ว
เขาเข้าไปในเขตแดนของเฟิงเยี่ยหยงโดยไม่ต้องหวาดกลัว และได้พบหลายสิ่งหลายอย่าง เลยสามารถแก้ปัญหาของเฟิงเยี่ยหยงได้อย่างรวดเร็ว แต่การกระทำเช่นนี้ถังเจี้ยนกั๋วก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นกัน มือซ้ายของเขากลายเป็นพิการ แม้อาการบาดเจ็บจะหายแล้ว แต่เส้นเอ็นไม่สามารถรักษาฟื้นฟูได้ ใช้ได้เพียงมือขวาเท่านั้น
“เจี้ยนกั๋ว ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนัก ฉันจะเลื่อนตำแหน่งให้นายในอีกสองวัน ตอนนี้ไปพักผ่อนเถอะ”
แต่ถังเจี้ยนกั๋วปฏิเสธ
“นายท่านครับ ผมไม่ต้องการตำแหน่งที่สะดวกสบายอะไร แต่ผมต้องการตำแหน่งที่สามารถเติบโตได้ในอนาคต”
เพราะหากมีความสามารถ ก็จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าสิ่งที่อยากทำหรืออยากปกป้อง
เมื่อเขาได้ยินว่าลูกสาวทั้งสองคนของเขาเกือบตาย ถังเจี้ยนกั๋วตกใจมาก และในอนาคตต่อจากนี้เขาไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้ว ในชีวิตนี้เขามีเพียงลูกสาวแค่สองคนคือถังซวงและถังเซวี่ย เขาจึงอยากจะปกป้องทั้งสองคนให้ดีที่สุด
เฟิงเยี่ยหานได้ยินถังเจี้ยนกั๋วตอบกลับอย่างนั้น เขาเลิกคิ้วก่อนจะตอบว่า “อืม ถ้านายตัดสินใจแบบนั้นแล้ว ก็เอาตามที่นายพูดแล้วกัน”
สำหรับผู้ที่มีบุญคุณ เขาไม่ว่าอีกฝ่ายรุนแรงเกินไปอยู่แล้ว
อีกทั้งเขาเห็นความตั้งใจของถังเจี้ยนกั๋วที่อยากช่วยเหลือลูกสาวทั้งสองคน หากไม่ใช่เพราะเฟิงเยี่ยหยงคิดจะจับถังเซวี่ย ถังเจี้ยนกั๋วคงไม่ทุ่มสุดตัวขนาดนี้แน่
แต่จู่ ๆ เฟิงเยี่ยหานดันนึกบางอย่างขึ้นได้
“ฉันได้ยินว่าถังซวงกำลังจะหมั้นกับโม่เจ๋อหยวน น่าเสียดายที่เราไม่สามารถไปร่วมงานได้”