การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 374 มองผ่าน ๆ
บทที่ 374 มองผ่าน ๆ
เฟิงเยี่ยหานถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าใจ
เขาอยากไปร่วมงานหมั้นของถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเพราะอยากเห็นหน้าเสี่ยวเซวี่ย แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ต้องการพบเจอเขาอีกแล้ว
หลังถังเจี้ยนกั๋วได้ยินเฟิงเยี่ยหานพูด เขากล่าวคำด้วยใบหน้าว่างเปล่า “ถังซวงกำลังจะหมั้น… ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย”
เห็นสีหน้าของถังเจี้ยนกั๋วแล้ว เฟิงเยี่ยหานส่ายศีรษะก่อนจะพูดว่า “ต่อให้นายรู้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เราไปร่วมงานไม่ได้อยู่ดี พวกเขาคงไม่ได้อยากพบเรา”
“ครับ พวกเขาไม่อยากเจอผมหรอก”
ถังเจี้ยนกั๋วพูดออกมาด้วยความโศกเศร้า แต่ไม่นานเขาก็กลับมาสดใสอีกครั้ง
“แต่ถึงพวกเขาไม่อยากเจอผม ผมก็สามารถส่งของขวัญไปได้ แค่ไม่รู้ว่าเป็นของจากผมก็พอ”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิงเยี่ยหานเหลือบมองถังเจี้ยนกั๋วด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อว่า “นายพูดถูก เราส่งของขวัญไปได้นี่”
เฟิงเยี่ยหานรู้สึกว่าการให้ของขวัญคงดีที่สุด แม้จะไม่สามารถไปร่วมงานได้ แต่ได้เฝ้ามองจากไกล ๆ ก็ยังดี
“เมื่อถึงเวลาเราจะไปเมืองหลวงด้วยกัน เฝ้ามองจากไกล ๆ คงไม่เป็นไรหรอก”
ถังเจี้ยนกั๋วได้ยินอย่างนั้นถึงกับตื่นเต้น
“ครับ ขอบคุณครับนายท่าน”
เมื่อรู้ว่าจะได้เห็นลูกสาวทั้งสองคนจากระยะไกล ถังเจี้ยนกั๋วมีความสุขมากและคิดว่าเขาควรเตรียมของขวัญแบบไหนให้กับถังซวงดี ขณะเดียวกันเขาอดไม่ได้ที่จะเตรียมของขวัญให้เสี่ยวเซวี่ยด้วย
“นายท่านครับ อย่างนั้นผมขอตัวไปจัดการเรื่องนี้ก่อน”
“อืม”
เฟิงเยี่ยหานโบกมือให้ถังเจี้ยนกั๋วออกไป
อีกด้าน ถังซวงไม่รู้เลยว่ากำลังมีคนจัดเตรียมของขวัญให้กับตน แต่เวลานี้มีคนกลับเริ่มนำของขวัญมาให้เธอซะแล้ว
“ตู้จ้งเหว่ย นายเอาอะไรมาด้วยเยอะแยะ?”
ตู้จ้งเหว่ยมองถังซวงก่อนจะถามว่า “ถังซวง สบายดีไหม?”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันสบายดี”
ตู้จ้งเหว่ยถอนหายใจโล่งอกก่อนจะพูดว่า “ดีแล้วที่เธอสบายดี” ขณะพูดอย่างนั้นเขาชี้ไปที่ถุงใหญ่ในมือก่อนจะพูดว่า “ของพวกนี้พ่อฉันเป็นคนเตรียมไว้น่ะ รับมันไว้เถอะ มันไม่ใช่ของแพงอะไรหรอก”
ถังซวงพยักหน้ารับ “ขอบคุณนะ อย่างนั้นฉันก็ขอรับไว้ทั้งหมดแล้วกัน”
เธอเห็นสีหน้าของตู้จ้งเหว่ยไม่ค่อยดีนัก จึงถามไถ่ “ช่วงนี้ที่บ้านของนายเป็นยังไงบ้าง? มีปัญหาอะไรไหม?”
ตู้จ้งเหว่ยหัวเราะ ก่อนจะตอบว่า “ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันสบายดี เพราะฉันรู้จักกับเธอ พ่อเลยซื้อของมาให้ฉันบ่อย ๆ ไม่ว่าฉันจะขออะไร เขาก็ให้เสมอ แปลกจริง ๆ ทั้งที่เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ฉันเลยแท้ ๆ”
พูดจบ แววตาของตู้จ้งเหว่ยฉายความเย้ยหยันออกมา
พ่อไม่ได้สนใจเขาจริง ๆ พ่อแค่ต้องการเข้าใกล้ถังซวงและตระกูลจิงผ่านเขาเท่านั้น และเขารู้เรื่องถังซวงกับผู้บังคับบัญชาจูแล้ว ทั้งเมืองหลวงทราบว่าถังซวงมีความสำคัญต่อผู้บังคับบัญชาจูมากแค่ไหน ทุกคนจึงปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี และหวังว่าเขาจะสนิทสนมกับถังซวงต่อไป
เห็นแววตาของตู้จ้งเหว่ย ถังซวงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ตั้งใจเรียนซะ แล้วหลังจากนายทำงานจนกระทั่งยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง นายแค่ย้ายออกมาไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก อีกอย่างถ้าตอนนี้ไม่อยากจะพูดคุยกับเขา ก็แค่หาวิธีบ่ายเบี่ยง ไม่จำเป็นต้องฝืนใจทำตามคำสั่งเขาทุกครั้งหรอก”
“ฉันไม่เป็นไร ตอนนี้ค่อนข้างดีแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก”
ตู้จ้งเหว่ยไม่ได้โกหก ชีวิตของเขาในตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนมาก
ทั้งแม่เลี้ยงและตู้จ้งเหลียนต่างอิจฉาเขาไม่เว้นวัน ตู้จ้งเหว่ยมีความสุขทุกครั้งที่เห็นว่าพวกนั้นไม่สามารถทำอะไรตนได้
ถังซวงไม่พูดอะไรอีก
เวลานี้ถังชุนหยานเดินเข้ามาเพื่อบอกกล่าวบางอย่างกับถังซวง
“พี่สาวซวง ฉันตัดสินใจแล้วค่ะ ฉัน…”
ถังชุนหยานพูดขึ้น แต่ก็หยุดชะงักลงเมื่อเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยก็อยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวทักทายเขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันกลับมาหาถังซวง “พี่สาวซวง ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะทำงานตอนกลางวัน แล้วอ่านหนังสือตอนกลางคืน แบบนี้ดีไหมคะ?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า “ได้แน่นอน แต่ถ้าเธอเลือกทางนี้ เธอจะมีเวลาพักผ่อนน้อยลงนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันก็ไม่ใช่จะไม่ได้นอนเลยซะทีเดียว ฉันอยากจะอ่านหนังสือถึงห้าทุ่มครึ่งทุกคืนค่ะ”
ถังซวงไม่คัดค้าน
“อย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาโรงเรียนให้นะ” แม้ว่าตอนนี้การหาสถานที่เรียนจะไม่ง่าย แต่ถ้าค้นหาให้ดีก็น่าจะพอมีอยู่บ้าง เพราะตอนนี้นโยบายต่าง ๆ ก็เริ่มคลายลง และประชาชนก็เริ่มเห็นความสำคัญของการเรียนแล้ว
“ขอบคุณค่ะพี่”
ถังชุนหยานขอบคุณถังซวงอย่างจริงใจ หากไม่มีถังซวงเธอคงจะเป็นเพียงสาวชนบทธรรมดา ๆ คงไม่มีโอกาสมาที่เมืองหลวง และคงไม่ได้รับเงินจำนวนมากเช่นนี้
“ไม่เป็นไร ตั้งใจเรียนแล้วกัน”
ขณะทั้งสองพูดคุยกัน ตู้จ้งเหว่ยฟังเงียบ ๆ และเข้าใจได้ว่าถังชุนหยานอยากจะเรียนหนังสือเพื่อเพิ่มความรู้ให้กับตัวเอง มันดีมากที่เด็กผู้หญิงจะเรียนหนังสือ
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุย โม่เจ๋อหยวนเดินเข้ามา และเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน “ซวงเอ๋อร์ ยุ่งอยู่หรือ?”
“ไม่ยุ่งค่ะ พวกเราแค่คุยกันเฉย ๆ น่ะ”
เมื่อเห็นโม่เจ๋อหยวนเดินเข้ามา ถังชุนหยานหันไปคว้ามือของตู้จ้งเหว่ยพร้อมกับพูดว่า “พี่สาวซวงคุยกันไปก่อนนะคะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่ตู้จ้งเหว่ยสักหน่อย ขอตัวก่อน” จากนั้นเธอก็ลากตู้จ้งเหว่ยวิ่งออกมาทันที
ตู้จ้งเหว่ยไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ถังชุนหยานลากไปอย่างนั้น และหยุดเมื่อมาถึงประตู
“พี่ตู้ ไหน ๆ เราก็ออกมาแล้ว อย่างนั้นให้ฉันเลี้ยงข้าวพี่แล้วกัน”
ตู้จ้งเหว่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันคุยกับถังซวงเสร็จแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ไปหาอะไรกินกันนะ”
ถังชุนหยานรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอแค่ต้องการให้ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอยู่ด้วยกันตามลำพัง เลยดึงตู้จ้งเหว่ยออกมาด้วย อีกอย่างก่อนหน้านี้เธอขยันทำงานอย่างหนักและได้เงินมาเยอะเลย “ฉันเพิ่งได้เงินมา ให้ฉันเลี้ยงข้าวพี่เถอะนะ”
ตู้จ้งเหว่ยเห็นใบหน้าสดใสของถังชุนหยานก็พยักหน้ารับ เขาเองก็ยังไม่อยากกลับบ้านเหมือนกัน
ทั้งสองเดินไปตามถนน และตรงไปยังร้านอาหารใกล้ ๆ
ถังชุนหยานบริการเขาอย่างดี และสั่งอาหารมาหลายอย่าง ถ้าตู้จ้งเหว่ยไม่บอกให้เธอหยุด อาหารคงล้นโต๊ะไปแล้ว
ทั้งสองนั่งร่วมโต๊ะกัน แล้วเริ่มกินอย่างช้า ๆ
ถังชุนหยานไม่ได้เคร่งครัดว่าห้ามพูดคุยเวลารับประทานอาหาร เมื่อเห็นท่าทีของตู้จ้งเหว่ยแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “พี่ตู้ มีเรื่องไม่สบายใจหรือ?”
ตู้จ้งเหว่ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามกลับ “รู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มีความสุข? ฉันมีความสุขมากต่างหาก”
ถังชุนหยานกล่าวพร้อมเบะปาก “ถึงพี่จะยิ้ม แต่แววตาของพี่ไม่เห็นจะมีความสุขเลย ฉันเห็นชัดเลยล่ะ อย่ามาโกหกฉันเลย”