การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 377 ถึงวันหมั้น
บทที่ 377 ถึงวันหมั้น
ได้ยินที่ถังซวงพูด ถังชุนหยานทำเพียงพยักหน้าอย่างไร้เดียงสาพร้อมตอบกลับว่า “ใช่ค่ะ ฉันกับตู้จ้งเหว่ยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราค่อนข้างเหมือนกันหลายอย่าง เราทั้งคู่ต่างก็ไม่ชอบที่จะอยู่บ้าน เลยมีเรื่องคุยกันมากมายเลยล่ะค่ะ”
ถังชุนหยานพูดทุกอย่างอย่างเปิดเผย ทำให้ถังซวงเข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายมองตู้จ้งเหว่ยเป็นเพื่อนเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลย
ถังเซวี่ยก็คิดเช่นกัน
เดิมทีเธอต้องการถามอะไรอีกมาก แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว
แต่ถังชุนหยานยังคงสับสนที่จู่ ๆ ถังซวงและถังเซวี่ยถามเรื่องของตน “มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมจู่ ๆ ทั้งสองคนถึงถามเรื่องของฉันกับพี่ตู้จ้งเหว่ยล่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันเห็นว่าพี่ตู้เป็นห่วงพี่ชุนหยานมาก เลยคิดว่าเขาก็เป็นคนดีเหมือนกันนะเนี่ย”
ถังชุนหยานได้ยินถังเซวี่ยพูดอย่างนั้น เธอพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับว่า “ใช่ พี่ตู้จ้งเหว่ยเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดี ฉันเลยอยากช่วยเหลือเขาไง”
ถังซวงและถังเซวี่ยมองหน้ากัน ก่อนจะเลิกพูดเรื่องตู้จ้งเหว่ย
เมื่อสองสาวกลับมาที่บ้านของตัวเอง ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าพี่ชุนหยานจะคิดกับพี่ตู้แค่เพื่อนจริง ๆ นะคะ แต่… ฉันรู้สึกว่าพี่ตู้ไม่ได้คิดกับพี่ชุนหยานแค่เพื่อนเลย”
ถังซวงรู้สึกว่าตู้จ้งเหว่ยอาจคิดกับถังชุนหยานเกินเลยกว่านั้น แต่สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของคนสองคน พวกเขาควรตัดสินใจเอง “อ่า เสี่ยวเซวี่ย ถ้าตู้จ้งเหว่ยชอบชุนหยานจริง ๆ เขาคงพยายามเองแหละ ยังไงนี่ก็เป็นเรื่องของเขา เอาล่ะ เรามาอ่านหนังสือกันดีกว่า จะได้ทบทวนเนื้อหาก่อนเข้าเรียนไง”
ถังเซวี่ยพยักหน้า “ค่ะพี่”
ทั้งสองอ่านหนังสือเพียงไม่นาน เฮ่อหลานกับเกอชิงเหม่ยก็เดินเข้ามา
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย อ่านหนังสืออยู่หรือจ๊ะ?”
ถังซวงยืนขึ้น ก่อนจะจัดที่ให้เฮ่อหลานนั่งแล้วถามว่า “แม่ ป้าเกอ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เวลานี้เฮ่อหลานมีอายุครรภ์ห้าเดือนแล้ว และเด็กในท้องยังเป็นฝาแฝดด้วย ท้องของเธอจึงค่อนข้างใหญ่ ถังซวงที่รู้ว่าแม่สบายดี แต่เมื่อเห็นว่าท้องเธอใหญ่ขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
เฮ่อหลานเธอยกยิ้มก่อนจะพูดตอบว่า “แม่มีเรื่องจะคุยกับลูกน่ะ”
เฮ่อหลานบอกเหตุผลที่เธอมาที่นี่
“ซวงเอ๋อร์ ใกล้จะถึงงานหมั้นของลูกแล้ว เราทุกคนอยากจัดงานแบบเรียบง่าย แต่มีญาติพี่น้องและเพื่อนหลายคนเริ่มสอบถามเรื่องนี้ พวกเขาอยากเข้าร่วมงานนี้ทั้งหมดเลยจ้ะ มีเพื่อนของพ่อด้วยนะ ทุกคนถามไถ่เรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน แม่เลยลังเลว่าเราควรจะเชิญแต่คนใกล้ชิดดีไหม”
ถังซวงยิ้มแล้วพูดว่า “แม่คะ ถ้าอย่างนั้นเราเพิ่มอีกสักสองสามโต๊ะ แล้วเชิญคนสนิทเข้าร่วมก็ได้ค่ะ แต่อย่าเชิญคนที่รู้จักแค่ผิวเผินมาเลยดีกว่า”
“จ้ะ แม่เข้าใจแล้ว เดี๋ยวรอคุยกับพ่อตอนกลางคืนก่อนนะ”
จิงเจ้อหรงได้ยินถังซวงเห็นด้วยที่จะเพิ่มโต๊ะก็ดีใจมาก “ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปเชิญหัวหน้าของผมมาด้วย หูผมอื้อมากเลยช่วงนี้”
เฮ่อหลานถึงกับหัวเราะออกมา
“พูดเกินไปรึเปล่าคะ?”
“ครับ ผมพูดเกินไปหน่อย ตอนนี้ทุกคนให้ความสนใจซวงเอ๋อร์มาก มีหลายคนอยากจะผูกมิตรกับเธอ แม้แต่หัวหน้าของผมก็ยังอยากรู้จักเธอ” เขากล่าวเสริมว่า “ซวงเอ๋อร์ของเราเก่งจริง ๆ”
ได้ยินคำพูดของจิงเจ้อหรงแล้ว เฮ่อหลานพยักหน้ารับ “ค่ะ ซวงเอ๋อร์เก่งมาก”
หลังจากถังซวงตกลง ตระกูลจิงก็เริ่มร่อนการ์ดเชิญ พวกเขาไม่ได้เตรียมไว้มากนักเพราะวางแผนว่าจะเชิญเพียงญาติใกล้ชิดและเพื่อนสนิทเท่านั้น
ถังซวงที่ไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ เลยไม่ต้องกังวลใจเรื่องงานหมั้นของตนกับโม่เจ๋อหยวน
ในวันแรกของการเปิดเรียน โม่เจ๋อหยวนตื่นแต่เช้าเพื่อไปส่งถังซวงและถังเซวี่ยที่โรงเรียน
“พี่โม่คะ ช่วงนี้พี่คงยุ่งมาก ไม่ต้องมารับส่งพวกเราทุกวันหรอกค่ะ”
เห็นใบหน้าอิดโรยของโม่เจ๋อหยวน ถังซวงอดไม่ได้ ทั้งสองคนกำลังจะหมั้นหมายในเร็ว ๆ นี้ และโม่เจ๋อหยวนไม่ได้สบายแบบเธอ เขาต้องจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมดให้ลงตัว และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องตรวจสอบอย่างดีด้วย
ได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนตอบกลับทันที “ฉันไม่เหนื่อยหรอก ฉันอยากมาส่งเธอไปโรงเรียนทุกวันเลยนะ”
ถังซวงไม่พูดอะไรต่อ เดินไปพร้อมกับโม่เจ๋อหยวนและพูดคุยกับเขา
ถังเซวี่ยเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ เธอพยายามไม่พูดอะไรเพื่อให้พี่สาวและโม่เจ๋อหยวนได้ใช้เวลาด้วยกัน
เมื่อทั้งสามมาถึงประตูโรงเรียน โม่เจ๋อหยวนยืนมองกระทั่งถังซวงและถังเซวี่ยเข้าประตูโรงเรียนก่อนจะกลับ
ถังซวงส่งถังเซวี่ยที่ห้อง ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องเรียนของตัวเอง
ชั้นเรียนแรกคือภาษาจีน ถังซวงค่อนข้างตั้งใจฟัง แต่เพราะเธอเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อนหน้า จึงคุ้นเคยกับมันและทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เมื่ออาจารย์เริ่มสอน เธอจึงเข้าใจทุกอย่างเร็วกว่าคนอื่น ๆ
ถังซวงเข้าใจวิชาทั้งหมดได้อย่างสบาย ๆ
และเมื่อนึกถึงเรื่องตัวเองกำลังจะหมั้นหมายในเดือนนี้ เธอจึงบอกกล่าวกับอาจารย์เหมาจื้อหลางเพื่อขอลาหยุดในช่วงกลางเดือน
เหมาจื้อหลางที่ทราบเรื่องการหมั้นหมายของถังซวงอยู่แล้ว แม้เขาจะรู้สึกว่ามันเร็วเกินไปแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาอนุญาตให้เธอลาทันทีแต่ไม่ลืมที่จะบอกเธอว่าอย่าหยุดเรียนบ่อยนัก
“ไม่ต้องห่วงค่ะอาจารย์ หนูเรียนทันเพื่อนแน่นอนค่ะ”
แน่นอนว่าเหมาจื้อหลางเชื่อมั่นในตัวของถังซวง เขาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
ผ่านไปครึ่งเดือนหลังจากถังซวงและถังเซวี่ยไปโรงเรียน วันนี้ถังซวงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เธอยังต้องเตรียมบางอย่างด้วยตนเอง และต้องกลับไปที่มณฑลเจียงเพื่อไปรับหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นด้วย
“ซวงเอ๋อร์ ป้าไปคนเดียวได้จ้ะ แล้วป้าจะกลับมาที่นี่พร้อมลุงหลี่กับอาจารย์นะ”
เกอชิงเหม่ยไม่อยากให้ถังซวงเดินทางไกลในตอนนี้
ถังซวงที่ได้ยิน ยิ้มกว้างก่อนจะพูดขึ้นว่า “ป้าเกอ ให้หนูไปด้วยเถอะค่ะ มีกันหลาย ๆ คนจะได้ช่วยกันดูแล”
“เอาล่ะ งั้นเดี๋ยวเราออกเดินทางแต่เช้าล่ะกัน” เห็นถังซวงยืนกรานอย่างนั้น เกอชิงเหม่ยจึงไม่คัดค้านอะไรอีก
ถังเซวี่ยเองอยากจะขอลาหยุดด้วยเช่นกัน แต่ถังซวงไม่ยินยอมและบอกให้ถังเซวี่ยตั้งใจเรียน ส่วนเธอกับเกอชิงเหม่ยจะเดินทางกลับมณฑลเจียง
“ซวงเอ๋อร์ หลังจากเราไปถึงแล้ว เราจะพักที่หมู่บ้านเถาฮวาสักคืนนะจ๊ะ แล้วค่อยเดินทางกลับวันถัดไป”
ถังซวงไม่คัดค้านอะไร เพียงพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ”
เมื่อหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นเห็นถังซวงและเกอชิงเหม่ยมาถึง พวกเขามีความสุขมาก ทั้งสองถามคำถามมากมาย อีกทั้งยังถามถึงเฮ่อหลานไม่หยุด
“คุณปู่ คุณยายซู ไม่ต้องกังวลนะคะ แม่สบายดีค่ะ”
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว”
ได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น ทั้งซูเหนียนอวิ๋นและหลี่จงอี้ก็สบายใจ จากนั้นทั้งหมดอาบน้ำและเข้านอน เช้าวันถัดมาก็เก็บข้าวของพร้อมมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงพร้อมกับถังซวงและเกอชิงเหม่ย