การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 384 ของขวัญ
บทที่ 384 ของขวัญ
ถังซวงยิ้มให้กับคำพูดของโม่เจ๋อหยวนและถามว่า “ที่บ้านมีอาหารหรือคะ?”
“น่าจะพอมีนะ”
ขณะพูดอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนหยิบข้าว แป้ง น้ำมัน และอื่น ๆ ออกมา รวมถึงวัตถุดิบมากมาย อย่างเนื้อ ปลา และผักรวมด้วย
ถังซวงมองโม่เจ๋อหยวนอย่างประหลาดใจ “ดูเหมือนพี่จะเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วนะเนี่ย แต่ของสดพวกนี้คงอยู่ได้ไม่นาน เพราะเดี๋ยวเราก็จะกลับแล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันเก็บของทุกอย่างไว้ได้”
ถังซวงพยักหน้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอนั่งดูโม่เจ๋อหยวนทำอาหาร และเห็นว่าเขาค่อนข้างคล่องแคล่ว “พี่โม่ไปเรียนทำอาหารมาหรือคะ?”
โม่เจ๋อหยวนไม่ปฏิเสธ เขาพยักหน้ารับ “ใช่ ฉันจะได้ทำอาหารให้เธอไง ฉันว่าจะฝึกอีกสักสองสามอย่าง เดี๋ยวคืนนี้ลองชิมเมนูใหม่ของฉันดูนะ”
“ค่ะ”
ถังซวงไม่คิดมาก่อนว่าโม่เจ๋อหยวนจะไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้เพิ่มเติม นั่นทำให้เธอยิ่งตั้งตารอ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจนั่งมองได้อีกต่อไป ต้องเข้าช่วยเหลือเขา
“ซวงเอ๋อร์ นั่งรอเถอะ ฉันจะลองทำดู เพราะอย่างนั้นวันนี้เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เข้าใจมั้ย?”
ได้ยินโม่เจ๋อหยวนพูดอย่างนั้น ถังซวงจึงนั่งลง
โม่เจ๋อหยวนรีบจัดการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ไม่นานนักอาหารสองสามอย่าง และซุปก็พร้อมแล้ว หลังจากทั้งสองนั่งลง โม่เจ๋อหยวนหยิบจานออกมาให้ถังซวง “ซวงเอ๋อร์ ลองชิมหมูนึ่งนี่สิ ฉันไปฝึกมันมาเป็นพิเศษเลยนะ ไม่รู้เธอจะชอบไหม”
ถังซวงรีบกินมันทันที เมื่อได้ลิ้มรสแววตาของเธอเปล่งประกายออกมา “อร่อยมากเลยค่ะ”
เห็นถังซวงชอบมัน โม่เจ๋อหยวนมีความสุขมาก เขารีบยื่นจานให้เธอชิมอีก “ลองชิมปลาผัดเปรี้ยวหวานนี่ด้วยสิ มีผักสดด้วยนะ”
ถังซวงชิมอาหารทั้งหมด แล้วกล่าวชื่นชมโม่เจ๋อหยวนไม่หยุด
“อร่อยทุกอย่างเลยล่ะค่ะ ขนาดซุปเต้าหู้ยังอร่อยเลย” เธอรีบบอกให้โม่เจ๋อหยวนกินด้วยกัน “กินด้วยกันสิ”
“ครับ”
หลังจากทั้งสองทานอาหารเสร็จแล้ว โม่เจ๋อหยวนรีบไปล้างจาน ไม่ยอมให้ถังซวงทำอะไรเลย
ถังซวงมองชายตรงหน้าที่กำลังทำงานบ้านด้วยใบหน้าสดใส เธอสัมผัสได้ว่าโม่เจ๋อหยวนนั้นรักเธอจริง ๆ แต่เธอทนไม่ได้หากจะไม่ทำอะไรเลย เธอรู้สึกโชคดีจริง ๆ ที่ได้หมั้นหมายกับชายคนนี้
“พี่โม่ดีที่สุดเลยค่ะ”
ถังซวงเดินเข้ามาหาโม่เจ๋อหยวนเงียบ ๆ ก่อนจะกอดเขาจากด้านหลัง
“ซวงเอ๋อร์…”
โม่เจ๋อหยวนไม่คิดว่าถังซวงจะกอดเขาก่อน ขณะที่ตกตะลึง ใบหน้าของชายหนุ่มยกยิ้มมีความสุข สัมผัสได้ถึงความรักและความวางใจจากซวงเอ๋อร์ที่มีต่อตน นั่นทำให้หัวใจของชายหนุ่มพลันเบิกบานขึ้นมา
แม้ยังล้างจานอยู่ แต่โม่เจ๋อหยวนก็ยังหันกลับมาก่อนจะจูบลงที่ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มของถังซวงอย่างแม่นยำ
“……”
สัมผัสที่อบอุ่นและนุ่มนวลจากริมฝีปากอีกฝ่าย ทำให้ถังซวงตกตะลึงและทำอะไรไม่ถูก
แต่โม่เจ๋อหยวนยังไม่หยุดแค่นั้น เขายังกดริมฝีปากลงไปอีก
ตอนนี้ถังซวงอ่อนยวบไปทั้งร่างกาย เธอค่อย ๆ หลับตาลงแล้วเริ่มคล้อยตาม
“อือ… อื้ออือ…”
ถังซวงรู้สึกว่าตัวเองกำลังหายใจไม่ออก เธอพยายามผลักโม่เจ๋อหยวนออกเพื่อให้เขาหยุด
โม่เจ๋อหยวนหยุด แต่ยังจ้องมองถังซวงด้วยแววตาร้อนแรงคล้ายกับอยากกลืนเธอลงไปทั้งตัว
ถังซวงผลักเขาออกไปก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ “พี่… ล้างจานให้เสร็จก่อนสิ” หลังพูดจบ เธอเดินออกไปยังห้องนั่งเล่น และออกห่างจากโม่เจ๋อหยวนพอสมควร
เห็นท่าทีอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเร่งรีบจัดการสิ่งที่อยู่ในมือ
หลังจากโม่เจ๋อหยวนล้างจานเสร็จแล้ว เขาจัดระเบียบร่างกายก่อนจะเก็บข้าวของทั้งหมด แล้วพาถังซวงออกไป
เมื่อทั้งสองใกล้จะถึงบ้านตระกูลจิง ถังซวงมองโม่เจ๋อหยวนพร้อมถามออกไปว่า
“พี่จะเข้าไปนั่งข้างในก่อนไหม”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าแล้วตอบกลับโดยไม่ต้องคิด “ครับ”
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปด้านใน กลับมีคนวิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมถามด้วยความรีบร้อนว่า “สวัสดีครับ สหายถังซวงอยู่ที่นี่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงมองผุ้ชายคนนั้นก่อนจะถามว่า “คุณเป็นใครคะ?”
“อ้อ มีคนส่งของขวัญถึงสหายถังซวงน่ะครับ เขาบอกว่าอยากแสดงความยินดีกับคุณในงานหมั้นวันนี้” ชายคนนั้นตอบกลับก่อนจะยื่นกล่องใบใหญ่ให้
ถังซวงยังไม่ตอบอะไร แต่ถามกลับไปว่า “ใครเป็นคนส่งของชิ้นนี้มาหรือคะ?”
ชายคนนั้นส่ายศีรษะก่อนจะตอบกลับตามตรง “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมแค่ช่วยจัดการธุระให้เขา ชายคนนั้นบอกว่าเขามาร่วมงานหมั้นไม่ทัน เลยขอส่งของขวัญมาแทนน่ะครับ” พูดจบ ชายคนนั้นวางกล่องลงบนพื้นก่อนจะวิ่งออกไปทันที
“ตามไปไหม?”
โม่เจ๋อหยวนรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นทำตัวแปลกประหลาด อีกอย่างการ์ดเชิญที่พวกเขาร่อนไป แขกทุกคนมาร่วมงานกันครบหมดแล้ว
ถังซวงชำเลืองมองกล่องใบใหญ่บนพื้น ก่อนจะมองไปยังมุมถนนตรงหน้า
“ซวงเอ๋อร์มีอะไรรึเปล่า? เห็นอะไรหรือ?”
ถังซวงส่ายศีรษะก่อนจะตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก” เธอหยิบกล่องขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าประตูไป
พอเห็นถังซวงหยิบกล่องไปด้วย โม่เจ๋อหยวนก็ไม่ได้ถามอะไรนัก เพียงแต่เดินไปคว้ากล่องมาไว้ในมือ
ขณะทั้งสองเดินเข้าบ้านไปแล้ว ร่างทั้งสองก็เดินออกมาจากมุมถนน
“ดูเหมือนเธอจะเห็นเรานะ”
เฟิงเยี่ยหานถอนหายใจ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดต่อว่า “คนที่ไปส่งของให้ฉันนี่โง่จริง ๆ ไม่รู้จักพูด ถ้าถังซวงไม่ยอมรับของขวัญนั่นจะทำยังไง?”
ถังเจี้ยนกั๋วที่ติดตามเฟิงเยี่ยหานรู้สึกไม่พอใจคน ๆ นั้นด้วยเหมือนกัน
“ขอโทษครับนายท่าน คนที่ผมหามาไม่ดีจริง ๆ ถ้าใช้คนของเราเองน่าจะดีกว่า” ตอนนี้เขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย “ถึงผมจะได้เห็นถังซวงแล้ว แต่ผมยังไม่ได้เจอเสี่ยวเซวี่ยเลย”
หากเทียบลูกสาวทั้งสองคน ถังเจี้ยนกั๋วชอบถังเซวี่ยมากกว่า เพราะรู้สึกว่าตนเองใกล้ชิดกับลูกสาวคนเล็กมากที่สุด
ส่วนเฟิงเยี่ยหาน แม้เขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่ในแววตาก็ฉายความหดหู่เช่นกัน
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองหลวง พวกเขาพบเจอศัตรูระหว่างทาง จึงพลาดงานเลี้ยงของถังซวงและโม่เจ๋อหยวนไป จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีโอกาสมอบของขวัญเลย
ขณะทั้งสองกำลังจะจากไป ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นถังเซวี่ยเดินออกมาที่ประตู เธอทักทายถังซวงและโม่เจ๋อหยวนด้วยรอยยิ้ม “พี่คะ พี่เขย ฉันได้ยินเสียงพี่สองคน เห็นว่าไม่เข้ามาสักทีเลยมาตามน่ะ ทำอะไรอยู่หรือ?”
เมื่อเห็นถังเซวี่ยเดินออกมา ถังซวงหันศีรษะมองย้อนกลับอีกครั้ง จากนั้นหันกลับมายิ้มให้น้องสาว “เสี่ยวเซวี่ย เข้าไปข้างในก่อนเถอะจ้ะ”
“ค่า”
ถังเซวี่ยต้อนรับทักสองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะปิดประตูอย่างรวดเร็ว
เฟิงเยี่ยหานที่อยู่ตรงมุมถนนมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของถังเซวี่ยด้วยสายตาสั่นไหว มันเต็มไปด้วยความโหยหาและปรารถนาภายใน แต่เวลานี้เขาทำได้เพียงหันมองทางอื่นหลังจากประตูปิดลง
“อ่า พวกเราควรกลับได้แล้วล่ะ”
เฟิงเยี่ยหานทำสีหน้าเยือกเย็นเช่นเคย ก่อนจะออกจากเมืองหลวงพร้อมกับถังเจี้ยนกั๋ว
หลังจากเข้ามาในบ้าน ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเห็นว่าเฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงนั่งอยู่ในห้องโถงด้านหน้า ทันทีที่เห็นทั้งสองคนกลับมา พวกเขายกยิ้มก่อนจะกล่าวทักทาย “ทั้งสองคนกลับมาแล้วหรือ แม่ล่ะกลัวจริง ๆ ว่าพวกลูกจะไม่ยอมกลับบ้าน”
ใช่ เฮ่อหลานกังวลมาก และเมื่อเห็นว่าทั้งสองกลับมาแล้ว เธอถึงโล่งอกได้ เธอมองกล่องในมือของโม่เจ๋อหยวนด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เจ๋อหยวน นี่คืออะไรหรือจ๊ะ หรือว่าเธอเก็บเสื้อผ้ามาอยู่ที่นี่แล้ว?”