การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 385 ไม่รับไว้ก็น่าเสียดาย
บทที่ 385 ไม่รับไว้ก็น่าเสียดาย
ได้ยินเฮ่อหลานพูดอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนส่ายศีรษะก่อนจะตอบกลับว่า “ไม่ใช่กระเป๋าเสื้อผ้าของผมหรอกครับ”
“แล้วมันคืออะไรหรือจ๊ะ?”
เฮ่อหลานมองโม่เจ๋อหยวนด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะอยากรู้ว่าเขานำอะไรมาด้วย
“มันเป็นของขวัญจากใครบางคนที่ส่งถึงซวงเอ๋อร์น่ะครับ”
“อ่า… ใครส่งมาล่ะเนี่ย?”
เวลานี้เฮ่อหลานยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีก เพราะของขวัญจากแขกที่ได้รับมาเมื่อเที่ยงถูกเปิดหมดแล้ว หรือมีใครลืมเปิดกล่องนี้กัน?
แม้ถังซวงจะพอคาดเดาได้ แต่เธอก็ยังไม่มั่นใจนัก เวลานี้เธอเปิดกล่องใบใหญ่ออก และเห็นว่าด้านในเป็นกล่องสี่ใบวางไว้อย่างเรียบร้อย เธอเปิดกล่องไม้พะยูงด้านบนก่อน และพบเครื่องประดับทับทิมหนึ่งชุด
หลังจากเห็นเครื่องประดับหรูหราตรงหน้า เฮ่อหลานเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ใครนะที่มอบของขวัญราคาแพงอย่างนี้ได้?”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “จริงด้วย ผมว่าทับทิมชุดนี้น่าจะเป็นของเก่าแก่ คงประเมินมูลค่าไม่ได้แน่”
ถังซวงไม่คิดเลยว่าของด้านในจะมีค่ามากขนาดนี้ เธอเปิดกล่องที่สองต่อ จากนั้นจึงพบว่ามีกล่องสีเหลืองอร่ามอยู่ด้านใน
“นี่มัน…”
เห็นสิ่งนี้แล้ว เฮ่อหลานยิ่งรู้สึกว่าคนที่มอบของขวัญทำเกินไปแล้ว ส่วนโม่เจ๋อหยวนและจิงเจ้อหรงเองก็ขมวดคิ้วสงสัย เริ่มคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าใครเป็นคนส่งของขวัญนี้มา
ถังซวงเปิดกล่องที่สามต่อ มันคือเครื่องประดับเพชรสีชมพูครบชุด ต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน เข็มกลัด และเพชร มันสวยงามมากสมเป็นเครื่องประดับของผู้หญิง
“สวยจริง ๆ ถ้าซวงเอ๋อร์ใส่ต้องเหมาะมากแน่เลยจ้ะ”
เฮ่อหลานรู้สึกว่ามันสวยและเหมาะสมกับวัยของลูกสาว อีกอย่างมันดูใช้งานได้จริงกว่าชุดแรกซะอีก
ถังซวงมองสร้อยคอก่อนจะยกยิ้ม “เครื่องประดับชุดนี้ไม่ใช่ของหนูหรอกค่ะ”
“อะไรนะ…”
ทุกคนหันมองถังซวงด้วยความสงสัย
ถังซวงชี้อักษรสองตัวบนสร้อยคอก่อนจะพูดว่า “ชุดนี้เป็นของเสี่ยวเซวี่ย หนูเห็นอักษรสลักไว้ว่า TX มันน่าจะเป็นคำว่า ถังเซวี่ย”
“หา… จะเป็นของฉันได้ยังไง”
ถังเซวี่ยประหลาดใจ เธอเอนตัวเข้าไปใกล้และเห็นว่าที่สร้อยคอมีชื่อย่อของเธออยู่จริง ๆ ก่อนจะหันมองต่างหู สร้อยข้อมือ แหวน เข็มกลัด ทุกอย่างสลักชื่อย่อของเธอเอาไว้ “นี่มันอะไรกัน ใครเป็นคนส่งของพวกนี้มา?”
ถังซวงยกกล่องนั้นให้ถังเซวี่ย และเปิดกล่องใบสุดท้าย
ด้านในมีกุญแจสองพวง และใบครอบครองทรัพย์สินสองใบ ใบหนึ่งเป็นของเธอ และใบหนึ่งเป็นของถังเซวี่ย
“อ่า… ของขวัญชิ้นนี้เป็นของทั้งสองคนจริง ๆ ด้วย”
เฮ่อหลานขมวดคิ้วก่อนจะเริ่มคาดเดาว่าใครเป็นคนให้ของขวัญชิ้นนี้
ถังซวงตะโกนขึ้น
“เหลิ่งตง…”
ทันใดนั้น เหลิ่งตงก็ปรากฏตัวออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า “เป็นเฟิงเยี่ยหานและถังเจี้ยนกั๋วครับ” หลังจากพูดจบ เขาหายไปในความมืดอีกครั้ง
จิงเจ้อหรงที่รู้ว่าเป็นถังเจี้ยนกั๋ว ดวงตาของเขาวูบไหวเล็กน้อย จากนั้นหันมองเฮ่อหลาน
แต่เขาเห็นว่าสีหน้าของเฮ่อหลานกลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ราวกับถังเจี้ยนกั๋วเป็นเพียงชายแปลกหน้า เมื่อเห็นอย่างนั้นจิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากอย่างมีความสุขจนคนอื่นสังเกตเห็น
เฮ่อหลานที่ได้ยินชื่อถังเจี้ยนกั๋ว เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีใด แต่เธอไม่อยากให้ลูกสาวทั้งสองคนเกี่ยวข้องกับชายคนนั้นอีกต่อไป และคิดจะไม่รับของขวัญทั้งหมดเอาไว้
“ซวงเอ๋อร์ เราควรจัดการของขวัญพวกนี้ยังไงดี?”
“ถ้าเป็นถังเจี้ยนกั๋วมอบให้ หนูจะรับมันไว้ค่ะ เขาเป็นหนี้ในสิ่งที่เขาทำกับพวกเรา หากไม่รับไว้ก็น่าเสียดาย” ตลอดเวลาหลายปีที่ทั้งสามแม่ลูกถูกทำร้ายและทุบตีเมื่อครั้งอยู่ในตระกูลถัง แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พวกเธอสมควรได้รับ
แต่ถังซวงกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“เฟิงเยี่ยหานก็อยู่ที่นี่ น่าจะมีของขวัญจากเฟิงเยี่ยหานอยู่ในกล่องนี้ด้วยนะ?”
ถังซวงมองเครื่องเพชรสีชมพูในมือของถังเซวี่ย และรู้สึกว่า นั่นคงเป็นของที่เฟิงเยี่ยหานเตรียมไว้ให้เสี่ยวเซวี่ยโดยเฉพาะ
“ซวงเอ๋อร์ มีจดหมายอยู่ด้านล่างด้วย”
โม่เจ๋อหยวนหยิบจดหมายออกมาจากในกล่อง
ถังซวงเปิดดูจดหมายและพบว่านี่เป็นจดหมายที่เขียนโดยถังเจี้ยนกั๋ว เขาบอกว่าของทั้งหมดนี้เขาเป็นคนเตรียมมัน และต้องการมอบเป็นของขวัญให้สองคนพี่น้อง นอกจากนี้เขายังบอกด้วยว่าตนทำงานกับเฟิงเยี่ยหาน และมีเงินพอสมควร ในอนาคตเขาสามารถซื้อของดี ๆ ให้พวกเธอได้อีกมากมาย
“ถ้าถังเจี้ยนกั๋วเป็นคนส่งมันมา อย่างนั้นเราก็รับมันไว้เถอะค่ะ”
แน่นอนว่าถังเซวี่ยเชื่อถังซวง เธอจึงยอมรับของเหล่านั้นเอาไว้
แต่เฮ่อหลานอยากจะพูดบางอย่าง
หากแต่จิงเจ้อหรงจับมือของเธอเอาไว้และส่ายหน้าเบา ๆ
เมื่อเฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงกลับมาที่ห้องของตัวเอง เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อาเจ้อ ทำไมถึงไม่ให้ฉันพูดล่ะ ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเข้าใจดี เราไม่จำเป็นต้องรับสิ่งของจากถังเจี้ยนกั๋วด้วยซ้ำ”
“อาหลาน ซวงเอ๋อร์ตัดสินใจแล้ว เราอย่าไปก้าวก่ายจะดีกว่านะครับ แล้วซวงเอ๋อร์ก็พูดถูก ถึงเธอจะยอมรับของเหล่านั้น ก็ไม่ผิดอะไร อีกอย่างซวงเอ๋อร์ก็ไม่มีความคิดที่จะติดต่อกับถังเจี้ยนกั๋วในอนาคตแน่นอน คุณไม่ต้องกังวลหรอก”
ใช่ ถังซวงคิดอย่างนั้นจริง ๆ เธอเพียงรับของไว้ แต่ไม่คิดจะติดต่อกับถังเจี้ยนกั๋วอีก
อีกด้าน โม่เจ๋อหยวนไปส่งถังซวงที่ห้อง และตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว โม่เจ๋อหยวนเลยอยู่ต่อได้ไม่นานนัก
ส่วนถังชุนหยานเองก็ตกใจมากเมื่อรู้ว่าเป็นถังเจี้ยนกั๋วที่ส่งของขวัญมาให้พี่น้องทั้งสองคน
“โอ้โห ลุงรองรวยขนาดนั้นเลยหรือ ทำไมเขาถึงมีเงินซื้อของมากมายขนาดนี้ล่ะ”
ถังซวงเคยได้ยินสถานการณ์ในเมืองไห่เฉิงมาบ้าง เธอจึงรู้ว่าถังเจี้ยนกั๋วเป็นคนสนิทของเฟิงเยี่ยหาน แต่ไม่คิดสนใจเรื่องของเขาอีกแล้ว จึงไม่ได้ตอบอะไร
ทันทีที่ถังชุนหยานกล่าวจบ เธอสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่าถังซวงและถังเซวี่ยไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้ เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “พี่สาวซวง งานหมั้นเสร็จแล้ว พี่จะกลับไปโรงเรียนอีกเมื่อไหร่หรือคะ?”
“อีกสองวันน่ะ”
ถังซวงคิดว่าเธอจะพักผ่อนอีกสองวัน เพราะงานเลี้ยงวันนี้ทำเธอเหนื่อยมากจริง ๆ
ถังชุนหยานและถังเซวี่ยจึงปล่อยให้ถังซวงพักผ่อน พวกเธอแยกย้ายกันไป เพราะวันนี้ทุกคนตื่นเช้ามากจึงอยากพักผ่อนเป็นธรรมดา
เช้าวันถัดมา โม่เจ๋อหยวนมาที่นี่อีกครั้ง
เขานำจดหมายเชิญจากผู้เฒ่าโม่มาให้หลี่จงอี้ ซูเหนียนอวิ๋น ตระกูลเฮ่อและตระกูลจิงไปร่วมรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน
เมื่อชายชราเห็นจดหมายเชิญจากตระกูลโม่แล้ว เขายกยิ้มทันที
หลังจากนั้น ทุกครอบครัวก็ไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกันอย่างอบอุ่น ทั้งเจ้าภาพและแขกต่างเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
ตระกูลเฮ่อจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามวัน ก่อนเดินทางกลับเมืองก่างเฉิง
“อาเจ้อ ดูแลอาหลานให้ดีนะ เธอต้องตั้งครรภ์ในอายุเท่านี้มันเสี่ยงมาก เธอต้องจัดการทุกอย่างให้ดีและอย่าละเลยเธอเด็ดขาด เขาใจมั้ย”
“ครับคุณลุง ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลอาหลานให้ดีที่สุด”
ผู้เฒ่าเฮ่อและคนอื่น ๆ ยืนคุยกับจิงเจ้อหรงสักพัก เพราะพวกเขาอยู่ที่มานานพอสมควรจึงรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนเช่นไร ทุกคนต่างเชื่อมั่นคำพูดของจิงเจ้อหรง “ตกลง พวกเราเชื่อใจเธอ แล้วเราจะกลับมาเยี่ยมหลังจากอาหลานคลอดลูกแล้วนะ”
หลังจากเฮ่อหลานทราบว่าตระกูลเฮ่อกำลังจะกลับไป เธอเศร้าและผิดหวังมาก แต่เธอก็เข้าใจดีว่าทุกอย่างของตระกูลเฮ่ออยู่ที่เมืองก่างเฉิง ทั้งครอบครัวไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก ยังไงพวกเขาก็ต้องกลับไปดูแลสิ่งต่าง ๆ
“คุณลุง คุณป้า พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ เจียรุ่ย เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ”
“จ้ะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะ”
หญิงชรากับพานลี่ฮวาก็ไม่ยินดีนักที่ต้องกลับ แต่หลังจากพูดคุยและกอดกันเสร็จสิ้น ทั้งหมดโบกมือลา
จิงเจ้อหรง โม่เจ๋อหยวน ถังซวง และถังเซวี่ยไปส่งตระกูลเฮ่อขึ้นรถไฟ หลังจากส่งพวกเขาแล้ว ทั้งหมดจึงเดินทางกลับบ้าน