การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 388 เขาเป็นอะไรกันนะ
บทที่ 388 เขาเป็นอะไรกันนะ
ถังซวงเหลือบมองตู้จ้งเหว่ยด้วยความประหลาดใจก่อนจะถามอย่างจริงจัง “นายอยากจะไปด้วยจริงหรือ?”
“อืม ฉันจะตามไปดูว่าเขาเป็นคนดีไหม”
ในตอนท้าย แววตาของตู้จ้งเหว่ยเผยความโศกเศร้าออกมา แต่เขาก็ยังอยากจะไปที่นั่นอยู่ดี
เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของตู้จ้งเหว่ยแล้ว ถังซวงก็ไม่ได้คัดค้านอะไร “ตกลง ไว้ฉันจะบอกนายอีกรอบ แต่อย่าทำเสียเรื่องล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงพี่สาวซวง ฉันไม่ทำตัววุ่นวายแน่นอน”
“อืม งั้นกลับห้องเรียนได้แล้ว”
หลังกลับจากโรงเรียน ถังซวงบอกกับถังชุนหยานว่าตู้จ้งเหว่ยจะมาทานอาหารด้วย
ถังชุนหยานพยักหน้าและตอบกลับมาว่า “ค่ะ ได้อยู่แล้ว ตู้จ้งเหว่ยเป็นเพื่อนของฉัน ดีแล้วล่ะที่เขาจะมาทานด้วยกัน”
เห็นถังชุนหยานไม่คัดค้านอะไร ถังซวงยิ้มแล้วพูดต่อว่า “อย่างนั้นเดี๋ยวรอให้เธอนัดกับเคออวี๋หางก่อน พวกเราจะได้มาทานมื้อเย็นด้วยกัน”
“ค่ะ ฉันจะคุยกับเขาหลังจากไปเรียนพรุ่งนี้ค่ะ”
“จ้ะ”
วันรุ่งขึ้น ก่อนที่ถังซวงและถังเซวี่ยจะออกไป โม่เจ๋อหยวนก็มาหาทั้งสอง “วันนี้ฉันจะไปส่งนะ”
ถังซวงประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่าโม่เจ๋อหยวนมาที่นี่ “ทำไมพี่มาแต่เช้าเลยล่ะ?”
“ซวงเอ๋อร์ วันนี้มีคนเชิญเราสองคนไปทานมื้อเที่ยง เดี๋ยวฉันไปรับนะ”
ถังซวงพยักหน้าตอบ “ตกลง” จากนั้นเธอหันมองถังเซวี่ยแล้วพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเซวี่ย งั้นเดี๋ยวตอนเลิกเรียนพวกเราไปส่งเธอกลับบ้านก่อนนะ”
แต่ถังเซวี่ยตอบกลับอย่างรวดเร็ว “พี่คะ ฉันกลับบ้านเองดีกว่าค่ะ พวกพี่ไปทานข้าวกันได้เลย”
ถึงถังเซวี่ยจะพูดอย่างนั้น แต่หลังจากเลิกเรียนแล้ว ถังซวงยังไปส่งถังเซวี่ยที่บ้านตระกูลจิงก่อนอยู่ดี ถังเซวี่ยหันมองพี่สาวตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ “พี่คะ ฉันกลับเองได้จริง ๆ อีกอย่างพี่ไม่ได้อยู่ปกป้องฉันไปตลอดชีวิตนะ ฉันอยากจะเผชิญหน้ากับสิ่งต่าง ๆ เองบ้าง”
ถังซวงได้ยินอย่างนั้นถึงกับตกใจเล็กน้อย และทำได้เพียงถอนหายใจ “อ่า เอาล่ะ งั้นพี่จะไม่บังคับเธอแล้ว”
ถังซวงมองแผ่นหลังของถังเซวี่ยเดินจากไป ก็ลอบผิดหวังเล็กน้อย
ส่วนโม่เจ๋อหยวนยกยิ้มจากด้านข้าง “เสี่ยวเซวี่ยโตแล้ว เธอควรมีอิสระบ้าง อย่าเสียใจไปเลย”
“ค่ะ ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ”
ถังซวงพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมองโม่เจ๋อหยวนแล้วพูดว่า “ไปทานมื้อเที่ยงกันเถอะค่ะ อย่าให้เพื่อนพี่รอนานเลย”
“ครับ”
โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงไปที่ร้านอาหาร ขณะเดียวกันก็พูดคุยกับเธอเกี่ยวกับผู้ที่มาร่วมมื้ออาหารคราวนี้
“ซวงเอ๋อร์ เพื่อนฉันชื่อเหอซิงหมิน ฉันรู้จักเขาตอนที่อยู่เมืองไห่เฉิง ตอนนั้นเราทำงานด้วยกัน เขามีความสามารถพอสมควร เก่งในด้านการวิจัยและพัฒนามาก คราวนี้เขาอยากจะทำเครื่องบันทึกเทปขนาดพกพา แต่เขามีแค่ความคิดเท่านั้น และกำลังประสบปัญหาบางอย่าง เราเคยคุยกันก่อนหน้านี้แล้วแต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้”
“ครั้งล่าสุดที่ได้คุยกัน เขารู้ว่าฉันยุ่ง ๆ และรู้สึกแย่ที่ไม่ได้มาร่วมงานหมั้น เลยอยากจะทานข้าวกับเราสักมื้อ ฉันเลยคิดว่ามันน่าจะดีถ้าพวกเรารู้จักกันไว้”
ถังซวงพยักหน้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น
เมื่อทั้งสองมาถึง เหอซิงหมินมาถึงแล้ว และทันทีที่เขาเห็นโม่เจ๋อหยวนเข้ามา ชายหนุ่มโบกมือให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“เจ๋อหยวน ทางนี้ ๆ”
หลังจากที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมาถึง เหอซิงหมินมองถังซวงด้วยความสงสัยก่อนจะพูดว่า “โอ้ นี่น้องสะใภ้งั้นหรือ? สวัสดีครับ ผมเหอซิงหมินเป็นเพื่อนของเจ๋อหยวน”
“สวัสดีค่ะ ฉันถังซวง เป็นคู่หมั้นของโม่เจ๋อหยวนค่ะ”
ทั้งสองแนะนำตัวกัน โม่เจ๋อหยวนพูดขึ้นว่า “ส่วนฉันคงไม่ต้องแนะนำตัวแล้วมั้ง นั่งลงก่อนเถอะ”
หลังจากทั้งสามนั่งลงแล้ว เหอซิงหมินให้โม่เจ๋อหยวนสั่งอาหารเพิ่มสองสามอย่าง “เจ๋อหยวน คู่หมั้นนายชอบกินอะไร สั่งเพิ่มได้เลยนะ”
“อืม”
โม่เจ๋อหยวนไม่เกรงใจเช่นกัน เขาสั่งอาหารจานโปรดของถังซวงมาอีกสองจาน
หลังจากอาหารมาเสิร์ฟแล้ว เหอซิงหมินเริ่มพุดคุยกับโม่เจ๋อหยวนเกี่ยวกับโครงการของตัวเองอีกครั้ง
ส่วนถังซวงที่ได้ยินทั้งสองพูดอย่างนั้น ก็นึกได้ว่าเหอซิงหมินอยากจะพัฒนาเครื่องเล่นเทปพกพา ซึ่งความคิดนี้ค่อนข้างดีและทันสมัย แต่เขาเพิ่งแก้ไขปัญหาเรื่องแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ยังมีปัญหาอีกมากที่เขาแก้ไม่ตก จึงขอความช่วยเหลือจากโม่เจ๋อหยวน
จากที่พูดคุยกับเหอซิงหมิน โม่เจ๋อหยวนกลับไปทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เขาจึงให้คำแนะนำที่ค่อนข้างสร้างสรรค์หลายประเด็นได้
เหอซิงหมินรู้สึกว่าความคิดของตนพรั่งพรูเมื่อได้ยินคำแนะนำเหล่านั้น
“เจ๋อหยวน ขอบคุณมากนะ ฉันว่าความคิดของนายก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน”
ถังซวงสัมผัสได้ว่าโม่เจ๋อหยวนและเหอซิงหมินสนิทกันมาก เหอซิงหมินบอกโม่เจ๋อหยวนเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขาค้นคว้า และโม่เจ๋อหยวนก็บอกความรู้ของตนเองอย่างไม่คิดปิดบัง
ถังซวงคิดสักครู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ความจริงแล้ว… มันยังมีข้อผิดพลาดบางอย่างเกี่ยวกับชิ้นส่วนกลไกด้านใน” หลังจากนั้นถังซวงเริ่มพูดในสิ่งที่เธอรู้ และคิดว่ามันน่าจะสามารถช่วยอีกฝ่ายได้
“สิ่ง… สิ่งที่เธอพูดมาดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่นะ”
เหอซิงหมินหันมองถังซวงอย่างประหลาดใจ จากนั้นเขาหันมองโม่เจ๋อหยวนแล้วพูดว่า “เจ๋อหยวน ดูเหมือนน้องสาวจะฉลาดกว่านายเสียอีกนะ เธออธิบายปัญหาได้รวดเร็ว จนฉันรู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดสมเหตุสมผลมาก มันน่าจะใช้ได้นะ”
โม่เจ๋อหยวนหันมองเหอซิงหมินด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ซวงเอ๋อร์เก่งมาก ถ้าฉันมีอะไรไม่เข้าใจฉันจะถามเธอเหมือนกัน”
“จริงหรือ?”
เหอซิงหมินประหลาดใจ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ถังซวงพูดออกมาเมื่อครู่ เขาเชื่อในสิ่งที่โม่เจ๋อหยวนพูดอย่างเต็มอก ทั้งสองคนนี้เป็นคู่สร้างคู่สมกันจริง ๆ ทำไมพวกเขาถึงฉลาดขนาดนี้
ตอนนี้เหอซิงหมินหันมาคุยกับถังซวงแทน
ถังซวงเองก็ไม่คิดปิดบังอะไร เธอบอกทุกอย่างที่เธอรู้ และหากเหอซิงหมินไม่เข้าใจ เธอก็พยายามอธิบายให้เรียบง่ายที่สุด เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ
ตอนนี้เหอซิงหมินยิ่งรู้สึกชื่นชมถังซวง
“น้องสาว เธอฉลาดจริง ๆ ฉันคิดว่าเธอน่าจะทำงานด้านนี้นะ เธอต้องประสบความสำเร็จไม่น้อยกว่าเจ๋อหยวนแน่นอน”
ถังซวงยิ้มก่อนจะโบกมือแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันมีอาชีพที่ชอบแล้วค่ะ และฉันไม่คิดทำงานทางด้านนั้นหรอก”
“แต่…”
เหอซิงหมินรู้สึกเสียดายความสามารถของถังซวง
แต่โม่เจ๋อหยวนที่นั่งอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นว่า “พี่เหอ รีบกินเถอะครับ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”
เหอซิงหมินหยุดพูดทันที
พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
หลังมื้อเที่ยงสิ้นสุดลง เหอซิงหมินอดไม่ได้ที่จะกล่าวเชิญชวน “น้องชายน้องสาว ไว้คราวหน้าเรามาทานอาหารด้วยกันอีกนะ”
“ครับ”
ถังซวงยิ้มก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับโม่เจ๋อหยวน แต่เวลานี้โม่เจ๋อหยวนรู้สึกว่าเขาไม่ควรพาถังซวงมาด้วยเลย เขามองภาพที่ซวงเอ๋อร์กับเหอซิงหมินพูดคุยกันอย่างออกรส และตนถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่บนโต๊ะอาหาร ชายหนุ่มเลยรีบบอกลาเหอซิงหมินอย่างรวดเร็ว “พี่เหอ รีบไปเถอะครับ ผมก็จะกลับแล้ว!” หลังพูดจบ เขาพาถังซวงออกไปทันที
ถังซวงที่เห็นอย่างนั้นก็อยากจะหัวเราะกับท่าทีของโม่เจ๋อหยวน
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร โม่เจ๋อหยวนขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “เขาเป็นอะไรกันนะ”