การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 393 สารภาพ
บทที่ 393 สารภาพ
ถังชุนหยานเดินตามถังซวงกับทุกคนออกจากห้องอาหาร ทันทีที่เดินพ้นประตู เธอพูดกับทุกคนว่า “พี่สาวซวงคะ ฉันขอโทษนะคะ ทุกคนไม่ได้ทานอาหารดี ๆ ก็เพราะฉัน ถ้าอย่างนั้นเราไปกินบะหมี่กันดีไหม?”
ถังซวงพยักหน้าอย่างไม่คิดอะไร “ไปสิ”
ถังเซวี่ยก้าวไปด้านหน้าก่อนจะคว้าแขนของถังชุนหยานแล้วพูดว่า “พี่ชุนหยาน ฉันอยากกินบะหมี่ เรารีบไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวฉันพาไป มีร้านบะหมี่ร้านหนึ่งรสชาติดีมากเลย มันเป็นร้านลับของฉันเลยนะ”
ทุกคนมาถึงร้านบะหมี่ที่ถังชุนหยานพูดถึง และเห็นว่ามันเป็นร้านที่อยู่ในซอกหลืบ มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งขายบะหมี่อยู่ภายในนี้ หากถังชุนหยานไม่ได้พามา พวกเขาคงไม่รู้ว่ามีร้านอาหารอยู่ในที่แบบนี้
“พี่สาวซวง ถึงสถานที่จะดูลึกลับไปหน่อย แต่บะหมี่ของพวกเขาอร่อยจริง ๆ นะคะ”
ได้ยินคำพูดของถังชุนหยาน เธอยกยิ้มแล้วตอบกลับว่า “ได้สิ งั้นมาลองชิมดู”
เมื่อเห็นว่าถังซวงและคนอื่น ๆ ไม่ได้คิดมากอะไร ถังชุนหยานถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะเริ่มสั่งบะหมี่ เชิญชวนให้ถังซวงและคนอื่น ๆ ลองชิม
“บะหมี่นี้อร่อยจริง ๆ!”
หลังจากที่ตู้จ้งเหว่ยชิมได้สองคำ เขาชมไม่ขาดปาก และเขาไม่ได้โกหกเพื่อเอาใจ แต่มันอร่อยจริง ๆ
แม้แต่ถังซวงยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ บะหมี่นี่ไม่ได้ดูดีขนาดนั้น แต่กลับไม่คาดคิดว่ารสชาติมันจะอร่อย “อร่อยจริงด้วย ซุปนี่เข้มข้นมากเลย เส้นบะหมี่ก็เหนียวนุ่ม”
“ใช่ค่ะ ตอนฉันกินมันครั้งแรกฉันก็ประหลาดใจแบบนี้แหละ”
ถังชุนหยานยกยิ้มก่อนจะแนะนำทั้งคู่ให้ถังซวงรู้จัก “พี่สาวซวงคะ สองสามีภรรยาคู่นี้มาจากมณฑลฉ่านซีค่ะ ทั้งคู่ทำบะหมี่มาตั้งแต่เด็ก หลังจากพวกเขาเข้ามาเมืองหลวง หางานทำดี ๆ ไม่ได้ เลยแอบขายบะหมี่ตรงนี้ คนส่วนใหญ่ที่มาก็เพราะรู้จักกัน และก็อยู่ใกล้เคียง ส่วนคนอื่นที่แปลกหน้า พวกเขาจะไม่ขายให้เพราะไม่กล้าค่ะ”
“ครั้งหน้าถ้าพวกเรามาที่นี่ พวกเขาก็จะต้อนรับเราอย่างดีเลยค่ะ”
ก่อนถังชุนหยานจะพูดจบ ผู้หญิงที่มาส่งเครื่องเคียงกล่าวขึ้นว่า “ใช่ ถ้าพวกเธอมาอีก คราวหน้าจะมีผักดอง แล้วจะทำบะหมี่หมูหยองผักดองให้พวกเธอนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ถังซวงชอบความเอาใส่ใจของผู้หญิงคนนี้มาก หลังจากพวกเขากินเสร็จแล้ว ทั้งหมดกำลังจะกลับ
“ชุนหยาน เธอจะกลับบ้านเลยไหม?”
ถังชุนหยานพยักหน้าก่อนจะตอบกลับว่า “ค่ะ”
“งั้น… เดี๋ยวพวกเราไปส่งเธอก่อน แล้วค่อยกลับไปที่โรงเรียน”
แต่ถังชุนหยานโบกมืออย่างรวดเร็ว “ไม่เป็นไรค่ะพี่สาวซวง ฉันกลับเองดีกว่า พวกคุณจะได้ไม่ต้องขับรถไปมา”
แต่ตู้จ้งเหว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับพูดขึ้น “พี่สาวซวง เดี๋ยวฉันพาชุนหยานกลับบ้านเอง พวกเธอไปโรงเรียนก่อนเลย แล้วถ้าฉันกลับไปไม่ทัน ก็บอกว่าฉันลาหยุดแล้วกัน”
แน่นอนว่าถังชุนหยานอยากจะปฏิเสธ แต่ก่อนที่จะทันได้พูด ถังซวงกลับจ้องมองตู้จ้งเหว่ยด้วยสายตาคาดเดายากก่อนจะตอบกลับ “ตกลง” จากนั้นเธอหันมองถังชุนหยาน “ชุนหยาน ให้จ้งเหว่ยไปส่งดีกว่า ส่วนพี่โม่ไปส่งฉันกับเสี่ยวเซวี่ย”
ได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้นแล้ว ถังชุนหยานไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเพียงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ค่ะพี่”
หลังจากโม่เจ๋อหยวนพาถังซวงและถังเซวี่ยกลับไปแล้ว ตู้จ้งเหว่ยหันมองถังชุนหยานก่อนจะพูดว่า “ชุนหยาน ไปกันเถอะ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน”
“อื้ม ขอบคุณนะ”
ทั้งสองเดินกลับออกมาด้วยกัน แต่จู่ ๆ ตู้จ้งเหว่ยกลับนึกอะไรบางอย่างได้ก่อนจะถามขึ้น “ชุนหยาน เธอคิดว่าฉันเป็นยังไง?”
ถังชุนหยานมองตู้จ้งเหว่ยด้วยความงุนงงก่อนจะตอบว่า “พี่ดูดีมากเลยล่ะ แล้วฐานะครอบครัวของพี่ก็ดีมากด้วย ฉันได้ยินจากพี่สาวซวงว่าผลการเรียนของพี่เองก็ดีขึ้น เพราะงั้นพี่ดูดีทุกเรื่องเลย”
ได้ยินถังชุนหยานยืนยันอย่างนั้น ตู้จ้งเหว่ยก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา เขาพูดอย่างเข้าข้างตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ดีกว่าเคออวี๋หางคนนั้นน่ะสิ”
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
ถังชุนหยานเห็นด้วย ขณะเดียวกันเธอกล่าวคำอย่างรังเกียจ “เคออวี๋หางเทียบกับพี่ไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ อย่าพูดถึงเขาอีกเลยค่ะ ฉันเกลียดเขา”
ตู้จ้งเหว่ยยิ่งมีความสุขเมื่อเห็นว่าถังชุนหยานไม่ชอบเคออวี๋หางแล้ว ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย “ชุนหยาน ในเมื่อเธอคิดว่าฉันดีกว่าเคออวี๋หาง อย่างนั้นเธอมองฉันบ้างไม่ได้หรือ”
“อะ… อะไรนะ…”
ถังชุนหยานอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนมองตู้จ้งเหว่ยด้วยความประหลาดใจ “พี่พูดอะไรนะ?”
ตู้จ้งเหว่ยหยุดฝีเท้าก่อนจะหันกลับมาจับมือถังชุนหยาน และพูดขึ้นว่า “ฉันพูดว่า… เธอหันมามองฉันบ้าง มองแบบผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถเป็นคนรักของเธอได้ ฉันมั่นใจนะว่าฉันจะดูแลเธอได้ดีกว่าคนอื่นแน่นอน”
“นี่พี่…”
ถังชุนหยานไม่เคยฝันมาก่อนว่าตู้จ้งเหว่ยจะพูดอย่างนี้กับตัวเอง เธอถึงกับตกตะลึงจนไม่สามารถประคองสติไว้ได้ และเมื่อฟื้นคืนสติกลับมาเธอสะบัดมือของเขาทิ้งอย่างรวดเร็ว
แต่น่าเสียดายที่ตู้จ้งเหว่ยกระชับมันไว้แน่น แน่นจนถังชุนหยานสลัดไม่หลุด
แต่ถึงแม้จะไม่สามารถสะบัดมือออก ถังชุนหยานก็ยังกล่าวปฏิเสธ
“ตู้จ้งเหว่ย เราสองคนแตกต่างกันมาก เรื่องระหว่างเราไม่มีทางเป็นไปได้ อย่าพูดเรื่องนี้ในอนาคตอีกเลย มันทำให้ฉันยิ่งอับอาย”
“ไม่ ฉันไม่อาย ที่ฉันพูดทั้งหมดเป็นความจริง ชุนหยาน… ได้โปรดรับฉันไว้พิจารณาเถอะนะ”
ถังชุนหยานสัมผัสได้ว่าตู้จ้งเหว่ยจริงใจ และเมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของเขา เธอก็รู้สึกลังเล แต่เมื่อนึกถึงครอบครัวตู้ และครอบครัวของตนเอง เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้
“พี่จ้งเหว่ย เรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้จริง ๆ”
“ชุนหยาน เรายังไม่ได้ลองเลย เธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นไปไม่ได้? ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร เราต้องลองทำดูก่อนสิ อย่าเพิ่งปฏิเสธฉันเลยนะ”
ในตอนท้าย ตู้จ้งเหว่ยมองถังชุนหยานด้วยแววตาแน่วแน่ “ตอนที่เธอเล่าเรื่องของตัวเองให้ฉันฟัง ตอนที่เธอคุยกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ปลอบประโลม ฉันรู้สึกได้ว่าเธอทั้งอ่อนโยนและใจดีมาก ทั้งหมดนี้มันทำให้เธอสวยในสายตาของฉันตลอดมา ฉันค่อย ๆ ตกหลุมรักเธอทีละน้อย กว่าฉันจะรู้ตัว ในใจของฉันก็คิดถึงแต่เธอตลอดเวลา”
“ตู้จ้งเหว่ย… พี่…”
ถังชุนหยานถึงกับตกตะลึงกับคำพูดตรงไปตรงมานี้ เธอไม่คิดมาก่อนว่าตู้จ้งเหว่ยจะพูดมันออกมา หญิงสาวรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอมีความสุขมาก มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามาชื่นชอบตน และยังแสดงออกอย่างจริงใจ ทุกอย่างราวกับความฝัน การที่ตู้จ้งเหว่ยจะมาตกหลุมรัก มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ถังชุนหยานสัมผัสถึงความจริงใจของอีกฝ่ายได้ แม้ตู้จ้งเหว่ยจะชอบเธอจริง ๆ แต่ครอบครัวของเขาจะเห็นด้วยงั้นหรือ?
“ตู้จ้งเหว่ย… ฉันคิดว่าเราสองคนไม่น่า…”
ทันทีที่ตู้จ้งเหว่ยได้ยินอย่างนั้น เขารู้ว่าถังชุนหยานกำลังคิดอะไรอยู่ เขากล่าวแทรกโดยไม่ต้องคิด “ชุนหยาน ฉันรู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไร แต่ให้โอกาสฉันเถอะนะ ให้ฉันได้พิสูจน์ตัวเอง!”