การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 402 หวังสูง
บทที่ 402 หวังสูง
บทที่ 402 หวังสูง
ได้ยินสิ่งที่ตู้จ้งเหว่ยพูด ใบหน้าของถังซวงพลันมืดมนในทันที
“อะไร… เขากล้าคิดเรื่องแบบนั้นเลยงั้นหรือ? หึ… ช่างมีความมุ่งมั่นซะจริง ๆ” ก่อนหน้านี้เธอเคยได้ยินเสี่ยวเซวี่ยพูดว่าไม่ชอบสายตาของตู้จ้งเหลียนที่ใช้มองตน เพราะอย่างนี้นี่เอง
ส่วนถังเซวี่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างมีสีหน้าบิดเบี้ยวเช่นกัน
“ตู้จ้งเหลียนคนนั้นคิดไม่ซื่อจริง ๆ ด้วย ฉันคิดไว้แล้วว่าเขามองฉันแปลก ๆ ฉันเดาถูกสินะ งั้นคราวหน้าฉันควรจะพูดกับเขาตรง ๆ เพื่อไม่ให้เขาโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีก”
ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว ถังเซวี่ยนึกได้ว่าตู้จ้งเหลียนเป็นน้องชายของตู้จ้งเหว่ย เธอรีบหันหน้าไปหาเขาแล้วพูดต่อว่า “พี่ตู้ ฉันไม่ได้หมายความถึงอย่างอื่นนะคะ ฉันแค่ไม่ชอบสายตาที่ตู้จ้งเหลียนมองฉันจริง ๆ เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาค่ะ”
ตู้จ้งเหว่ยรีบพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ฉันรู้ว่าเธอไม่มีเจตนาอื่น อีกอย่างเรื่องที่เธอไม่ชอบเขา ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน คนอย่างเขาหวังสูงโดยไม่ดูตัวเอง ตอนที่ฉันรู้ ฉันก็โกรธมากเหมือนกัน”
ตู้จ้งเหว่ยไม่ชอบโหยวอี้หง และเขาก็ไม่ชอบตู้จ้งเหลียน เวลานี้เขารู้สึกไม่มีความผูกพันใด ๆ ให้กับสองคนนี้แม้แต่น้อย
ถังชุนหยานที่เห็นสีหน้าขยะแขยงของตู้จ้งเหว่ยก็นึกถึงสถานการณ์ภายในครอบครัวของชายหนุ่ม เธอจึงถอนหายใจยาวเหยียดแล้วพูดว่า “พี่ต้องพบเจอเรื่องหนักหนาสาหัสแบบนี้มานานหลายปีแล้วสินะ”
ตู้จ้งเหว่ยอยากจะแย้ง แต่ไม่นานเขาก็พยักหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ใช่ ทั้งแม่เลี้ยงและน้องชายของฉันต่างก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย แม้แต่พ่อก็ยังค่อย ๆ เปลี่ยนไป”
ตู้จ้งเหว่ยเอ่ยปากเตือน
“เสี่ยวเซวี่ย แม่เลี้ยงกับน้องชายของฉันไม่ใช่พวกที่จะรับมือได้ง่าย เธอต้องระวังตัวให้มาก อย่าให้พวกเขาฉวยโอกาสเด็ดขาด”
“ค่ะพี่ตู้ ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
หลังจากพูดสิ่งที่อยู่ในใจแล้ว ตู้จ้งเหว่ยหันมองถังชุนหยานก่อนจะเอ่ยปากว่า “ชุนหยาน เรากลับไปอ่านหนังสือกันเถอะ”
ถังชุนหยานเหลือบมองตู้จ้งเหว่ยด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงต้องรีบร้อนนัก
แต่ถังซวงกลับยกยิ้ม “ชุนหยาน เธอรีบไปอ่านหนังสือเถอะ”
เมื่อได้ยินถังซวงพูด ถังชุนหยานไม่พูดอะไรต่อ ก่อนจะรีบพาตู้จ้งเหว่ยเข้าไปในลานบ้านของตัวเอง
ส่วนถังเซวี่ยรีบพูดขึ้นทันที “พี่คะ พี่เขย งั้นฉันกลับไปอ่านหนังสือที่ห้องก่อนนะ” พูดจบเธอรีบจากไปทันที
โม่เจ๋อหยวนหันมองถังซวงด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ พวกเขาไปอ่านหนังสือแล้ว เราไปอ่านด้วยเถอะ”
“ค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนอยู่บ้านตระกูลจิงตลอดทั้งวัน และหลังจากนั้นจึงกลับไปหลังทานอาหารเย็น
ตู้จ้งเหว่ยเองก็อยู่ทานด้วยเช่นกัน แม้ว่าเขาจะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ก็จากไปเมื่อทานมื้อเย็นเสร็จ
“พี่เขย ผมกลับก่อนนะ”
ตู้จ้งเหว่ยบอกลาโม่เจ๋อหยวนพร้อมกับโบกมือ
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้า “อื้ม กลับบ้านดี ๆ ล่ะ”
หลังจากแยกย้ายกับตู้จ้งเหว่ยแล้ว โม่เจ๋อหยวนกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นว่าคุณปู่ยังตื่นอยู่ จึงส่งการ์ดเชิญงานแต่งของหลี่จงอี้ให้ “คุณปู่ครับ คุณปู่หลี่ให้ผมมาเชิญปู่ไปร่วมฉลองงานเลี้ยงแต่งงานน่ะครับ”
“หืม? แต่งงาน?”
ผู้เฒ่าโม่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าประหลาดใจ “นี่… คงไม่น่าจะใช่อย่างที่ปู่คิดใช่ไหม” แล้วรีบเปิดการ์ดเชิญที่หลานชายเพิ่งมอบให้เมื่อครู่ทันที และเมื่อเห็นเนื้อหาภายใน เขาถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ในที่สุดตาเฒ่าหลี่ก็เจอคู่ชีวิตสักที ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ปู่ยินดีจริง ๆ”
“พ่อครับ ตะโกนอะไรเสียงดังขนาดนั้นกัน”
โม่ถิงฮวาและหลินเหม่ยเจินเดินเข้ามา และเห็นว่าชายชราหัวเราะอย่างมีความสุข จึงอดถามไม่ได้
ผู้เฒ่าโม่เล่าเรื่องของหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นให้ฟัง “เดี๋ยวสุดสัปดาห์นี้ฉันจะเอาเงินให้แกไปซื้อเครื่องดื่มดี ๆ ให้ตาเฒ่าหลี่”
“จริงหรือคะคุณพ่อ เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ ฉันจะไปร่วมแสดงความยินดีกับลุงหลี่พร้อมถิงฮวาค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะตอบกลับว่า “คุณปู่หลี่จัดเพียงสองสามโต๊ะเท่านั้นครับ เลยมีแค่คุณปู่ที่ได้รับเชิญ”
หลินเหม่ยเจินชำเลืองมองลูกชายของเธอก่อนจะพูดว่า “ตอนที่ลูกไปอยู่มณฑลเจียง ลูกสร้างปัญหาคอยให้คุณลุงตามเช็ดเสมอไม่ใช่หรือ คุณลุงจะแต่งงานทั้งที แม่กับพ่อต้องไปด้วยสิ”
ผู้เฒ่าโม่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่ ตาเฒ่าหลี่ได้เจอคู่ชีวิตทั้งที งานเลี้ยงมันควรจะรื่นเริงสิ”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว โม่เจ๋อหยวนไม่พูดอะไรต่อ
วันรุ่งขึ้น โม่เจ๋อหยวนรีบไปที่บ้านตระกูลจิงตั้งแต่เช้าตรู่ และเห็นว่าถังซวง ถังเซวี่ย และถังชุนหยานเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ จนทั้งสามชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ซวงเอ๋อร์ เพิ่งออกกำลังกายเสร็จหรือ?”
“ค่ะ พี่ทานมื้อเช้าหรือยัง?”
“ยังเลย ฉันเห็นคุณปู่หลี่กับคนอื่น ๆ กำลังจะย้ายของ เลยมาที่นี่ก่อนเวลาเพื่อช่วยขนของน่ะ”
ถังซวงก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หลังจากได้ยินอย่างนั้นแล้ว เธอพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ค่ะ อย่างนั้นเราไปกัน เดี๋ยวฉัน เสี่ยวเซวี่ย กับชุนหยานจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
“ครับ”
โม่เจ๋อหยวนคุ้นเคยกับตระกูลจิงดี หลังจากถังซวงและคนอื่น ๆ ไปอาบน้ำ เขาตรงไปที่ลานของหลี่จงอี้ทันที
“เจ๋อหยวน ทำไมมาเร็วจังล่ะ”
หลี่จงอี้เห็นโม่เจ๋อหยวนเดินเข้ามา จึงรีบทักทายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“คุณปู่หลี่ ผมมาช่วยครับ”
เกอชิงเหม่ยที่เพิ่งเดินเข้ามา ได้ยินโม่เจ๋อหยวนพูด ก็ยกยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “เจ๋อหยวน ขอบคุณที่ทำงานหนักเพื่อพวกเรา หลังจากนี้เราจะต้อนรับเธออย่างดีเลยจ้ะ”
“ป้าเกอ ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ”
ซูเหนียนอวิ๋นเห็นโม่เจ๋อหยวนอยู่ที่นี่ เธอยกยิ้มจนแก้มปริ “เจ๋อหยวนมาแล้วหรือจ๊ะ ทานมื้อเช้าหรือยัง ไปทานมื้อเช้าก่อนดีกว่า”
“ครับคุณย่าซู”
สองสามคนเดินออกไปขณะพูดคุยกันไปด้วย ส่วนถังซวงและคนอื่น ๆ ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เข้ามาร่วมรับประทานมื้อเช้าด้วยเช่นกัน
เฮ่อหลานไม่สามารถไปช่วยงานในวันนี้ได้ แต่จิงเจ้อหรงได้พาสองพี่น้อง จิงเหวินรุ่ยและจิงเหวินหยวนมาช่วยขนของด้วย
เมื่อเห็นว่ามีคนจำนวนมากพร้อมช่วยเหลือ หลี่จงอี้มองถังซวงและถังเซวี่ยก่อนจะพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย พวกเธอพอได้แล้ว รีบไปโรงเรียนเถอะ”
ซูเหนียนอวิ๋นพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ พวกเธอสองคนไปโรงเรียนได้แล้วจ้ะ ที่นี่มีคนตั้งมากมาย ทั้งสองคนไม่ต้องช่วยหรอก”
ส่วนถังชุนหยานไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนในตอนกลางวัน เธอจึงอยู่ที่นี่ต่อ และหันมองถังซวงและถังเซวี่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า “พี่สาวซวง เสี่ยวเซวี่ยรีบออกไปเถอะ ไม่อย่างนั้นจะไปสายกันนะ ส่วนเรื่องบ้านของคุณปู่หลี่ ฉันจำได้แล้วค่ะ หลังจากทุกอย่างเสร็จ พวกเราค่อยไปเยี่ยมก็ได้”
“งั้นฉันกับเสี่ยวเซวี่ยไปโรงเรียนก่อนนะ”
โม่เจ๋อหยวนส่งทั้งสองพี่น้องที่ประตูก่อนจะกลับมาช่วยย้ายของต่อ
หลังจากถังซวงมาถึงโรงเรียน ตู้จ้งเหว่ยรีบถามเธอทันที “พี่สาวซวง วันนี้ชุนหยานอยู่ที่บ้านหรือไปช่วยคุณลุงหลี่ย้ายของหรือ? ตอนแรกฉันจะไปที่นั่น แต่กลัวว่าคุณปู่จะคิดว่าฉันออกนอกหน้าเกินไป”
ตอนนี้เขาค่อนข้างหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะความจริงเขาไม่ควรมานั่งคิดมากเพียงเพราะเรื่องเหล่านี้ด้วยซ้ำ และควรไปอยู่ที่นั่นแล้ว