การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 406 ระยะห่าง
บทที่ 406 ระยะห่าง
บทที่ 406 ระยะห่าง
เหมาจื้อหลางเห็นสีหน้าของทุกคนก็กล่าวเสียงเรียบอยู่หน้าชั้นว่า “นักเรียนถังซวงสามารถทำข้อสอบพวกนี้ได้ และ… ได้คะแนนเต็ม ทุกคนลงมือทำได้แล้ว ฉันจะได้รู้ว่าพวกเธอจะได้กี่คะแนน”
“อะไร…”
ทุกคนที่อยู่ในชั้นเรียนไม่เชื่อ
“มัน… เป็นไปได้ยังไง? ข้อสอบพวกนี้ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน และมันมีเนื้อหาตั้งเยอะที่ฉันยังไม่ได้เรียนด้วยซ้ำ”
“ใช่ แล้วถังซวงจะได้คะแนนเต็มจากข้อสอบยาก ๆ พวกนี้ได้ยังไง?”
เหมาจื้อหลางเห็นว่านักเรียนทุกคนยังไม่พิจารณาตัวเอง แต่ไปสงสัยความสามารถของผู้อื่น เขายิ่งรู้สึกโกรธ แต่ก่อนที่จะพูดอะไร ตู้จ้งเหว่ยพูดขึ้นก่อนว่า “อะไร… พวกนายทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าพี่สาวซวงจะทำไม่ได้นี่ หรือคิดว่าตัวเองมีสมองเทียบเท่ากับพี่สาวซวงงั้นหรือ? นี่ ช่วยส่องกระจกดูหน้าตัวเองก่อนดีกว่าว่าอยู่ในระดับไหน”
“นาย…”
ได้ยินตู้จ้งเหว่ยพูดเย้ยหยัน ทุกคนโกรธมากแต่ไม่สามารถโต้แย้งได้ เวลานี้พวกเขาทำได้เพียงมองดูข้อสอบตรงหน้าแต่ไม่สามารถเขียนอะไรลงไป
“เอาล่ะ เงียบได้แล้ว ถ้าอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็รีบทำข้อสอบซะ”
เหมาจื้อหลางที่เห็นความวุ่นวายตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะเบา ๆ
จู้เจินเจินเม้มปากแน่น รู้สึกหดหู่ นับตั้งแต่ถังซวงเข้ามาในชั้นเรียนนี้ เธอยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า เทียบกับคนอื่นไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังพยายามอย่างหนัก… หยุดคิดเรื่องอื่น ๆ ทั้งหมดและเริ่มทำข้อสอบ
นักเรียนคนอื่น ๆ ก็เริ่มลงมือทำข้อสอบโดยไม่พูดไม่จาเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรแล้ว ตู้จ้งเหว่ยหันมองถังซวงก่อนจะพูดว่า “พี่สาวซวง ฉันก็จะลองทำข้อสอบนี้ด้วย เธอนั่งพักไปก่อนแล้วกันนะ”
แต่ถังซวงไม่ได้พักผ่อนอย่างที่ว่าเธอหยิบหนังสือออกมาอ่านรอ
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะเริ่มต้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า แม้เธอจะมั่นใจมากแต่ก็ยังรู้สึกว่าควรจะเตรียมพร้อมให้ดี
เมื่อเห็นทุกคนเริ่มลงมือทำข้อสอบ เหมาจื้อหลางเห็นถังซวงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่เรียนดีแต่ยังขยันอีกด้วย เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงเก่งมาก
หลังหมดเวลา เหมาจื้อหลางพูดขึ้น “เอาล่ะทุกคน หยุดมือแล้วส่งกระดาษคำตอบมาได้แล้ว”
“อ้าว… ฉันยังทำไม่เสร็จเลย”
“ใช่ ฉันก็ยังทำไม่เสร็จเหมือนกัน และฉันก็ไม่รู้มาก่อนด้วยว่ามันจะยากขนาดนี้”
ทั้งหมดบ่นกันระงม ไม่มีนักเรียนคนไหนสามารถทำจนเสร็จ และตอนนี้พวกเขายังไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าถังซวงเก่งจริง ๆ อีกทั้งเธอยังทำข้อสอบได้คะแนนเต็มด้วย
แน่นอนว่ามีหนึ่งหรือสองคนที่คิดสงสัยว่าถังซวงได้คะแนนเต็มได้อย่างไร พวกเขาจะไม่เชื่อจนกว่าจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง
ตู้จ้งเหว่ยที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับสบถออกมา “ก่อนหน้านี้พวกนายก็เคยสงสัยในตัวพี่สาวซวง แต่ก็ถูกตบหน้าจนพูดไม่ออก แล้วตอนนี้… อยากจะโดนอีกหรือไง?”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ย คนที่เคยสงสัยก่อนหน้านี้ไม่พูดอะไรอีก และนึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ส่วนจู้เจินเจินที่เห็นตู้จ้งเหว่ยปกป้องถังซวงออกนอกหน้า ก็ยิ่งนึกถึงข้อสอบที่ทำไม่ได้ และมันยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดมากขึ้น
หลังจากรวบรวมข้อสอบทั้งหมดแล้ว เหมาจื้อหลางหันมองทุกคนก่อนจะพูดว่า “อืม แล้วฉันจะตรวจข้อสอบพวกนี้ให้เร็วที่สุด เผื่อจะมีใครสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อีก” หลังพูดจบแล้ว เขาเดินออกจากห้องเรียน
ถังซวงลุกขึ้นเก็บข้าวของเตรียมที่จะกลับบ้านเช่นกัน
“พี่สาวซวง รอฉันด้วย”
ตู้จ้งเหว่ยรีบเก็บข้าวของก่อนจะออกไปพร้อมกับถังซวง
ตอนนี้จู้เจินเจินกำหมัดแน่นเมื่อเห็นภาพทั้งสองที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้
ส่วนเมิ่งซือเซี่ยกระวนกระวายอยู่ด้านข้างและไม่ทันสังเกตเห็นท่าทีของจู้เจินเจิน เธอหยิบหนังสือเรียนลงกระเป๋านักเรียนด้วยความหดหู่ จากนั้นจึงหันไปชวนจู้เจินเจินกลับบ้าน
เหยาเหลียงเสียนเห็นลูกสาวกลับมาถึงบ้าน ก็ถามขึ้น “ซือเซี่ย เป็นอะไรหรือลูก? ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”
เมิ่งซือเซี่ยกล่าวด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “แม่คะ หนูนี่มันโง่จริง ๆ”
แม้ว่าบางครั้งเธอจะพูดกับลูกสาวอย่างนั้น แต่เหยาเหลียงเสียนก็ไม่ยอมให้คนอื่นมาต่อว่าลูกสาวของตน จึงรีบไถ่ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น? มีใครรังแกลูกแล้วต่อว่าลูกหรือ? ใครว่าลูกโง่?”
เมิ่งซือเซี่ยส่ายศีรษะ “ไม่หรอกค่ะ”
เธอบอกเล่าเรื่องที่ถังซวงสอบได้คะแนนเต็ม แต่เธอกลับไม่สามารถทำข้อสอบส่วนใหญ่ได้ “ถังซวงมีโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยในรอบนี้ แต่หนูกลับไม่มีความสามารถ…”
“อะไรนะ…”
เหยาเหลียงเสียนถึงกับไม่เชื่อหูตัวเอง “ถังซวงเก่งขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“ค่ะ อาจารย์บอกว่าเธอได้คะแนนเต็ม แต่หนูกลับทำข้อสอบพวกนั้นไม่ได้ ทำไมระยะห่างของหนูกับเธอถึงมากมายขนาดนี้” เมิ่งซือเซี่ยรู้สึกสิ้นหวัง
อย่างไรเสีย เหยาเหลียงเสียนยังไม่ยอมแพ้แม้ความหวังจะริบหรี่
“เรายังไม่รู้ผลคะแนนเลย อย่าเพิ่งคิดมากไปก่อนจะดีกว่านะลูก ต่อให้สอบไม่ผ่านก็ไม่ต้องคิดมากหรอก”
แต่เมิ่งซือเซี่ยไม่ต้องการคำปลอบโยน เพราะเธอรู้ดีว่าตนเองทำได้แค่ไหน เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าการสอบวันนี้เป็นยังไงบ้าง แต่เมื่อผลสอบออก มันก็เป็นไปตามที่เธอคาด เธอไม่ผ่าน…
ควรพูดว่าไม่มีใครในชั้นเรียนสอบผ่านถึงจะถูก
เหมาจื้อหลางมองนักเรียนตรงหน้าก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันรู้ว่าพวกเธออยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเร็ว ๆ แต่พวกเธอก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยว่ามีคุณสมบัติเพียงพอ วันนี้ทุกคนคงจะรู้แล้วว่าความพยายามของพวกเธอมันน้อยเกินไป พยายามให้มากขึ้น หลังจากนี้ตั้งใจเรียน ฝึกฝนอย่างหนัก แล้วเดี๋ยวความพยายามจะตอบแทนพวกเธอเอง”
ตอนนี้ผลการเรียนของตู้จ้งเหว่ยไม่เลวเลย อีกทั้งการทดสอบคราวนี้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของเหมาจื้อหลาง เขารู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล จึงตอบรับเสียงดัง “ครับอาจารย์เหมา ผมจะตั้งใจเรียน”
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ยก็ตอบรับเช่นกันว่าจะตั้งใจเรียน
เหมาจื้อหลางกลัวว่านักเรียนทั้งหมดจะไม่มั่นใจในตัวเอง และตีตนก่อนไข้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้ เขาถึงกับหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “อืม แล้วฉันจะคอยดู”
ถังซวงมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
แต่ขณะนี้มีบางคนที่ขำไม่ออก
เหยาเหลียงเสียนที่รู้แล้วว่าลูกสาวของตนสอบไม่ผ่าน และถังซวงเป็นคนเดียวในชั้นเรียนที่มีสิทธิ์สอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอหันมองลูกสาวด้วยสายตาผิดหวัง “แกมันไร้ประโยชน์ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แค่สอบยังไม่ผ่าน มัวแต่ทำอะไรอยู่”
“แม่คะ ผลการเรียนของหนูยังอยู่ในระดับที่ดีนะ แต่เพราะถังซวงเก่งเกินไปต่างหาก”
“แก… ยอมรับมาเถอะว่าแกโง่จริง ๆ”
แม่กับลูกสาวทะเลาะกันอย่างหนัก เมิ่งผิงที่เพิ่งเข้ามาได้ยินทั้งสองทะเลาะกัน เธอพูดขึ้นว่า “นี่! เธอกับซือเซี่ยทะเลาะอะไรกัน มันไม่ผิดที่พวกเธอจะมีเรื่องไม่เข้าใจกัน แต่ก็ควรพูดคุยดี ๆ ไม่ใช่ใช้อารมณ์อย่างนี้”
เมื่อเห็นเมิ่งผิง เหยาเหลียงเสียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวเหน็บแนม “พี่คะ เรากำลังคุยกันเรื่องผลการเรียนของซือเซี่ย อีกอย่างพวกเราก็กำลังชื่นชมถังซวงที่เก่งกาจได้ผลคะแนนยอดเยี่ยม เธอได้คะแนนเต็มในการทดสอบของอาจารย์ใหญ่และเขาถึงกับเซ็นยินยอมให้เธอมีสิทธิ์สอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยตรงเลยนะ”
เมิ่งผิงเคยได้ยินเรื่องถังซวงต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาก่อน จึงไม่ได้แปลกใจมากนัก
“ซวงเอ๋อร์มีผลการเรียนที่ดีเสมอมา ไม่แปลกที่เธอจะมีสิทธิ์สอบเข้ามหาวิทยาลัย”
“เฮ้อ… พี่ใหญ่ยังเข้าข้างถังซวงเหมือนเดิมเลยนะคะ ไม่รู้ว่าหล่อนจะนึกถึงพี่บ้างหรือเปล่า”
เมิ่งผิงที่ได้ยินเหยาเหลียงเสียนพูดจาแปลกประหลาด รู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากจะพูดอะไรอีก “เอาล่ะ ฉันจะไปหาพ่อกับแม่” หลังพูดจบ เธอเดินออกมาทันที
เห็นเมิ่งผิงเดินออกไปด้วยสีหน้าไม่แยแส เหยาเหลียงเสียนสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และคงเป็นเธอที่พูดจาไม่เข้าท่า แต่ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะแก้ตัว
หลังจากได้พบพ่อกับแม่ เมิ่งผิงกลับมาที่บ้านตระกูลจิงและเล่าถึงถังซวงที่สอบได้คะแนนยอดเยี่ยม ทำให้ผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงมีความสุขมาก ทั้งหมดทานมื้อเย็นด้วยกันแล้วยังให้กำลังใจถังซวงอย่างครึกครื้น
“ซวงเอ๋อร์จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่นอน”