การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 409 ทานมื้อเที่ยงด้วยกัน
บทที่ 409 ทานมื้อเที่ยงด้วยกัน
บทที่ 409 ทานมื้อเที่ยงด้วยกัน
ถังเซวี่ยได้ยินคำพูดของเฟิงเยี่ยหานจึงตระหนักได้ว่า “อย่างนั้นก็ไม่แปลกที่คุณจะรู้จักสร้อยนี่”
เฟิงเยี่ยหานโล่งอกที่ถังเซวี่ยเชื่อ และรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “เสี่ยวเซวี่ยครับ รีบเข้าโรงเรียนเถอะ เดี๋ยวจะสายเอานะ”
ถังเซวี่ยมองนาฬิกาก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองใกล้จะสายแล้ว เธอโบกมือให้กับเฟิงเยี่ยหานก่อนจะพูดขึ้นว่า “เฟิงเยี่ยหาน งั้นฉันไปเรียนก่อนนะ คุณก็ไปจัดการธุระตัวเองเถอะ” พูดจบเธอวิ่งออกไปทันที
เฟิงเยี่ยหานยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนมองดูถังเซวี่ยวิ่งเข้าไปด้านในอย่างร้อนรน หลังจากเธอลับสายตาไปแล้ว เขาจึงหันหลังกลับ
หลังจากถังเซวี่ยมาถึงห้องเรียน กริ่งเริ่มชั้นก็ดังขึ้นพอดี
“เฮ้อ… โชคดีที่มาทัน”
ช่วงบ่าย ถังเซวี่ยตั้งใจเรียนและจดบันทึกสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย หลังจากกลับจากโรงเรียนแล้ว เธอเห็นถังซวงกำลังจะออกไปข้างนอกจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่คะ จะไปไหนหรือ?”
ถังซวงยกถุงในมือขึ้นก่อนจะพูดว่า “เอาของไปส่งให้คุณปู่หลี่กับคุณย่าซูน่ะ”
“ฉันไปด้วยค่ะ”
“จ้ะ”
สองพี่น้องตรงไปที่บ้านของหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นด้วยกัน
ผู้เฒ่าทั้งสองยกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นถังซวงและถังเซวี่ยมาเยี่ยม “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย เข้ามาก่อนเร็วเข้า”
หลังจากที่สองพี่น้องนั่งลงแล้ว ถังซวงยื่นถุงออกไปพร้อมกับพูดว่า “คุณย่าซูคะ แม่ฝากของมาให้ค่ะ” ในถุงมีอินทผลัมแดง และชาสองถุง
ซูเหนียนอวิ๋นรับมันไว้
“จ้ะ พวกเราจะกินมันแน่นอน ฝากขอบคุณแม่ด้วยนะ”
“ถ้าคุณย่าซูชอบ ฉันจะเอามาให้อีกนะ”
ซูเหนียนอวิ๋นพยักหน้าก่อนจะตอบรับ “จ้ะ อย่างนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ”
เกอชิงเหม่ยที่เพิ่งกลับมาจากด้านนอก เห็นสองพี่น้องถังซวงและถังเซวี่ยอยู่ด้วย จึงเชิญพวกเธอทานอาหารด้วยกัน “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย อยู่ทานมื้อเย็นที่นี่สิจ๊ะ ฉันจะทำอาหารจานโปรดของเธอสองคนด้วย”
ซูเหนียนอวิ๋นพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ใช่ ทานมื้อเย็นที่นี่เถอะนะ”
ถังซวงและถังเซวี่ยไม่ปฏิเสธ ทั้งสองตัดสินใจทานมื้อเย็นที่นี่
หลี่จงอี้มีความสุขมากเมื่อรู้เช่นนั้นเขาบอกกับจิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานว่าถังซวงกับถังเซวี่ยจะทานมื้อเย็นที่นี่ จากนั้นจึงออกไปซื้อไวน์หนึ่งขวดสำหรับมื้อค่ำวันนี้
ซูเหนียนอวิ๋นเห็นว่าหลี่จงอี้จะดื่มอีกแล้ว เธอจ้องมองเขาอย่างห้ามปราม “ทำไมคุณถึงหยุดปากตัวเองไม่ได้สักที การดื่มมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ อายุก็มากแล้วควรจะหยุดได้แล้ว”
แต่เกอชิงเหม่ยดันเข้ามาช่วยเหลือชายชรา “อาจารย์คะ วันนี้ลุงหลี่เพียงแค่มีความสุข เป็นโอกาสดีที่จะได้ดื่ม อย่าว่าเขาเลยค่ะ”
ซูเหนียนอวิ๋นส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ก่อนจะพูดว่า “ชิงเหม่ย ฉันไม่รู้แล้วนะว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของใครกันแน่ ดูเธอจะเข้าข้างลุงหลี่ซะจริง”
“อาจารย์คะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณเสมอ”
“ฮึ่ม… ทั้งที่วัน ๆ เอาแต่ให้ท้ายลุงหลี่เนี่ยนะ”
ถังซวงเห็นทั้งสองโต้เถียงกันอย่างนั้น จึงพูดแทรกขึ้นว่า “คุณย่าซูคะ ไว้ฉันจะตรวจชีพจรของลุงหลี่ให้นะ เราจะได้รู้ว่าสุขภาพเขาเป็นอย่างไร แล้วการดื่มเพียงเล็กน้อยทุกวันคงไม่สร้างปัญหาอะไรมากหรอกค่ะ”
“เห็นไหม ซวงเอ๋อร์พูดแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
หลี่จงอี้ยิ้มให้ซูเหนียนอวิ๋น ก่อนจะรีบคีบผักให้เธอ
“อืม ฉันจะให้ซวงเอ๋อร์ตรวจชีพจรให้คุณ ถ้ามันไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆ ฉันอนุญาตให้ดื่มวันละนิดหน่อยก็ได้”
หลังทานอาหารแล้ว ถังซวงตรวจสอบชีพจรของหลี่จงอี้ ก่อนจะหันมองซูเหนียนอวิ๋นพร้อมยกยิ้มกว้าง “คุณย่าซูคะ ร่างกายของคุณปู่แข็งแรงมากเลยค่ะ การดื่มเล็กน้อยทุกวันไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ย้ำว่าเล็กน้อยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงจ้ะซวงเอ๋อร์ ฉันจะดูแลเขาให้ดี”
ถังซวงกับถังเซวี่ยพุดคุยกับทุกคนสักครู่ก่อนจะกลับบ้าน
ระหว่างทางกลับ ถังเซวี่ยครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องตู้จ้งเหลียนในวันนี้ให้พี่สาว และยังบอกเรื่องที่เฟิงเยี่ยหานได้เข้ามาช่วยเหลือเธอด้วย “พี่คะ เราสองคนบังเอิญพบกันอีกแล้ว และฉันก็ชวนเฟิงเยี่ยหานไปทานมื้อเที่ยงเพื่อเป็นการขอบคุณเขาเรื่องวันนี้ด้วย”
ถังซวงไม่คิดมาก่อนว่าถังเซวี่ยจะไปเจอกับเฟิงเยี่ยหานอีก
เธอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองไห่เฉิง และรู้สึกว่าคนรอบตัวของเฟิงเยี่ยหานไม่ได้อันตรายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกทั้งอำนาจทั้งหมดในตระกูลเฟิงก็ยังอยู่ในมือของเขา คงไม่เป็นไรมั้ง? “เธอชวนเขาแล้วนี่ ไปเถอะ ไปขอบคุณเขาที่ช่วยเธอออกมาจากคน ๆ นั้น”
“ค่ะพี่ งั้นถ้าพี่ไม่ว่าอะไร ฉันก็จะไปกับเขาค่ะ”
ถังซวงชำเลืองมองถังเซวี่ยแล้วพูดว่า “ถ้าเธอเต็มใจ ฉันก็เต็มใจ เธอต้องเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่อย่าลืมนะเฟิงเยี่ยหานเป็นผู้ชายที่เต็มไปด้วยศัตรูรอบตัว”
“ฉันเข้าใจ ตอนนี้ฉันก็แข็งแกร่งขึ้นแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ อีกอย่างศัตรูของเฟิงเยี่ยหานก็อยู่ในเมืองไห่เฉิงไม่ใช่หรือ ในเมืองหลวงคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นมั้งคะ”
“แต่คราวที่แล้วเรื่องก็เกิดที่เมืองหลวงนี่?”
ถังเซวี่ยเงียบทันที ทำได้เพียงก้มหน้าลงโดยไม่พูดไม่จา
ส่วนถังซวงไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับสัมผัสได้ถึงความยินดีบางอย่างในแววตาของน้องสาวคนนี้
เห็นถังเซวี่ยเป็นอย่างนั้นแล้ว ถังซวงขมวดคิ้วก่อนจะถามอย่างจริงจัง “เธอมีความสุขไหมที่จะได้ทานอาหารกับเฟิงเยี่ยหาน?”
“ไม่หรอกค่ะ แต่เฟิงเยี่ยหานถือว่าเป็นคนรู้จัก เขาดีกว่าตู้จ้งเหลียนมาก การไปทานอาหารกับเขามันดีกว่าการต้องอยู่กับตู้จ้งเหลียนอยู่แล้ว”
เห็นถังเซวี่ยเกลียดชังตู้จ้งเหลียนมากขนาดนั้น ถังซวงก็นึกถึงการกระทำของตู้จ้งเหลียนวันนี้ก่อนจะส่ายศีรษะ “ตู้จ้งเหลียนก็ทำตัวไร้ยางอายเสียจริง อย่างที่เธอว่า… ถ้าต้องเลือกระหว่างตู้จ้งเหลียนกับเฟิงเยี่ยหาน เฟิงเยี่ยหานต้องดูดีกว่าอยู่แล้ว”
“ใช่ค่ะ”
ทั้งสองพูดคุยกันในขณะเดินกลับบ้าน และไม่นานก็มาถึง
วันรุ่งขึ้น ถังเซวี่ยออกจากโรงเรียนในตอนเที่ยง และเมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียนก็เห็นว่าเฟิงเยี่ยหานยืนรออยู่ก่อนแล้ว “เฟิงเยี่ยหาน… มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? รอนานหรือยัง?”
“สวัสดีครับเสี่ยวเซวี่ย ผมเพิ่งมาถึงน่ะ”
“อ๋า”
ถังเซวี่ยเดินไปหาชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะพาคุณไปทานอาหารอร่อย ๆ แล้วกัน แต่ถ้ามีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษก็บอกฉันได้เลยนะ”
เฟิงเยี่ยหานยกยิ้ม “กินที่คุณชอบก็ได้ ผมกินอะไรก็ได้ คุณชอบกินอะไรผมก็กินอันนั้นแหละ”
ทันทีที่ได้ยินว่าเฟิงเยี่ยหานชอบกินขนมเหมือนกับตน ถังเซวี่ยพยักหน้ารับทันที “จริงหรือ งั้นก็ไปกินอาหารที่ฉันชอบแล้วกัน ไปกันเถอะค่ะ”
หม่าเสี่ยวชุ่ยเคยเล่าเรื่องร้านอาหารลับให้ฟังก่อนหน้านี้ และเธอได้ยินมาว่ามันอร่อยมาก วันนี้เธอจึงตั้งใจจะพาเฟิงเยี่ยหานไปลองชิมดู
ทันทีที่ทั้งสองมาถึง ถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานก็นั่งลงที่โต๊ะว่าง ก่อนจะเริ่มสั่งอาหาร แต่ถังเซวี่ยไม่ได้สั่งอาหารตามใจ เธอหันไปถามความเห็นของเฟิงเยี่ยหานด้วย
“ค่ะ งั้นสั่งเท่านี้ก่อน ไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มอีกเนอะ”
“ครับ”