การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 413 ติดตาม
บทที่ 413 ติดตาม
บทที่ 413 ติดตาม
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอยู่ในลานบ้านหลังเล็กของพวกเขาทั้งวัน จากนั้นโม่เจ๋อหยวนกลับมาส่งถังซวงหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว
นับตั้งแต่เกอชิงเหม่ยไปที่หมู่บ้านเถาฮวา ถังซวง ถังเซวี่ย และถังชุนหยานมักแวะเวียนไปเยี่ยมหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นเสมอ แต่เพราะถังเซวี่ยและถังชุนหยานยังต้องไปโรงเรียน จึงเป็นถังซวงที่มีเวลามากกว่า เมื่อเธอว่างเธอจะไปที่นั่นพร้อมกับโม่เจ๋อหยวนเสมอ
หลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นมีความสุขมากที่ได้เจอทั้งสองคน และขอให้พวกเขาอยู่ทานมื้อเย็นด้วยเสมอ
นอกจากถังซวงและโม่เจ๋อหยวนแล้ว ผู้เฒ่าโม่ก็ยังมาเยี่ยมเยียนสหายเก่าบ้างเป็นครั้งคราวด้วย
“จงอี้ นายไปเยี่ยมฉันได้ทุกเวลา ยังไงเราทุกคนก็อยู่ในเมืองหลวงอยู่แล้ว พบกันได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เพื่อนเก่าอย่างพวกเรากลับมากินดื่มด้วยกันอีกครั้งคงดีไม่น้อยใช่ไหม?”
หลี่จงอี้หัวเราะออกมา ก่อนจะตอบกลับว่า “ได้ ๆ งั้นคราวหน้าเราต้องเรียกผู้เฒ่าหลิวกับผู้เฒ่าอู๋มาร่วมวงด้วยแล้วล่ะ”
ทันทีที่กล่าวถึงเพื่อนเก่าสองสามคน หลี่จงอี้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงผู้เฒ่าฉิน
“แล้วผู้เฒ่าฉินนั่นยังไม่ยอมออกจากบ้านอีกหรือ?”
ผู้เฒ่าโม่พยักหน้ารับอย่างจนปัญญาแล้วตอบกลับ “ใช่ เจ้านั่นยังไม่ยอมออกไปไหนเลย ขลุกอยู่ในบ้านตลอดเวลา อีกทั้งครอบครัวฉินก็แยกย้ายกันไป ตาเฒ่านั่นคงยิ่งเหงา เฮ้อ… สถานการณ์ครอบครัวนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“งั้นพวกเราหาโอกาสไปพบเขาดีกว่า”
“อื้ม”
ทั้งสองวางแผนกันว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะไปเยี่ยมผู้เฒ่าฉินด้วยกัน
เห็นว่าผู้เฒ่าโม่และหลี่จงอี้กำลังพูดคุยกัน ถังซวงจึงไปช่วยงานในครัวแทน
ซูเหนียนอวิ๋นเห็นถังซวง ก็พูดขึ้น “ซวงเอ๋อร์ เธอกับเจ๋อหยวนไม่ต้องมาที่นี่ทุกวันก็ได้จ้ะ ฉันกับจงอี้ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย อีกอย่างพวกเธอต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย รีบไปจัดการธุระของตัวเองดีกว่านะจ๊ะ ไม่ต้องห่วงคนแก่อย่างพวกเราหรอก”
ถังซวงยกยิ้ม “คุณย่าซูคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พวกเราอ่านหนังสือทุกวันอยู่แล้ว”
ซูเหนียนอวิ๋นโล่งอกหลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว
“จ้ะ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็ไม่เป็นไร ฉันแค่กังวลที่ทั้งสองคนมาเยี่ยมคนแก่แบบนี้จะทำพวกเธออ่านหนังสือได้ช้าลง ยังไงซะการอ่านหนังสือสำคัญที่สุดนะ”
“ค่ะคุณย่า หนูเข้าใจแล้ว”
ถังซวงตอบกลับ ก่อนจะลงมือช่วยเหลืองานครัวต่อ
หลังอาหารเย็น ผู้เฒ่าโม่และโม่เจ๋อหยวนกลับบ้านไป ส่วนถังซวงก็กลับบ้านตระกูลจิง และไปหาถังเซวี่ยและถังชุนหยาน “พวกเธอสองคนทำอะไรอยู่หรือ?”
ตอนนี้ถังเซวี่ยกำลังพูดคุยกับถังชุนหยาน และเห็นว่าถังซวงกลับมาแล้ว เด็กสาวก็ยกยิ้ม “พี่คะ มาได้เวลาพอดีเลย ฉันจะเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้ฟัง”
“หืม… มีอะไรหรือ?”
ถังซวงเห็นใบหน้ามีความสุขของถังเซวี่ยจึงถามออกมาอย่างอดไม่ได้
“พี่คะ เหมือนวันนี้ตู้จ้งเหลียนจะโดนซ้อมมาค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า… ฉันเห็นหน้าเขาช้ำ จมูกเป็นสีม่วง ใบหน้าบวมเป่งเลย สมควรแล้ว ใครกันที่ใช้ให้เขาทำตัวน่ารำคาญอย่างนั้น”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้า “ดีที่เธอมีความสุข ถ้าเธอไม่ชอบเขาจริง ๆ ก็บอกกับเขาไปตามตรงเลย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เขาคงไม่มายุ่งกับฉันแล้วแหละ อีกอย่างเขาโดนซ้อมซะขนาดนั้น คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าจะหายดี ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ถังซวงเห็นถังเซวี่ยหัวเราะลั่นอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพร้อมยกยิ้มมุมปาก
แต่ถังชุนหยานยังคงกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “แต่ตู้จ้งเหลียนนี่ไร้ยางอายชะมัด ถ้าคราวหน้าเขากล้ามากวนเธออีก ฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้เอง หึ… คงจะไม่เข้าใจภาษามนุษย์สินะ ถึงได้ตามตอแยไม่จบสิ้น”
แต่ทว่าสีหน้าของถังซวงกลับกลายเป็นเคร่งขรึม เธอหันมองถังชุนหยานและถังเซวี่ย “เกิดอะไรขึ้น? ตู้จ้งเหลียนมากวนพวกเธออีกแล้วหรือ?”
ก่อนที่ถังเซวี่ยจะทันได้พูดอะไร ถังชุนหยานกล่าวแทรกขึ้นก่อน
“วันนี้ตู้จ้งเหลียนมารับเสี่ยวเซวี่ยที่โรงเรียน เพราะเขารู้ว่าเสี่ยวเซวี่ยมักกลับบ้านคนเดียว แต่เสี่ยวเซวี่ยปฏิเสธ แต่เขาก็ยังคงไม่เข้าใจภาษาของมนุษย์และคอยตามตื๊อเธอไม่หยุด และคราวนี้เสี่ยวเซวี่ยของพวกเราสลัดเขาหลุด ส่วนตู้จ้งเหลียนก็ไปโดนซ้อม ฮ่าฮ่า… หน้าเขาไม่เหลือเค้าโครงเดิม ฉันคิดว่าเขาคงจะเข็ดแล้วแหละ”
สีหน้าของถังซวงบิดเบี้ยวอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะหันมองถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย ทำไมไม่บอกฉันล่ะว่าตู้จ้งเหลียนมาตามตื๊อเธอแบบนี้”
ถังเซวี่ยเห็นว่าพี่สาวเริ่มขุ่นเคืองจึงรีบอธิบาย “พี่คะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะบอกนะ เมื่อวานที่ตู้จ้งเหลียนมาหาฉันที่โรงเรียน ฉันก็พูดกับเขาชัดเจนแล้ว เลยไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ต้องบอกพี่ แต่ว่าใครจะรู้ล่ะคะว่าวันนี้เขาจะโผล่มาอีก แล้วก็ถูกใครไม่รู้ซ้อมจนหน้าบวมเลยค่ะ”
ถังซวงตอบกลับตามตรงเมื่อได้ยินถังเซวี่ยอธิบาย “เสี่ยวเซวี่ย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอควรบอกฉันก่อน”
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
ถังเซวี่ยก้มหน้ารับความผิดของตัวเองเสียงเบา
ถังซวงนึกถึงเรื่องที่ตู้จ้งเหลียนถูกซ้อมบนถนน ก็เริ่มกังวลถึงความปลอดภัยของน้องสาว “เสี่ยวเซวี่ย ต่อจากนี้ฉันจะไปรับไปส่งเธอตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป” ก่อนจะหันมองถังชุนหยานแล้วพูดต่อ “ชุนหยาน ฉันก็จะไปส่งเธอด้วย”
ถังชุนหยานโบกมืออย่างรวดเร็วก่อนจะกล่าวปฏิเสธ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่มีใครมาสร้างปัญหาให้ฉันสักหน่อย”
แต่ถังซวงพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด “ลืมเรื่องเซิงเสี่ยวเฟยไปแล้วหรือ? หล่อนเพิ่งสร้างปัญหาให้เธอเองนะ”
ถังชุนหยานถึงกับพูดไม่ออก ใบหน้าของเธอแดงเรื่อขึ้นมาก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พี่สาวซวง… จริง ๆ แล้วตู้จ้งเหว่ยมาส่งฉันทุกวัน พี่ไม่ต้องกังวลหรอก”
“อ้อ… เป็นอย่างนี้นี่เองพี่ชุนหยานถึงไม่อยากให้พี่ไปส่ง ทำไมไม่เห็นเล่าให้พวกเราฟังเลยล่ะ”
ถังชุนหยานรู้สึกอายเล็กน้อย “ฉัน… ก็อายเป็นไหม”
ถังซวงไม่คิดว่าตู้จ้งเหว่ยจะไปรับไปส่งชุนหยานเป็นประจำ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงพยักหน้ารับ “อย่างนั้นก็ดีแล้ว ถ้าตู้จ้งเหว่ยไปรับเธอ งั้นฉันจะไปรับเสี่ยวเซวี่ยเอง”
ถังเซวี่ยอยากจะปฏิเสธ เพราะคิดว่าตัวเองสามารถกลับบ้านคนเดียวได้ แต่เมื่อเห็นความเด็ดขาดของพี่สาว เธอก็กลืนถ้อยคำทั้งหมดลงไปและยอมรับแต่โดยดี
วันรุ่งขึ้น ถังซวงออกไปส่งถังเซวี่ยที่โรงเรียน
สองพี่น้องเดินไปตามถนน และไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่คะ ตู้จ้งเหลียนไม่มาแล้วแหละ พี่ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันไปกลับเองได้นะ”
“เงียบก่อน…”
ถังซวงเดินข้างถังเซวี่ยอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อเดินไปถึงมุมหนึ่ง เธอบอกให้ถังเซวี่ยเงียบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะนั้นเองร่างของถังซวงพุ่งไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“พี่…”
ถังเซวี่ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นถังซวงทำอย่างนั้น เธอจึงเข้าใจว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ไม่นานบุคคลที่ซ่อนอยู่ก็กระเด็นออกมา
แต่ก่อนที่จะลงมือ ถังซวงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผู้หญิงตรงหน้าไม่เคยเป็นศัตรูกับเธอมาก่อน และอีกฝ่ายก็ไม่คิดต่อสู้ด้วย อีกทั้งยังไม่ขัดขืน ถังซวงหยุดการเคลื่อนไหวพร้อมขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “เธอเป็นใคร? เดินตามเราทำไม?”