การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 414 ให้เสี่ยวเซวี่ยตัดสินใจ
บทที่ 414 ให้เสี่ยวเซวี่ยตัดสินใจ
บทที่ 414 ให้เสี่ยวเซวี่ยตัดสินใจ
หญิงสาวที่แต่งตัวในชุดรัดกุมกล่าวอย่างเคารพว่า “ฉันชื่อเฟิงอีค่ะ เป็นคนคุ้มกันที่ถูกส่งมาปกป้องคุณถังเซวี่ย”
“เฟิงอี? เป็นเฟิงเยี่ยหานบอกให้เธอมาที่นี่หรือ?”
“ใช่ค่ะ”
เฟิงอีทราบดีว่าผู้หญิงตรงหน้าของเธอคือถังซวง เป็นพี่สาวของถังเซวี่ย และแน่นอนอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตน เธอจึงไม่กล้าที่จะโต้แย้งใด ๆ อีกทั้งก่อนที่เธอจะมาที่นี่ เธอได้รับคำสั่งว่าให้ปฏิบัติตัวอย่างดีต่อคุณถังเซวี่ยและครอบครัว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละเลยได้
ถังซวงมองเฟิงอีอีกครั้งก่อนจะถามว่า “เริ่มตามเสี่ยวเซวี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนค่ะ ครั้งที่นายท่านมาที่เมืองหลวง”
ถังซวงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน”
“รายงานคุณถังซวง เพราะฉันไม่ได้เข้าใกล้เธอมากเกินไปค่ะ แค่ช่วงเวลาที่คุณถังเซวี่ยกลับบ้านเท่านั้น ฉันจะติดตามเธอจากที่ไกล ๆ และวันนี้ฉันเห็นว่าคุณสองคนออกมาด้วยกัน จึงถูกคุณพบ”
ถังเซวี่ยก้าวไปอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เฟิงเยี่ยหานบอกให้คุณมาที่นี่หรือ ทำไมเขาไม่เห็นบอกฉันนะ… แล้วที่ตู้จ้งเหลียนถูกจัดการจนหน้าบวมเป็นฝีมือคุณด้วยใช่ไหม?” ถังเซวี่ยไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย แต่ทันทีที่เห็นเฟิงอี เธอก็นึกได้ขึ้นมา
เฟิงอีไม่ปฏิเสธ แล้วยังตอบกลับตามตรงว่า “ค่ะ ฉันจัดการตู้จ้งเหลียนเพราะเขามาสร้างความรำคาญให้กับคุณถังเซวี่ย”
“อ้อ เป็นคุณจริง ๆ ด้วย ถึงว่าล่ะไม่มีใครรู้”
“คุณถังเซวี่ยไม่ต้องกังวลนะคะ จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ค่ะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “อย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ”
ถังซวงหันมองเฟิงอีก่อนจะพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเซวี่ยไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องจากเธอ กลับไปได้แล้ว”
เฟิงอีรีบคุกเข่าลง “คุณถังซวงคะ ฉันทิ้งคุณถังเซวี่ยไม่ได้แม้แต่ครึ่งก้าว ไม่อย่างนั้นฉันตายแน่ค่ะ” ตอนนี้เธอเป็นคนของถังเซวี่ยแล้ว และเธอไม่ต้องการกลับไปที่ตระกูลเฟิงอีก
เห็นเฟิงอีเป็นถึงขนาดนี้ ถังซวงก็สัมผัสได้ถึงความจริงในน้ำเสียงของเธอ
แต่ถังเซวี่ยหันมองเฟิงอีด้วยความตกใจ “อย่าพูดว่าตัวเองจะตายสิ”
“คุณถังเซวี่ย เฟิงอีคนนี้จะเป็นผู้รับใช้ของคุณนับจากวันนี้ไป และฉันจะปกป้องคุณด้วยชีวิตของฉันค่ะ”
เวลานี้ถังเซวี่ยไม่รู้จะทำยังไงดี เธอหันมองถังซวงโดยไม่รู้ตัว
ส่วนถังซวงมองนาฬิกา “เสี่ยวเซวี่ย ไปโรงเรียนก่อนเถอะ จะสายแล้ว”
“อื้ม ไปโรงเรียนกันก่อนเถอะค่ะ”
เธอลืมไปเลยว่าตนเองต้องไปโรงเรียน
ถังซวงเลิกสนใจเฟิงอี ก่อนจะพาถังเซวี่ยไปโรงเรียน
เฟิงอีลุกยืนขึ้นก่อนจะหลบซ่อนตัวในความมืดอีกครั้ง
หลังจากถังซวงมาส่งถังเซวี่ย เธอรีบโบกมือเพื่อส่งให้ถังเซวี่ยเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว “รีบเข้าไปเรียนได้แล้ว แล้วฉันจะมารับหลังเลิกเรียนนะ”
“พี่ไม่ต้องมารับฉันหรอก ฉันกลับบ้านเองได้ ตู้จ้งเหลียนไม่มากวนฉันอีกแล้วล่ะ คงไม่มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นหรอก”
ถังซวงไม่ได้ตอบกลับ แต่เธอบอกให้ถังเซวี่ยรีบเข้าไปในโรงเรียนก่อน
“อื้ม งั้นฉันกลับก่อนนะ เธอก็รีบเข้าไปเรียนได้แล้ว”
เมื่อถังซวงกลับมาถึงบ้านตระกูลจิง เธอเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนมารออยู่แล้ว
“ซวงเอ๋อร์ ฉันได้ยินว่าเธอออกไปส่งเสี่ยวเซวี่ยที่โรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
ถังซวงเล่าเรื่องตู้จ้งเหลียนและเรื่องที่เฟิงเยี่ยหานส่งคนมาปกป้องถังเซวี่ยให้เขาฟัง “คนคุ้มกันที่ชื่อเฟิงอีฝีมือไม่ธรรมดา แม้ว่าเธอจะไม่ตอบโต้กลับ แต่ฉันก็จัดการเธอได้ไม่ง่าย ถ้าฉันต้องการจะเอาชนะเธอจริง ๆ คงจะต้องออกแรงมากเป็นพิเศษเลยล่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นโม่เจ๋อหยวนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “เฟิงเยี่ยหานส่งคนที่เก่งกาจขนาดนั้นมาเชียว”
เขาสังเกตเห็นว่าถังซวงไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ซวงเอ๋อร์ มันดีแล้วไม่ใช่หรือที่มีคนมาคอยปกป้องเสี่ยวเซวี่ย ทำไมเธอถึงดูเครียดจังล่ะ?”
“ฉันไม่ไว้ใจเฟิงอีคนนั้นเท่าไหร่ ไม่แน่ใจว่าการให้หล่อนติดตามเสี่ยวเซวี่ยตลอดเวลาจะดีไหม อีกอย่างถ้าเราต้องการหาคนคุ้มกันให้เสี่ยวเซวี่ย พวกเราหาเองก็ได้ เฟิงเยี่ยหานไม่ควรมายุ่งเรื่องนี้”
โม่เจ๋อหยวนยิ่งหัวเราะออกมา “ซวงเอ๋อร์ เธอไม่ได้ไม่เชื่อใจเฟิงอีหรอก แต่ไม่เชื่อใจเฟิงเยี่ยหานต่างหาก”
“ใช่ ฉันไม่เชื่อใจเขา เฟิงเยี่ยหานมักสร้างปัญหาให้กับเสี่ยวเซวี่ยเสมอ”
โม่เจ๋อหยวนมองถังซวงก่อนจะพูดต่อว่า “ซวงเอ๋อร์ เพราะเธอเห็นเฟิงเยี่ยหานมีปัญหารุมล้อม เธอเลยไม่เปิดใจยอมรับ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเฟิงเยี่ยหานจริงใจกับเสี่ยวเซวี่ยมากเลยนะ และทำได้ดีด้วย เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเสี่ยวเซวี่ยมาแล้ว ลองเชื่อใจเขาสักครั้งก็ไม่ผิดหรอก”
ถังซวงเหลือบมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะเอ่ยปากถาม “พี่รู้ได้ยังไงว่าเฟิงเยี่ยหานยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเสี่ยวเซวี่ย?”
เธอรู้ว่าเฟิงเยี่ยหานห่วงใยเสี่ยวเซวี่ยมาก แต่การยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงเป็นสิ่งที่เธอมองไม่เห็น
“ครั้งก่อนที่เฟิงเยี่ยหานมาที่เมืองหลวงเขาบาดเจ็บสาหัส แต่กลับซ่อนมันไว้ไม่ให้ใครเห็น หลังจากนั้นเขาก็ออกตามหาเสี่ยวเซวี่ยกับเธอ หลังจากเห็นเสี่ยวเซวี่ยปลอดภัยด้วยตาตนเอง เขายังไม่หยุด ยังสืบหาความจริงต่อ ก่อนมุ่งหน้ากลับไปที่เมืองไห่เฉิงเพื่อจัดการเฟิงเยี่ยหยง”
โม่เจ๋อหยวนยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอกนะ แต่เพื่อนของฉันในเมืองไห่เฉิงได้ยินเรื่องราวของตระกูลเฟิงมา มีข่าวลือมาว่าการจัดการกับเฟิงเยี่ยหยงคราวนั้นทำให้เฟิงเยี่ยหานเกือบตาย เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส”
ถังซวงไม่พูดอะไร โม่เจ๋อหยวนจึงยกยิ้มพร้อมกล่าวโน้มน้าว “ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากให้เสี่ยวเซวี่ยเจอเรื่องอันตรายอีก แต่ตอนนี้เฟิงเยี่ยหานเป็นผู้นำตระกูลเฟิงแล้ว และศัตรูของตระกูลถูกเขาจัดการทั้งหมด มันจะไม่มีปัญหาอะไรอีก ส่วนเรื่องที่เสี่ยวเซวี่ยจะเป็นเพื่อนกับเขา ควรให้เสี่ยวเซวี่ยตัดสินใจเอาเองว่าเธอจะยอมรับเฟิงเยี่ยหานไหม มันคงไม่ดีหรอกถ้าเธอจะไปตัดสินใจแทนน้องสาว”
ถังซวงถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “อืม อย่างนั้นฉันจะถามเสี่ยวเซวี่ยเรื่องนี้อีกที”
“ครับ”
โม่เจ๋อหยวนยกยิ้มก่อนจะจูงมือถังซวงให้นั่งลงและพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ อย่าคิดมากเลย มาอ่านหนังสือกันเถอะ เดือนหน้าการสอบจะเริ่มแล้ว เราต้องพยายามให้มากขึ้น”
“อืม อ่านหนังสือกันค่ะ”
ถังซวงเริ่มอ่านหนังสืออย่างจริงจังและไม่คิดเรื่องอื่นอีกต่อไป เวลานี้ถังเซวี่ยกลับจากโรงเรียนแล้ว เธอจึงหันไปพูดคุยกับถังเซวี่ยโดยตรง
“เสี่ยวเซวี่ย เธอคิดยังไงกับเฟิงเยี่ยหาน?”
ถังเซวี่ยได้ยินพี่สาวถามอย่างนั้น ก็รีบตอบโดยไม่รู้ตัว “ความจริง… เฟิงเยี่ยหานก็ดีนะคะ เขาช่วยเหลือฉันไว้มากเลยล่ะค่ะ”
“แล้วเธออยากเก็บเฟิงอีไว้ไหม?”