การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 415 เป็นห่วง
บทที่ 415 เป็นห่วง
บทที่ 415 เป็นห่วง
ได้ยินคำพูดของถังซวง ถังเซวี่ยลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “พี่คะ เรื่องนี้ฉันว่าจะคุยกับเฟิงเยี่ยหานและเฟิงอีก่อนค่ะ ถึงค่อยตัดสินใจ”
ถังซวงพยักหน้า และตอบกลับว่า “อื้ม เธอตัดสินใจเองเถอะ”
ถังเซวี่ยหันมองถังซวงอย่างลำบากใจ ปากก็เอ่ยถามว่า “พี่คะ พี่ผิดหวังในตัวฉันไหม… พี่บอกให้ฉันอยู่ให้ห่างจากเฟิงเยี่ยหาน แต่… ฉันคิดว่าเขาเป็นคนดีจริง ๆ นะ”
ถังซวงได้ยินถังเซวี่ยพูดอย่างนั้น ก็ส่ายศีรษะก่อนจะพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเซวี่ย คิดมากไปแล้ว ฉันไม่เคยผิดหวังในตัวเธอเลย และสิ่งที่ฉันทำตอนนี้มันผิด เธอโตแล้ว ฉันไม่ควรจะตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ แทน และเธอควรตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้แล้ว”
ถังเซวี่ยเข้าไปกอดถังซวงเอาไว้แน่น
“พี่คะ ขอบคุณนะ ฉันไม่รู้เลยจะทำยังไงถ้าไม่มีพี่อยู่ด้วย”
ถังซวงลูบศีรษะของถังเซวี่ยพร้อมยกยิ้ม “เชื่อมั่นในตัวเอง แล้วเลือกในสิ่งที่เธอต้องการ ครอบครัวของเราจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับเธอเอง”
“ขอบคุณนะคะ”
หัวใจของถังเซวี่ยพองโต รู้สึกมีความสุขมากที่ตนเองมีครอบครัวที่ดีอย่างนี้ “พี่ไม่ต้องกังวลนะ ถึงฉันจะเลือกผิดก็ไม่เป็นไร สุดท้ายแล้วมันคือการเรียนรู้ บางทีทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันคือเรื่องที่ทุกคนต้องเผชิญอยู่แล้ว”
“ถูกแล้วจ้ะ”
ในที่สุด ถังซวงก็ตระหนักได้ว่าตนเองก็เคยผิดพลาดมาก่อนเช่นกัน และการปกป้องถังเซวี่ยมากเกินไปจะไม่เพียงแต่ทำให้ถังเซวี่ยไม่เติบโต แต่ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ เวลานี้ควรให้ถังเซวี่ยเริ่มตัดสินใจและเลือกเส้นทางของชีวิตตัวเองได้แล้ว
หลังจากทั้งสองพี่น้องพูดคุยกันเสร็จแล้ว พวกเขาก็ผ่อนคลายจิตใจลงได้
เวลานี้ถังเซวี่ยเลยหาโอกาสถามเฟิงอีถึงช่องทางการติดต่อเฟิงเยี่ยหาน
หลังจากเฟิงเยี่ยหานรับสายถังเซวี่ย เขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างถึงขีดสุด [เสี่ยวเซวี่ย…]
ถังเซวี่ยได้ยินเสียงของเฟิงเยี่ยหาน ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไปว่า “เฟิงเยี่ยหาน คุณส่งคนมาคุ้มกันฉันหรือ?”
เฟิงเยี่ยหานรู้ว่าเฟิงอีถูกจับได้ เขาจึงไม่มีอะไรต้องปิดบัง [ใช่ครับ แต่เพราะผมกลัวว่าคุณจะไปเจอกับเรื่องอันตราย เลยส่งเฟิงอีให้คอยติดตามคุณอย่างลับ ๆ น่ะ แต่ไม่คิดเลยว่าพี่สาวของคุณจะพบเธอไวขนาดนี้]
เฟิงอีเป็นคนคุ้มกันมือดีที่สุดของตระกูลเฟิง แต่ถังซวงก็ยังตรวจพบเธอ ถังซวงไม่ธรรมดาจริง ๆ
ได้ยินเฟิงเยี่ยหานกล่าวชื่นชมพี่สาวของตน ถังเซวี่ยยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “ใช่ พี่สาวของฉันเก่งมาก เธอฝึกหนักทุกวัน อีกอย่างช่วงนี้ฉันก็เริ่มฝึกกังฟูเหมือนกัน เพราะอยากจะเก่งแบบพี่สาวในสักวัน”
เมื่อได้ยินว่าถังเซวี่ยเริ่มฝึกฝน สิ่งแรกที่เฟิงเยี่ยหานนึกถึงคือการฝึกต่อสู้อย่างหนัก
[เสี่ยวเซวี่ย ดีแล้วแหละครับที่คุณฝึกกังฟู แต่คุณอย่าหักโหมจนบาดเจ็บล่ะ]
“ไม่ต้องห่วง ฉันดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว”
หลังได้ยินอย่างนั้น ถังเซวี่ยดันนึกถึงความตั้งใจเดิมที่โทรไปหาเฟิงเยี่ยหานในครั้งนี้ “เฟิงเยี่ยหาน ฉันได้ยินเฟิงอีบอกว่าเธอต้องติดตามฉันไปตลอดไม่อย่างนั้นเธอตายแน่ มันเป็นเรื่องจริงหรือคะ? ถึงฉันจะปล่อยให้เธอกลับไป เธอก็ทำไม่ได้หรือ?”
เฟิงเยี่ยหานเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ [เฟิงอีพูดความจริง หน้าที่ของเธอคือการปกป้องคุณ มีแต่ความตายเท่านั้นเธอจึงจะหลุดพ้นจากหน้าที่นี้]
“นี่… นี่มันกฎบ้าอะไรกัน ก็แค่คุณบอกให้เฟิงอีกลับไปก็พอไม่ใช่หรือ?”
เฟิงเยี่ยหานส่ายศีรษะ [ไม่ได้ ผมไม่ให้เธอกลับ เพราะเฟิงอีเซ็นสัญญาไว้ก่อนจะเดินทางแล้ว เธอจะต้องปกป้องคุณไปตลอด ทุกคนมีเป้าหมายของตัวเอง และกฎนี้ไม่สามารถทำลายได้…]
ในตอนท้าย เสียงของเฟิงเยี่ยหานเบาลง [ผมเป็นห่วงคุณ]
ถังเซวี่ยสัมผัสได้ถึงความสั่นเครือในน้ำเสียง
“คุณ…”
เห็นถังเซวี่ยไม่ตอบอะไร ส่วนเฟิงเยี่ยหานเพียงยกยิ้มก่อนพูดหน้าตาย [เสี่ยวเซวี่ย ผมรู้ว่าคุณติดต่อมาเพราะอะไร แต่เฟิงอีจะเป็นคนของคุณนับจากวันนี้ไป เธอจะไม่ฟังคำสั่งของผมอีก ทำความคุ้นเคยกับเธอไว้เถอะนะครับ]
เฟิงเยี่ยหานกลัวว่าถังเซวี่ยจะพูดปฏิเสธ เขาจึงรีบวางสายในทันที
หลังจากนั่งคิดถึงเรื่องที่ตนเองทำ เฟิงเยี่ยหานดูจะหงุดหงิดเล็กน้อย มันเป็นเพราะเขาคิดถึงถังเซวี่ยตลอดเวลา และมันอาจเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตที่ได้รับสายจากถังเซวี่ย แต่เขากลับต้องวางสายไปดื้อ ๆ แบบนี้ โธ่เว้ย!!
ถังเซวี่ยที่อยู่ปลายสายได้ยินเสียงกริ๊กจากอีกฝั่ง ก่อนจะวางโทรศัพท์ลง
ตอนนี้เธอตัดสินใจแล้ว…
“เฟิงอี…”
สิ้นเสียงเรียก เฟิงอีปรากฏตัวขึ้นทันที
“หลังจากนี้คุณจะต้องติดตามฉัน”
เฟิงอีได้ยินอย่างนั้นเพียงกล่าวอย่างนอบน้อม “ค่ะ คุณถังเซวี่ย”
แม้ไม่ได้ปรากฏตัวต่อโลกภายนอก แต่เฟิงอีก็รู้สึกดีมากที่ถังเซวี่ยยอมรับ
“ทำหน้าที่ของตัวเองเถอะ”
หลังจากถังเซวี่ยเห็นว่าเฟิงอีหายไปแล้ว เธอตรงไปหาถังซวง
“พี่คะ ฉันตัดสินใจแล้วค่ะว่าจะให้เฟิงอีอยู่กับฉัน”
ถังซวงไม่ค่อยแปลกใจเมื่อได้ยินแบบนี้ “อืม ให้เฟิงอีปกป้องเธอนั่นแหละดีแล้ว หล่อนแข็งแกร่ง ถ้ามีคนช่วยปกป้องเธอเพิ่มอีกคนก็ดีเหมือนกัน” และถังซวงถามอย่างอดไม่ได้ “ติดต่อกับเฟิงเยี่ยหานหรือยัง?”
“ค่ะ ฉันคุยกับเขาแล้ว”
เสี่ยวเซวี่ยรู้สึกเขินอาย และเธอไม่ได้บอกเรื่องที่เฟิงเยี่ยหานพูดว่า ‘ผมเป็นห่วงคุณ’ ให้พี่สาวฟัง “เฟิงเยี่ยหานบอกว่าถ้าเฟิงอีตัดสินใจแล้ว เธอจะทำตามเป้าหมาย และไม่สามารถกลับไปที่เมืองไห่เฉิงได้อีกแล้วค่ะ”
“งั้นให้เธออยู่ต่อเถอะ”
แต่ไม่ว่ายังไง ถังซวงก็ยังไม่ผ่อนคลายมากนัก เธอคงต้องให้ความสนใจกับถังเซวี่ยเหมือนเดิม จะไม่ปล่อยให้น้องสาวคนนี้ต้องเจอเรื่องอันตรายอีก
หลังจากทั้งสองพี่น้องคุยกันเสร็จแล้ว เรื่องนี้ยังวนอยู่ในหัวของถังซวง ก่อนเธอจะเดินไปที่ห้องทำงานของจิงเจ้อหรง
“พ่อคะ หนูมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ”
หลังจากนั้น เธอก็เล่าเรื่องที่เฟิงเยี่ยหานส่งเฟิงอีมาคอยปกป้องถังเซวี่ย และไม่ลืมเล่าเรื่องที่ตู้จ้งเหลียนมาตอแยถังเซวี่ยด้วย
“อะไรกัน… เกิดเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”
จิงเจ้อหรงไม่คิดมาก่อนว่าเฟิงเยี่ยหานจะส่งคนมาปกป้องเสี่ยวเซวี่ยอย่างลับ ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดคือลูกชายคนเล็กของตู้หรงหมิงกล้าที่จะมากวนเสี่ยวเซวี่ย
“พ่อจะไปคุยกับตู้หรงหมิงเอง นี่เขาเลี้ยงลูกชายยังไงกัน… อีกอย่าง เราไม่ต้องการให้คนของเฟิงเยี่ยหานมาคอยปกป้องเสี่ยวเซวี่ย เขาไม่จำเป็นต้องเสนอหน้าเข้ามาด้วยซ้ำ”
แต่ถังซวงเล่าเรื่องที่ถังเซวี่ยตัดสินใจแล้วให้อีกฝ่ายฟัง “พ่อคะ เสี่ยวเซวี่ยตัดสินใจแล้ว ตอนนี้เธอโตแล้วเราไม่ควรเข้าไปยุ่งนะคะ”
“เสี่ยวเซวี่ยตัดสินใจเก็บหล่อนเอาไว้หรือ…”
จิงเจ้อหรงตำหนิตัวเองเล็กน้อย “เพราะพ่อไม่ใส่ใจพวกลูกมากพอ พ่อน่าจะให้คนมาปกป้องเสี่ยวเซวี่ยตั้งนานแล้วแท้ ๆ”
“พ่อคะ อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ ทุกคนล้วนยุ่งอยู่กับงาน แม่ก็ต้องการให้พ่อดูแล ถ้าจะโทษใครสักคนก็คงต้องโทษหนูค่ะ”
ทั้งพ่อและลูกสาวต่างถอนหายใจ เพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น แต่ถังเซวี่ยตัดสินใจไปแล้ว พวกเขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง
“พ่อไปหาแม่เถอะ หนูก็จะกลับไปอ่านหนังสือแล้ว”