การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 418 เคลื่อนไหว
บทที่ 418 เคลื่อนไหว
บทที่ 418 เคลื่อนไหว
ตู้จ้งเหลียนไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกเตะออกไปพร้อมหล่นกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
เฟิงอีรีบรุดไปช่วยถังเซวี่ย และเห็นว่าเธอหมดสติไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยเป็นถึงขนาดนี้ แววตาของเธอเย็นชาอย่างมาก นี่คือคนที่เธอต้องใช้ชีวิตเพื่อปกป้อง แต่หล่อนกลับถูกตู้จ้งเหลียนทำร้าย ทันทีที่นึกคิดเช่นนี้ในหัวใจของเธอปลดปล่อยจิตสังหารรุนแรงออกมาทันที เธอจะฆ่าตู้จ้งเหลียนเสียให้ตาย
เวลานี้ตู้จ้งเหลียนค่อย ๆ พยุงร่างตัวเองขึ้นมา เขามองเฟิงอีด้วยใบหน้าหวาดกลัวก่อนจะพูดถามอย่างติดขัด “เธอ… เป็นใคร?”
“ฉัน… จะฆ่าแก”
เฟิงอีวางถังซวงลงก่อนจะเดินเข้าไปหาตู้จ้งเหลียน
ตู้จ้งเหลียนขยับถอยห่าง แววตาฉายชัดถึงความหวาดกลัว “แก… อย่าเข้ามานะ พ่อฉันเป็นผู้บังคับบัญชา เขาเชี่ยวชาญในการต่อสู้และจัดการกับอาชญากรรมทุกประเภท ถ้าแกกล้าทำร้ายฉัน ฉันจะเอาแกเข้าคุก”
“หึ… เขาไม่สนใจลูกชายที่ทำตัวแบบนี้หรอก”
น้ำเสียงของเฟิงอีเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว หลังจากจับกุมตู้จ้งเหลียนที่คิดจะหนีได้แล้ว เธอทั้งชกและเตะอย่างไร้ปรานี ทั้งใบหน้า จมูก คางของชายหนุ่มฟกช้ำดำเขียว “ไอ้สารเลว กล้าที่จะเอามือสกปรกมาแตะคุณถังเซวี่ย แกต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ”
“แก… ฉันจะ… ไม่ปล่อยแกไปแน่”
ตู้จ้งเหลียนนอนอยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง แม้แต่จะเอ่ยจบประโยคยังทำไม่ได้ เวลานี้เขาจับจ้องเฟิงอีด้วยความโกรธแค้นและพยายามจดจำรูปลักษณ์ของเธอ
แต่เฟิงอีเตะซ้ำที่เอวของตู้จ้งเหลียนอีกที ก่อนจะรีบเดินไปหาถังเซวี่ย
สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือการพาถังเซวี่ยไปส่งที่โรงพยาบาล ไม่รู้เลยว่าตู้จ้งเหลียนใช้ยาไปมากเท่าไหร่ และมันจะส่งผลกระทบอะไรกับร่างกายของถังเซวี่ยหรือไม่
เฟิงอีไม่รอช้า เธออุ้มถังเซวี่ยขึ้นแล้วพุ่งออกไปด้านนอกทันที
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เธอติดต่อเฟิงเยี่ยหานเป็นคนแรก แต่คนรับสายกลับเป็นเฟิงอู่
“นายท่านไปเมืองหลวง”
“อะไรนะ…”
เฟิงอียิ่งประหลาดใจ แต่เธอก็คืนสติอย่างรวดเร็วแล้วตอบกลับ “อืม เข้าใจแล้ว งั้นฉันจะโทรเข้าบ้านที่เมืองหลวง”
หลังจากวางสาย เฟิงอีโทรไปที่บ้านในเมืองหลวงของเฟิงเยี่ยหาน คราวนี้เป็นเฟิงเยี่ยหานรับสาย
“ดูเหมือนเธอจะโทรเข้าได้ตรงเวลาจริง ๆ ฉันกำลังจะโทรไปถามว่าตู้จ้งเหลียนมายุ่งวุ่นวายกับเสี่ยวเซวี่ยอีกไหมพอดี”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิงอีรีบเล่าสถานการณ์ทั้งหมดก่อนจะพูดขึ้นว่า “นายท่าน คุณถังเซวี่ยอยู่ที่โรงพยาบาลประจำเมืองหลวง ตอนนี้เธอยังไม่ฟื้นเลยค่ะ”
สีหน้าของเฟิงเยี่ยหานเปลี่ยนไปทันที ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ความเย็นยะเยือกปรากฏผ่านสายตา “ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ เธอรีบบอกเรื่องนี้กับถังซวงให้เร็วที่สุด”
“ค่ะนายท่าน”
หลังจากเฟิงอีวางสาย เธอติดต่อตระกูลจิง และขอสายถังซวง
ถังซวงเองก็สงสัยว่าใครกันจะโทรหาตน แต่หลังได้ฟังเรื่องราวจากเฟิงอีแล้ว ใบหน้าของเธอฉายแววเย็นชาจนน่าขนลุก
“หึ… เป็นตู้จ้งเหลียนสินะ ตระกูลตู้! เธอดูแลเสี่ยวเซวี่ยให้ดี ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อเห็นว่าถังซวงวางสายแล้ว โม่เจ๋อหยวนรีบถามอย่างกังวล “ซวงเอ๋อร์ มีอะไรรึเปล่าทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?”
“เสี่ยวเซวี่ยถูกทำร้าย เราไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะค่ะ”
ใบหน้าของโม่เจ๋อหยวนมืดมนทันทีหลังได้ยิน
“ไปกัน เรื่องอื่นไว้คุยทีหลัง”
อีกด้านหนึ่ง เฟิงเยี่ยหานก็ไปที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกัน เขาหันมองถังเซวี่ยที่ยังไม่ตื่นก่อนจะหันมองเฟิงอีด้วยความโกรธจัด พร้อมตะคอกดังลั่น “ฉันบอกให้เธอปกป้องเสี่ยวเซวี่ยให้ดี นี่น่ะหรือวิธีที่เธอปกป้อง?”
“ฉันผิดไปแล้วค่ะที่ละเลยหน้าที่”
เฟิงอีคุกเข่าลงพร้อมกล่าวยอมรับผิด เธอรู้ดีว่าคราวนี้เธอล้มเหลวในการปกป้องถังเซวี่ย
“ฉันจะจัดการกับเธอทีหลัง ไปเรียกหมอมาเดี๋ยวนี้”
เมื่อเห็นว่าห้องนี้ไม่มีหมอมาดูแล ใบหน้าของเฟิงเยี่ยหานยิ่งบิดเบี้ยว
“นายท่าน หมอมาดูอาการแล้วค่ะ และบอกว่าเธอถูกวางยา เดี๋ยวพอยาหมดฤทธิ์คุณถังเซวี่ยก็จะตื่นขึ้นเองค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิงเยี่ยหานหันมองเฟิงอีอย่างเย็นชา “แล้วเธอ… จะให้เสี่ยวเซวี่ยหมดสติอยู่อย่างนี้หรือ”
ได้ยินเสียงเยือกเย็นของเฟิงเยี่ยหาน เฟิงอีสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว เธอรีบก้มศีรษะก่อนจะกล่าวรับคำ “ฉันจะรีบไปตามหมอมาทันทีค่ะ”
แต่ก่อนที่เฟิงอีจะออกไป ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็มาถึง
ถังซวงเห็นถังเซวี่ยนอนอยู่บนเตียง ก็เดินเข้าไปหาพร้อมตรวจสอบชีพจรของน้องสาวทันที
ส่วนโม่เจ๋อหยวนรู้สึกกังวลอย่างมาก
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ยเป็นยังไงบ้าง?”
หลังจากถังซวงเห็นว่าถังเซวี่ยแค่ถูกวางยาเท่านั้น เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ไม่โดนอะไรมาก “เสี่ยวเซวี่ยไม่เป็นไร แค่โดนวางยาเท่านั้น แต่ว่า…”
แม้เสี่ยวเซวี่ยจะไม่เป็นอะไร แต่เธอยังหงุดหงิดใจ เธอหันมองเฟิงอีด้วยใบหน้าเย็นชาก่อนจะกล่าวเสียงแข็งว่า “เฟิงอี เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟัง” เฟิงอีรีบลนลานทันทีเพราะเกรงว่าจะทำอะไรผิดไปอีก
“ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเองค่ะที่ไม่ได้ปกป้องคุณถังเซวี่ยให้เร็วกว่านี้”
เฟิงอีคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกล่าวตำหนิตนเอง ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดต่อไป
เฟิงเยี่ยหานเองก็รู้สึกผิดไม่แพ้กัน
“ผมขอโทษ ผมไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น เป็นเพราะเฟิงอีที่ไม่สามารถปกป้องเสี่ยวเซวี่ยได้ ผมจะลงโทษเธอแน่นอน แล้วจะหาคนอื่นมาปกป้องเสี่ยวเซวี่ยแทนหลังจากนี้ครับ”
ถังซวงเหลือบมองเฟิงเยี่ยหาน
แม้จะโกรธ แต่เธอก็รู้ดีว่าเฟิงอีไม่ผิด เพราะเรื่องนี้เสี่ยวเซวี่ยบอกเองว่าจะไปทานอาหารกับตู้จ้งเหลียน หากว่าไม่กินก็คงจะกลับออกมาไม่ได้ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าตู้จ้งเหลียนจะกล้ากระทำบุ่มบ่ามเช่นนี้
“พอแล้ว แค่รอให้เสี่ยวเซวี่ยตื่นก็พอ”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิงเยี่ยหานมองเฟิงอีและพูดขึ้นว่า “ไปตามหมอมา”
ถังซวงโบกมือก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้อง ฉันจัดการเอง” เธอหยิบเข็มสีทองออกมาแล้วเริ่มลงมือ
เฟิงเยี่ยหานไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่ยืนเงียบ ๆ
ส่วนเฟิงอีก็ถอยหลังออกมาทันที
หลังจากถังซวงฝังเข็มให้กับถังเซวี่ยแล้ว ถังเซวี่ยค่อย ๆ ตื่นขึ้น
“เสี่ยวเซวี่ย ตื่นแล้วหรือ”
ถังซวงดูผ่อนคลายเมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยตื่นแล้ว เธอเข้าไปช่วยพยุงถังเซวี่ยลุกนั่งอย่างระมัดระวัง
แต่ถังเซวี่ยยังมึนงงเล็กน้อย ใช้เวลาสักครู่พยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสัมผัสร่างกายของตนเองอย่างเป็นกังวล เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองทุกคนก่อนจะกล่าวอุทานอย่างประหลาดใจ “เฟิงเยี่ยหาน คุณอยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
เฟิงเยี่ยหานถอนหายใจอย่างโล่งอก พอได้ยินสิ่งที่เธอถาม เขาเพียงยกยิ้มก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “ผมได้รับโทรศัพท์หลังจากมาถึงเมืองหลวงน่ะ เฟิงอีบอกผมว่าเกิดเรื่องขึ้นกับคุณ ผมเลยรีบมาที่นี่”
“เฟิงอี ขอบคุณคุณมากนะคะ ไม่อย่างนั้นตู้จ้งเหลียนคงทำเรื่องชั่วช้าสำเร็จไปแล้ว”
ถังเซวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “ไม่คิดมาก่อนว่าตู้จ้งเหลียนจะกล้าใช้วิธีนี้กับฉัน เขาจะทำให้ฉันกลายเป็นของเขา เพื่อที่จะได้หลอมรวมเป็นทองแผ่นเดียวกับครอบครัวเรา เขาคิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน”
ถึงเฟิงเยี่ยหานจะรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขายังไม่สามารถเก็บกลั้นจิตสังหารเอาไว้ได้หลังได้ยินมันจากปากของถังเซวี่ย
“มันสมควรตาย”
คราวนี้ถังซวงเห็นด้วยกับเฟิงเยี่ยหานเช่นกัน
“ใช่ ตู้จ้งเหลียนสมควรตาย ฉันจะให้เขาชดใช้อย่างสาสม ให้เขารู้ซึ้งว่าห้ามมายุ่งกับน้องสาวของฉันเด็ดขาด”
เฟิงเยี่ยหานหันศีรษะมองถังซวงก่อนจะเอ่ยปากถาม “คุณจะให้ตู้จ้งเหลียนชดใช้เรื่องนี้ยังไง? อยากให้ผมจัดการแทนไหม? จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวของคุณ” จิตสังหารแรงกล้าก่อนหน้าพลันหายไปในพริบตา เพราะเวลานี้เขาเริ่มวางแผนที่จะสังหารตู้จ้งเหลียน
เมื่อถังซวงได้ยินเฟิงเยี่ยหานพูดอย่างนั้น เธอส่ายศีรษะก่อนจะพูดว่า “ไม่จำเป็น พวกเราจะจัดการเรื่องนี้เอง”
เฟิงเยี่ยหานเม้มปากแน่นอย่างคับข้องใจ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะตอนนี้สถานะของพวกเขายังไม่ชัดเจน และไม่มีสิทธิ์ทำเรื่องต่าง ๆ ให้กับถังเซวี่ยเลย
ถังเซวี่ยเองก็รู้สึกว่าคงจะดีกว่าหากพวกตนดำเนินการเอง เพราะยังไงเฟิงเยี่ยหานก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง เขามาจากเมืองไห่เฉิงและไม่สะดวกที่จะจัดการเรื่องราวในเมืองหลวงนี้ “พี่คะ คราวนี้ฉันไม่คิดปล่อยตู้จ้งเหลียนกับตระกูลตู้ไปแน่นอน พวกเขาจะต้องชดใช้อย่างสาสม”
“ไม่ต้องกังวลเสี่ยวเซวี่ย ตู้จ้งเหลียนกับตระกูลตู้หนีความผิดไม่พ้นแน่”
แววตาของถังซวงดูแน่วแน่จนน่าขนลุก และเริ่มคิดเกี่ยวกับวิธีการที่จะจัดการตระกูลตู้ คราวนี้แม้ตู้จ้งเหว่ยจะร้องขอมันก็ไร้ประโยชน์
โม่เจ๋อหยวนเองก็รู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้
“ตู้หรงหมิงเป็นแค่ผู้บังคับบัญชาตัวเล็ก ๆ แต่ลูกชายของเขากลับกล้าสร้างเรื่องขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนมอบความกล้าพวกนี้ให้กับเขา ซวงเอ๋อร์ เรื่องของตู้หรงหมิงให้ฉันจัดการเถอะ ฉันจะให้คนของเราไปตรวจสอบก่อนว่ามีเบื้องหลังอะไรซุกซ่อนหรือเปล่า ถ้าเขาผิดจริง เขาจะถูกถอดออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการทันที จากนั้นเราค่อยมาดูกันว่าตู้จ้งเหลียนจะยังอวดเก่งได้อีกไหม”
“อืม”
ถังซวงยอมให้โม่เจ๋อหยวนช่วย “อย่างนั้นเรื่องของตู้หรงหมิงปล่อยให้พี่จัดการ”
เฟิงเยี่ยหานเองก็อยากช่วยเหลือถังเซวี่ยด้วย
“สหายถังซวง สหายโม่ไปตรวจสอบฝั่งของตู้หรงหมิงแล้ว ผมจะไปตรวจสอบเรื่องอื่น ๆ ในตระกูลตู้แล้วกัน ครั้งนี้ผมมาเมืองหลวงและพาคนมาด้วยส่วนหนึ่ง น่าจะพอได้เรื่องอะไรบ้าง”
ได้ยินที่เฟิงเยี่ยหานพูด ถังซวงเพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อสหายเฟิงอยากช่วย ฉันจะห้ามคุณได้ยังไง”
“ถ้าสหายถังซวงเห็นด้วย ผมจะส่งคนออกไปทันทีครับ”
เฟิงเยี่ยหานรู้ดีว่าเขาคงไม่ได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวของถังเซวี่ยรวดเร็วนัก ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะปฏิบัติต่อเขายังไง เขาจะทำเป็นไม่สนใจ เพราะเป้าหมายของเขาคือการให้ถังเซวี่ยปลอดภัย
ถังซวงเห็นว่าเฟิงเยี่ยหานยังคงสุภาพและเป็นมิตรต่อเธอจึงไม่พูดอะไรต่อ ก่อนจะหันไปหาถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วเรากลับบ้านกันเถอะ”
“ค่ะพี่ แต่เราจะบอกเรื่องนี้กับแม่ไม่ได้นะคะ เดือนหน้าแม่ก็จะคลอดแล้ว เธอไม่ควรรับรู้เรื่องพวกนี้”
ถังซวงมองถังเซวี่ยก่อนจะตอบว่า “ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่บอกแม่แน่นอน”
หลังจากที่ทุกคนออกจากโรงพยาบาล เฟิงเยี่ยหานก็ไปที่บ้านตระกูลจิงด้วย ถังเซวี่ยหันแอบมองเฟิงเยี่ยหาน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน สายตาทั้งคู่สบกัน ร่างกายของทั้งสองราวกับหยุดนิ่ง
จนถังเซวี่ยต้องหลบสายตาก่อน และกอดแขนถังซวงไว้แน่นขณะที่กำลังเดินเข้าบ้าน