การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 420 สั่งสอนบทเรียน
บทที่ 420 สั่งสอนบทเรียน
บทที่ 420 สั่งสอนบทเรียน
โหยวอี้หงและตู้จ้งเหลียนได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของเฟิงเอ้อร์แล้ว ถึงกับตกตะลึง
แต่เพราะโหยวอี้หงไม่รู้ว่าลูกชายไปทำอะไรมา เวลานี้เธอจึงโกรธจัดทันที “รีบไสหัวออกไปให้หมด ไม่อย่างนั้นถ้าคุณตู้ของพวกเรารู้เรื่องนี้ พวกแกถูกจับเข้าตารางแน่”
ตู้จ้งเหลียนนึกถึงถังเซวี่ยทันที และคิดว่าคนตรงหน้านี้มาที่นี่เพราะเรื่องของเธอ เขาหวาดกลัวเลยกล่าวเสียงแผ่วเบา “แม่ครับ คนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดา”
“ไม่ต้องกลัว พวกมันไม่กล้าทำอะไรหรอก”
โหยวอี้หงคิดว่าคนพวกนี้เป็นพวกโจรผู้ร้าย และกล้ามากที่คิดลักพาตัวพวกตนในกลางวันแสก ๆ แต่ทว่าสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องเหล่านี้กลับทำให้โหยวอี้หงตกตะลึง พวกเขากล้าลงมือและไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ และตรงเข้าหาตู้จ้งเหลียน
“นี่… ทำอะไรน่ะ ปล่อยลูกชายฉันนะ”
โหยวอี้หงรีบรุดไปด้านหน้าเพื่อหยุดยั้งอีกฝ่าย แต่ก่อนที่เธอจะเข้าถึงตัวลูกชายก็มีคนผลักเธอออกไป
“โอ๊ย…”
โหยวอี้หงล้มลงกับพื้นพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่าง
เวลานี้ตู้จ้งเหลียนถูกจับมัดเอาไว้ แต่เขายังพยายามดิ้นรน “ปล่อย ปล่อยฉัน สิ่งที่พวกแกทำมันผิดกฎหมายนะ พวกแกจะถูกจับเข้าตารางทั้งหมด”
“หึ… ยังไม่รู้ความผิดตัวเองสินะ”
เฟิงเอ้อร์มองตู้จ้งเหลียนอย่างเย็นชา คนคนนี้กล้าวางแผนเพื่อข่มเหงคุณถังเซวี่ยที่นายท่านห่วงใยมากที่สุด แล้วคนตรงหน้ายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าชะตากรรมของตัวเขากำลังจะหมด
“พาตัวไป”
“ครับ”
พวกเขาปิดปากตู้จ้งเหลียนก่อนจะลากตัวออกไป
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน… หยุดเดี๋ยวนี้…”
โหยวอี้หงตะโกนอย่างอ่อนแรงจากด้านหลัง เฟิงเอ้อร์และคนอื่น ๆ ไม่แม้แต่จะหันมองเธอ ตอนนี้เธอทำได้เพียงหันมองลูกชายที่ถูกลากตัวออกไปอย่างสับสน
ทันทีที่เฟิงเอ้อร์และคนอื่น ๆ พาตู้จ้งเหลียนออกไปแล้ว คนที่ถังซวงส่งมาเฝ้าดูก็รีบกลับมารายงานเรื่องนี้ทันที
“อะไร… มีคนจับตัวตู้จ้งเหลียนไปแล้วหรือ”
ได้ยินอย่างนั้นโม่เจ๋อหยวนที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นว่า “อาจจะเป็นคนของเฟิงเยี่ยหานก็ได้… ดูจากสิ่งที่ตู้จ้งเหลียนทำคราวนี้ เขาทำให้เฟิงเยี่ยหานหัวเสียจริง ๆ”
ถังซวงพยักหน้ารับก่อนจะพูดว่า “น่าจะเป็นเขา แต่ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน เราควรจะไปถามเขา”
“อืม”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนตรงไปที่ห้องรับแขกที่เฟิงเยี่ยหานกำลังพักผ่อน และเมื่อมาถึงจึงได้ทราบว่าเฟิงเยี่ยหานยังไม่ได้พักผ่อนเลยสักนิด
“สหายถังซวง สหายโม่ ทำไมถึงมาที่นี่ได้”
ถังซวงถามออกไปตามตรง “คุณจับตัวตู้จ้งเหลียนไปแล้วหรือ?”
ได้ยินอย่างนั้นเฟิงเยี่ยหานเหลือบมองถังซวง และเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าจริงจังและต้องการทราบความจริง เขาจึงตอบตามตรง “ครับ เป็นผมเองที่พาตัวตู้จ้งเหลียนไป เพราะเขาทำร้ายเสี่ยวเซวี่ย คนคนนี้ไม่สมควรจะมีชีวิตต่อไป”
“เฟิงเยี่ยหาน นี่ไม่ใช่เวลาที่จะจัดการกับตู้จ้งเหลียน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”
โม่เจ๋อหยวนกล่าวจากด้านข้าง แล้วพูดถึงแผนของพวกเขาว่า “ผมกับซวงเอ๋อร์ก็ต้องการตัวตู้จ้งเหลียนเหมือนกัน แต่เราควรสั่งสอนบทเรียนให้กับเขา ไม่ใช่การฆ่าเขา”
เฟิงเยี่ยหานเม้มปาก เพราะเขาไม่ต้องการปล่อยตู้จ้งเหลียนไป
ถังซวงเห็นเฟิงเยี่ยหานเงียบไปอย่างนั้น จึงพูดขึ้นว่า “คุณควรคิดถึงเสี่ยวเซวี่ยให้มาก ถ้าตู้จ้งเหลียนตายตอนนี้ มันต้องส่งผลกระทบกับเสี่ยวเซวี่ยแน่”
เฟิงเยี่ยหานถอนหายใจก่อนจะยินยอม “ครับ เข้าใจแล้ว ผมจะไม่ฆ่าตู้จ้งเหลียน พวกคุณวางใจเถอะ”
“แล้วคุณพาตู้จ้งเหลียนไปไว้ที่ไหนหรือ?”
“ลานเล็กในชานเมืองทางตะวันออก มันค่อนข้างเงียบสงบ ไม่มีคนรู้ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ถังชุนหยานวิ่งเข้ามาแล้วพูดขึ้นว่า “พี่สาวซวง เสี่ยวเซวี่ยตื่นแล้วค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นทั้งหมดลุกขึ้น เฟิงเยี่ยหานเป็นรวดเร็วที่สุด เขาพุ่งออกจากประตูและตรงไปที่ห้องของเธออย่างรวดเร็ว
ส่วนถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็เดินตามไปติด ๆ
เมื่อพวกเขามาถึงลานของถังเซวี่ย เห็นว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ต้นไม้พร้อมกินเค้กถั่วแดงในมือ
“เสี่ยวเซวี่ย… คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?”
เฟิงเยี่ยหานมองถังเซวี่ยด้วยความเป็นห่วงชัดเจน
ถังเซวี่ยเงยหน้าขึ้นก่อนจะยกยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ฉันสบายมาก ได้นอนแล้วรู้สึกดีมากเลยล่ะ”
ถังซวงเองเดินเข้ามาด้วยเช่นกัน เธอคว้าข้อมือของเสี่ยวเซวี่ยก่อนจะตรวจชีพจรของอีกฝ่าย และเมื่อเห็นทุกอย่างปกติดี เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดีขึ้น แต่คืนนี้ฉันจะปรุงยาให้อีก”
ถังเซวี่ยพยักหน้ารับ
เมื่อเห็นความน่ารักและอ่อนโยนของถังเซวี่ย เฟิงเยี่ยหานรู้สึกอยากจะจ้องมองมันตลอดไป แต่มองเท่าไหร่ก็รู้สึกว่าไม่เคยเพียงพอเลยสักครั้ง
เมื่อเห็นว่าหลายคนกำลังจ้องมองที่ตน ถังเซวี่ยรีบพูดต่อว่า “พี่คะ ฉันสบายดี พวกคุณไม่ควรต้องกังวลมากขนาดนี้หรอก ทุกคนวุ่นกันมามากพอแล้ว ไปจัดการธุระของตัวเองเถอะค่ะ”
ขณะถังซวงกำลังจะตอบ จิงเจ้อหรงก็เดินเข้ามาเสียก่อน
“ได้ยินว่าทุกคนมาที่นี่ พ่อเลยมาหาน่ะ มาอยู่กับเสี่ยวเซวี่ยนี่เอง”
ขณะพูด จิงเจ้อหรงก็หันมองเฟิงเยี่ยหาน ใบหน้าที่เคยผ่อนคลายกลายเป็นบึ้งตึงทันที เขารู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน ไม่อย่างนั้นพวกซวงเอ๋อร์คงไม่มารวมกันอยู่ที่นี่
“พ่อคะ กลับมาแล้วหรือ หนูมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ”
ได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น จิงเจ้อหรงจึงคาดเดาสถานการณ์ได้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ
“ซวงเอ๋อร์ ไปคุยกันที่ห้องทำงานของพ่อแล้วกัน”
“ค่ะ”
ถังซวงพยักหน้าก่อนจะหันมองถังชุนหยาน “ชุนหยาน เธออยู่กับเสี่ยวเซวี่ยนะ”
ถังชุนหยานพยักหน้ารับ “ค่ะ”
จากนั้นเธอหันมองเฟิงเยี่ยหานเล็กน้อยและเห็นว่าเขายังไม่ออกไป แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรนัก แม้เฟิงเยี่ยหานจะหล่อเหลา แต่ทุกครั้งที่ได้พบเขา ถังชุนหยานยังรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย
จิงเจ้อหรงเองมองเฟิงเยี่ยหานที่ยืนนิ่งก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่ไม่พูดอะไรมากเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ส่วนโม่เจ๋อหยวนเดินตามถังซวงไปที่ห้องทำงานของจิงเจ้อหรง
“ซวงเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเฟิงเยี่ยหานคนนั้นถึงมาที่นี่”
ถังซวงเล่าเรื่องของตู้จ้งเหลียนให้ฟัง ก่อนจะกล่าวว่า “ตอนนี้คนของเฟิงเยี่ยหานจับตัวตู้จ้งเหลียนไว้แล้ว เขาถูกคุมตัวไว้ที่ชานเมืองทางตะวันออก เฟิงเยี่ยหานคิดจะฆ่าเขาทิ้ง แต่พวกเราเกลี้ยกล่อมให้เขาหยุดค่ะ”
ปัง!!
จิงเจ้อหรงทุบโต๊ะเสียงดังลั่น
“ไอ้สารเลวนั่น! ลูกชายคนเล็กของตู้หรงหมิงกล้าทำเรื่องอย่างนี้เลยหรือ ใครกันที่มันถือหางเขา? เขาไม่กลัวตระกูลจิงของพวกเราเลยหรือไง พ่อจะทำให้พวกมันเห็นว่าคนที่กล้าลองดีกับเราจะมีจุดจบยังไง ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าพวกเราเป็นพวกอ่อนปวกเปียกไม่มีกรงเล็บ!!”
บรรยากาศรอบตัวถังซวงเองก็น่าหวาดกลัวมากเช่นกัน
“ใช่ค่ะ คราวนี้เราจะไม่ปล่อยให้ตู้จ้งเหลียนไป พวกเราไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นมาทำร้ายง่าย ๆ เขาไม่มีสิทธิ์พูดว่าความผิดของลูกชายไม่เกี่ยวกับพ่อ คราวนี้แม้แต่ตู้หรงหมิงก็หนีไม่พ้น”