การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 422 ทำตัวเอง
บทที่ 422 ทำตัวเอง
บทที่ 422 ทำตัวเอง
โหยวอี้หงที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วเพราะลูกชายของตนเองถูกจับตัวไป เมื่อเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง เธอยิ่งรู้สึกโกรธและรำคาญขึ้นไปอีก
“เธอกลับมาทำไมหรือ นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนเลยนี่”
ตู้หรงหมิงขมวดคิ้วมองตู้จ้งเหว่ย
“จ้งเหว่ย แกกลับมาทำไม? รู้ไหมว่ามีเรื่องเกิดขึ้น น้องชายของแกโดนพาตัวออกไปและยังไม่ได้ข่าวอะไรเลย”
ตู้จ้งเหว่ยสบถด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อืม… คงเป็นเพราะเขาทำตัวเองมั้งครับ”
“แก… หมายความว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงพูดกับน้องชายตัวเองอย่างนี้?”
โหยวอี้หงตกตะลึงพร้อมโพล่งออกมาเสียงดัง เธอพุ่งไปด้านหน้าก่อนจะเงื้อมมือขึ้นตบตู้จ้งเหว่ย
แน่นอนว่าตู้จ้งเหว่ยไม่ยอมให้ถูกตบ เขาคว้าข้อมือของโหยวอี้หงก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วคุณรู้ไหมล่ะครับว่าลูกชายตัวดีของคุณไปสร้างเรื่องงามหน้าอะไรที่สามารถทำลายตระกูลตู้ไว้”
โหยวอี้หงตะคอกกลับทันที “จ้งเหลียนเป็นคนใจเย็น รอบคอบ เขาจะไม่ทำให้ตระกูลตู้เสียหายแน่นอน หยุดใส่ร้ายน้องชายของเธอเดี๋ยวนี้”
“ผมก็หวังว่าเขาจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ เหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว เพราะความเห็นแก่ตัวของเขา พวกเราทุกคนถึงซวยไปด้วย”
โหยวอี้หงอยากจะโต้แย้ง แต่จู่ ๆ เธอก็นึกถึงสิ่งที่ลูกชายพูดก่อนจะถูกจับได้ ดูเหมือนเขาจะไปทำอะไรที่ไม่เหมาะสมมา… เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะทำเรื่องที่ไม่สมควรจริง ๆ?
นึกได้อย่างนี้ โหยวอี้หงลังเลขึ้นมา
ใบหน้าของตู้หรงหมิงแปรเปลี่ยน เขาหันมองลูกชายคนโตก่อนจะถามว่า “จ้งเหว่ย แกรู้อะไรมา รีบบอกฉันมาเร็วเข้า น้องชายแกไปทำให้ใครเขาขุ่นเคืองใจ?”
“เขา…”
ก่อนตู้จ้งเหว่ยจะพูดจบ ประตูบ้านตระกูลตู้ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง
จิงเจ้อหรงเดินเข้ามา เห็นว่าเวลานี้ตู้หรงหมิง โหยวอี้หง และตู้จ้งเหว่ยอยู่กันพร้อมหน้า เขาถึงกับปรบมือแล้วยกยิ้ม “บังเอิญจริง ๆ ที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า”
ตู้จ้งเหว่ยที่เห็นจิงเจ้อหรงกับถังซวงเดินเข้ามา หัวใจของเขากลับเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะเขารู้ดีว่าตระกูลจิงจะเล่นงานพวกตนแน่นอน
แต่ตู้หรงหมิงยังไม่รู้อะไรทั้งสิ้น เขาลุกขึ้นพร้อมกล่าวประจบประแจง “คุณจิง มาได้ยังไงครับ นั่งก่อนเถอะครับ”
จิงเจ้อหรงหันมองตู้หรงหมิงด้วยสายตาเย็นชา “ตู้หรงหมิง ดูเหมือนว่าคุณจะสั่งสอนลูกชายได้ดีจริง ๆ เขารู้วิธีวางแผนล่อลวงผู้อื่นตั้งแต่อายุยังน้อย ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจนัก”
“อะ… อะไรนะ…”
ตู้หรงหมิงพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำเย้ยหยันนั้น
แววตาของโหยวอี้หงกลายเป็นสีแดงก่ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเฟิงเอ้อร์ผู้ที่พาตัวลูกชายของเธอไปลากเขาเข้ามาอย่างหมดสภาพ เธอคว้ามือเขาก่อนจะตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “จ้ง… จ้งเหลียน?”
เวลานี้ตู้จ้งเหลียนยังไม่ได้สติ เขาพยายามลืมตาและเห็นว่าตนเองอยู่ที่บ้านแล้ว “แม่… แม่ครับ ผมเอง… ช่วยผมด้วย พวกมันจะกระทืบผม”
“จ้งเหลียน เป็นลูกจริง ๆ ด้วย”
โหยวอี้หงรีบรุดจะช่วยลูกของเธอทันที
แต่ถังซวงยกเท้าขึ้นพร้อมยันอีกฝ่ายออกไปอย่างรุนแรง “วันนี้ใครหน้าไหนก็ช่วยตู้จ้งเหลียนไม่ได้ทั้งนั้น”
ในที่สุดตู้หรงหมิงก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขามองตู้จ้งเหลียนอย่างสับสนก่อนจะหันมองจิงเจ้อหรงอีกครั้ง “คุณกำลังเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ จ้งเหลียนทำอะไรให้พวกคุณขุ่นเคือง?”
“เขาไม่ได้ทำให้ฉันขุ่นเคืองหรอก แต่เขาทำร้ายลูกสาวของฉัน!!”
เมื่อใดที่นึกถึงเรื่องที่ตู้จ้งเหลียนทำ จิงเจ้อหรงไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้ เขาหันมองตู้หรงหมิงด้วยแววตาเย็นชาก่อนจะถามว่า “ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตู้จ้งเหลียนทำลงไปเป็นความคิดของเขาคนเดียว หรือเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันทั้งครอบครัว”
“อะ… อะไรครับ มันคือเรื่องอะไร?”
เวลานี้ตู้หรงหมิงนึกถึงสิ่งที่ลูกชายคนโตพูดไว้ก่อนหน้า ดูเหมือนว่าลูกชายคนเล็กจะสร้างเรื่องใหญ่โต และกลายเป็นหายนะของตระกูลตู้ แต่มันคือเรื่องอะไรล่ะ…
แต่ตู้จ้งเหว่ยยืนขึ้นพร้อมอธิบาย “คุณจิงครับ พวกเราไม่รู้ว่าตู้จ้งเหลียนทำอะไร ทั้งหมดเป็นความคิดของเขาไม่ใช่ความคิดของครอบครัวเรา”
จิงเจ้อหรงหันมองตู้จ้งเหว่ย
“ถึงเธอจะพูดอย่างนั้น แต่เราก็ต้องยืนยันกันด้วยหลักฐาน”
แน่นอนว่าจิงเจ้อหรงรู้จักตู้จ้งเหว่ยดี และถังชุนหยานก็ดูเหมือนจะคบกับเด็กคนนี้อยู่ แม้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดก็ไม่สามารถทำให้จิงเจ้อหรงปล่อยตระกูลตู้ไปได้
ส่วนตู้หรงหมิงรู้เพียงว่าลูกชายคนเล็กของตัวเองสร้างความขุ่นเคืองให้กับตระกูลจิง แต่เขาไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร
“คุณจิงครับ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าจ้งเหลียนไปทำเรื่องอุกอาจอะไร งั้นบอกกับผมหน่อยได้ไหม ถ้าจ้งเหลียนทำผิดจริง ๆ ผมจะลงโทษเขาแน่นอน”
“สหายตู้ ผมคงอับอายเกินไปที่จะพูดว่าลูกชายคนเล็กของคุณทำอะไร มันคงดีกว่าถ้าจะให้เขาบอกกับคุณเอง” จิงเจ้อหรงเหลือบมองเฟิงเอ้อร์
เฟิงเอ้อร์เองก็รู้ได้ทันที เขาไม่รอคำสั่งจากเฟิงเยี่ยหาน และโยนตู้จ้งเหลียนไปด้านหน้า
“โอ๊ย…”
ตู้จ้งเหลียนที่บาดเจ็บไปทั่วร่าง หลังจากถูกโยนทิ้งเขายิ่งรู้สึกเจ็บปวด
โหยวอี้หงเห็นแบบนั้นรู้สึกเสียใจมาก เธอก้าวไปด้านหน้าพร้อมกับกอดลูกชายเอาไว้ก่อนจะพยุงตัวให้อีกฝ่ายลุกขึ้น
แต่จิงเจ้อหรงกล่าวแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ให้เขาพูดถึงเรื่องงามหน้าที่เขาทำ”
ตู้หรงหมิงจับโหยวอี้หงไว้ก่อนจะมองตู้จ้งเหลียนแล้วถามว่า “บอกพ่อมาสิว่าแกไปทำอะไรให้คุณจิงโกรธ?”
เวลานี้ตู้จ้งเหลียนหวาดกลัวถึงขีดสุด
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเหนือความคาดหมายของเขาโดยสมบูรณ์ เขาไม่คิดว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงเช่นนี้ มันเพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียว ถ้าทุกอย่างสำเร็จแล้ว เรื่องราวคงไม่เป็นอย่างนี้แน่
เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น ตู้จ้งเหลียนยังมีความโกรธแค้นในแววตา
เมื่อเห็นว่าตู้จ้งเหลียนไม่พูด จิงเจ้อหรงกล่าวเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าต้องมีคนช่วยกระตุ้นเขาสักหน่อย”
เฟิงเอ้อร์ได้ยินแล้วรีบก้าวไปด้านหน้า เขาไม่พูดพร่ำก่อนจะเหวี่ยงขาเตะตู้จ้งเหลียนทันที
“อั่ก…”
ตู้จ้งเหลียนกระอักเลือดคำใหญ่ ไม่คิดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป ก่อนจะพูดทุกอย่างที่ตัวเองทำในวันนี้ “ผม… ผมชอบคุณถังเซวี่ยมาก นั่นเป็นเหตุผลว่า… ทำไม… ทำไมผมถึงทำ…”
“ไอ้… เด็กเลี้ยงเสียข้าวสุก”
ตู้หรงหมิงไม่สามารถทนฟังได้จนจบประโยค
เขาไม่คิดมาก่อนว่าลูกชายคนเล็กจะกล้าทำเรื่องอย่างนี้ และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือเขาทำไม่สำเร็จ ตอนนี้ตระกูลจิงไม่พอใจอย่างมากและตระกูลตู้คงไม่มีวันเงยหน้าได้อีกในอนาคต
แม้แต่โหยวอี้หงยังประหลาดใจ
เธอรู้ดีว่าลูกชายของตัวเองอยากจะครอบครองถังเซวี่ย แต่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าลงมืออย่างอุกอาจเช่นนี้ จนรู้สึกหงุดหงิดที่เขาไม่มาปรึกษาตนก่อน
แต่เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับถังเซวี่ย และลูกชายของเธอก็ถูกซ้อมอย่างสาหัสแล้ว เธอจึงกล่าวขึ้นโดยนิสัย “คุณจิงคะ โชคดีคุณหนูไม่เป็นอะไร อีกอย่างตอนนี้คุณก็สั่งสอนบทเรียนให้จ้งเหลียนแล้ว เพราะงั้นเรื่องนี้ควรจะจบได้แล้วนะคะ”
แม้ตู้หรงหมิงจะคิดอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกไป เวลานี้เขาหันมองจิงเจ้อหรงด้วยความสำนึกผิด “คุณจิงครับ ทั้งหมดเป็นความผิดของจ้งเหลียนเพียงผู้เดียว คุณสามารถสั่งสอนเขาได้ตามต้องการ ผมจะไม่ขัดขวางอะไรครับ”
จิงเจ้อหรงอยู่ในแวดวงเหล่านี้มาหลายปี เขาคุ้นชินกับคำพูดสุภาพของตู้หรงหมิง จึงทำเพียงยกยิ้มก่อนจะตอบกลับ “ไม่ต้องห่วง ผมสั่งสอนเขาแน่ และวันนี้ผมก็สั่งสอนบทเรียนให้กับเขาแล้ว งั้นผมจะคืนเขาให้กับคุณ หวังว่าคุณในฐานะพ่อ จะสั่งสอนมารยาท จิตสำนึก และความละอายใจให้เขาหน่อย”
“ครับ ครับ ผมจะสั่งสอนเขาให้ดี”
จิงเจ้อหรงมองตู้หรงหมิงนิ่งก่อนจะจากไปพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“สหายตู้ อย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อน”
แม้ใบหน้าจะยกยิ้ม แต่ในใจกลับตัดสินอนาคตของตู้หรงหมิงเรียบร้อยแล้ว
คนคนนี้… จบสิ้นแล้ว