การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 423 เรื่องประหลาด
บทที่ 423 เรื่องประหลาด
บทที่ 423 เรื่องประหลาด
เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงกำลังจะเดินออกไปง่าย ๆ มันทำให้เฟิงเยี่ยหานรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าบทลงโทษของตู้จ้งเหลียนนั้นเบาเกินไป แต่เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงมีสีหน้าสบาย ๆ อย่างนั้นเขาจึงเดินออกไปด้วยโดยไม่โต้แย้งอะไร
ส่วนถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ก่อนจะเดินออกจากบ้านตระกูลตู้ตามจิงเจ้อหรงไป
ระหว่างทางกลับ จิงเจ้อหรงหันมองถังซวงก่อนจะถามว่า “แม่ไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม?”
“ไม่ต้องห่วงค่ะพ่อ เรายังไม่ได้บอกแม่ค่ะ เดือนหน้าแม่จะคลอดแล้ว เราจะไม่ทำให้แม่เครียดแน่นอน”
จิงเจ้อหรงพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง พ่อไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแน่ ทั้งตู้จ้งเหลียนและตู้หรงหมิงต้องชดใช้”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “ค่ะ เราเชื่อในตัวพ่อ”
เฟิงเยี่ยหานกำลังขับรถ เดิมทีเขาคิดว่าจิงเจ้อหรงจะปล่อยคนพวกนั้นหลังสั่งสอนบทเรียนให้กับตู้จ้งเหลียน แต่จิงเจ้อหรงกลับยังไม่คิดปล่อยพวกเขาไป
ทันทีที่ทั้งหมดกลับมาที่บ้านตระกูลจิง เฮ่อหลานมองพวกเขาด้วยแววตาสับสน “ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันหรือคะ แล้วนี่อาเจ้อ คุณบังเอิญเจอถังซวงกับคนอื่น ๆ ด้านนอกหลังจากเลิกงานหรือ?”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ครับ พวกเราเจอกันข้างนอก”
เฮ่อหลานรีบเชิญชวนให้ทั้งหมดเข้าบ้าน
“เข้ามาเถอะจ้ะ อาหารเย็นพร้อมแล้วล่ะ”
“ครับ”
จิงเจ้อหรงยิ้มก่อนจะเดินไปพร้อมกับเฮ่อหลาน ส่วนถังซวงและคนอื่น ๆ เดินตามหลังเข้าไปด้านใน
ตอนนี้ถังเซวี่ยและถังชุนหยานกำลังจัดเตรียมชามและตะเกียบ ผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงเองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน วันนี้แม้แต่ครอบครัวของจิงไค่หรงและจิงซิวหรงก็อยู่ที่นี่ด้วย ทุกคนรับประทานอาหารร่วมกันภายในบรรยากาศที่อบอุ่น
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงเยี่ยหานมาทานอาหารกับครอบครัวจิง จิงเจ้อหรงจึงต้องแนะนำเขากับคนอื่น ๆ
“พ่อครับ แม่ครับ พี่ใหญ่ พี่รอง นี่คือสหายเฟิงเยี่ยหาน เพื่อนของซวงเอ๋อร์น่ะครับ คราวนี้เขามาทำธุรกิจที่เมืองหลวงเลยแวะมาเยี่ยมพวกเรา”
เฟิงเยี่ยหานลุกขึ้นก่อนจะทักทายผู้เฒ่าจิงและคนอื่น ๆ อย่างสุภาพ
เห็นเฟิงเยี่ยหานยกไวน์ดื่มอย่างมั่นใจ ผู้เฒ่าจิงยกยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “เอาล่ะสหายเฟิง ตามสบาย ทำตัวเหมือนอยู่บ้านตัวเองได้เลยนะ แล้วกินเยอะ ๆ ล่ะ”
“ขอบคุณครับคุณปู่จิง”
ขณะพูด เฟิงเยี่ยหานก็ชนแก้วกับจิงไค่หรงและจิงซิวหรง สุดท้ายก็ไม่ลืมจิงเจ้อหรงด้วยเช่นกัน
จิงไค่หรงและจิงซิวหรงทักทายเฟิงเยี่ยหาน ส่วนจิงเจ้อหรงมองเฟิงเยี่ยหานก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ๆ นั่งลงดื่มด้วยกันเถอะ แต่อย่าดื่มมากไปล่ะ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณลุงจิง”
ถังเซวี่ยมองเฟิงเยี่ยหานไม่ละสายตา ถึงคนคนนี้จะไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่ก็มีมารยาทที่ดี ทว่าเธอจ้องมองเขาได้ไม่นาน เฟิงเยี่ยหานก็หันกลับมาสบตา หญิงสาวจึงก้มหน้ารีบกินข้าวอย่างร้อนรน
เฟิงเยี่ยหานที่เห็นท่าทีของถังเซวี่ย ก็ยกยิ้มมุกปากอย่างอารมณ์ดี ในแววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกว่าความอยากอาหารจะมากขึ้น ทั้งเขาและโม่เจ๋อหยวนกินข้าวไปสามชามก่อนจะวางตะเกียบลง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว โม่เจ๋อหยวนพูดคุยกับถังซวงต่อ
เฟิงเยี่ยหานเองก็ไม่คิดจะจากไปเช่นกัน เขาเพียงนั่งเงียบ ๆ ข้างถังเซวี่ยและฟังเธอพูดคุยกับถังชุนหยาน
เมื่อเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว เฮ่อหลานหันมองโม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหาน เห็นว่าทั้งสองยังไม่คิดจะกลับ จึงถามออกไปอย่างอดไม่ได้ “พวกเธอสองคนจะกลับกันตอนไหนจ๊ะ?”
เฟิงเยี่ยหานหันมองโม่เจ๋อหยวนโดยไม่รู้ตัว โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรบ้าง
เขาอยากอยู่ต่อ แต่กลัวว่ามันจะเสียมารยาทเกินไป แต่ถ้าโม่เจ๋อหยวนอยู่ที่นี่ด้วย เขาก็จะมีเพื่อน
โม่เจ๋อหยวนเห็นสายตาของเฟิงเยี่ยหาน และเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
ความจริงแล้วเขาก็อยากจะค้างที่นี่ แต่เพราะบ้านของตัวเองก็ไม่ได้ไกลจากบ้านตระกูลจิงนัก จะให้พูดว่าอยากค้างคืนมันก็น่ากระดากอายไม่น้อย
แต่เป็นจิงเจ้อหรงที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “อาหลาน เตรียมห้องพักให้พวกเขาสองห้องเถอะครับ นี่ก็ดึกแล้ว ให้พวกเขาพักที่นี่ดีกว่า”
เฮ่อหลานพูดออกไปอย่างไม่คิดอะไร “ตอนบ่ายฉันเตรียมห้องให้ทั้งสองคนแล้วค่ะ ถ้าจะค้างคืนต่อ อยู่ห้องเดิมได้เลยจ้ะ”
“ขอบคุณครับป้าหลาน”
เฟิงเยี่ยหานพูดขึ้นก่อนจะขอบคุณด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ
โม่เจ๋อหยวนเองก็ไม่รอช้า เขารีบขอบคุณด้วยทันที
เฮ่อหลานเห็นความสุภาพของเฟิงเยี่ยหาน ก็ไม่ค่อยคุ้นชินนัก เธอรีบโบกมือก่อนจะพูดว่า “นี่ดึกมากแล้ว รีบแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ส่วนจิงเจ้อหรงยืนขึ้นก่อนจะพูดว่า “อาหลาน กลับไปพักกันนะครับ”
หลังจากจิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานจากไป ถังซวงพูดขึ้น “ฉันจะกลับไปอ่านหนังสือที่ห้อง”
“ซวงเอ๋อร์ ฉันไปด้วย ฉันอยากอ่านหนังสือต่อเหมือนกัน”
โม่เจ๋อหยวนยกยิ้ม ไปยืนข้างถังซวง
ส่วนถังชุนหยาน “เสี่ยวเซวี่ยต้องดื่มยาก่อนนอนอีก เดี๋ยวฉันไปปรุงยาดีกว่าค่ะ” หลังพูดจบเธอวิ่งออกไปทันที แม้จะรู้สึกสับสนว่าทำอย่างนี้ทำไมก็ตาม
เมื่อเห็นว่าเหลือเพียงตนกับเฟิงเยี่ยหาน ถังเซวี่ยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“เสี่ยวเซวี่ย งั้นผมพาคุณกลับห้องนะครับ”
“อ้อ… อื้ม ไปสิ”
ถังเซวี่ยเดินนำหน้าและเฟิงเยี่ยหานเดินตามหลัง ทั้งสองเพียงเหลือบมองกันและกันไม่รู้จะพูดอะไร แต่เฟิงเยี่ยหานรู้สึกว่าการได้อยู่กับเธอสองคนเป็นช่วงเวลาที่หาได้ยาก เขาคาดหวังว่าตัวเขาจะได้มองเธออย่างนี้ตลอดไป อยากจะหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้เพื่อจะอยู่กับเธอให้นานกว่านี้
แต่ระหว่างห้องโถงไปสวนหลังบ้านนั้นเป็นระยะทางที่สั้นมาก ไม่นานก็มาถึงลานบ้านของถังเซวี่ย
“ถึงแล้วค่ะ”
ถังเซวี่ยหันมาพูดกับเฟิงเยี่ยหานว่า “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
“ผมเต็มใจ”
เฟิงเยี่ยหานตอบรับแล้วถามอย่างเป็นกังวล “ยังต้องดื่มยาอีกหรือครับ? คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ถังเซวี่ยส่ายศีรษะ “ฉันไม่ได้เป็นอะไร แต่พี่เป็นห่วง ฉันเลยต้องดื่มของตอนกลางคืนน่ะ”
“อื้ม งั้นก็ฟังที่พี่สาวคุณบอกเถอะ แล้วหลังดื่มยาก็รีบเข้านอนด้วยล่ะ”
“อื้ม”
ถังเซวี่ยพยักด้วยรอยยิ้มก่อนจะโบกมือให้เฟิงเยี่ยหาน “ฉันจะเข้าไปข้างในแล้ว คุณกลับไปที่ห้องพักเถอะ”
“ผมจะรอจนกว่าคุณจะเข้าไป”
ถังเซวี่ยได้ยินเฟิงเยี่ยหานพูดอย่างนั้น ก็วิ่งกลับเข้าห้องทันที
เฟิงเยี่ยหานรอจนกระทั่งถังเซวี่ยลับตาไป จากนั้นเดินกลับออกมาและเมื่อกลับมาที่ห้อง เขาก็ได้รับข้อความจากเฟิงเอ้อร์ “นายท่าน มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นครับ ดูเหมือนว่าจะมีความผิดปกติบางอย่างกับตู้หรงหมิงและภรรยาของเขา”
เฟิงเยี่ยหานเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเปิดดูข้อมูลที่เฟิงเอ้อร์มอบให้
“อืม… น่าแปลกจริง ๆ ส่งคนไปดูผู้ชายที่ชื่อจางหย่งชางนี้ที ฉันอยากรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์อะไรกับภรรยาของตู้หรงหมิง”
เฟิงเอ้อร์ตอบกลับอย่างนอบน้อม “ได้ครับ ผมจะไปทันที”