การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 427 ปิดบัง
บทที่ 427 ปิดบัง
บทที่ 427 ปิดบัง
ได้ยินที่โหยวอี้หงตอบกลับ ตู้หรงหมิงรีบดึงเธอถอยกลับมา
“คุณคิดทำอะไร”
แม้เขาจะโกรธตระกูลจิงที่ปฏิบัติเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย เพราะความห่างชั้นระหว่างตระกูลตู้กับตระกูลจิงมันมากเกินไป หากเรื่องราวยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่ พวกเขาจะขาดทุนมากกว่าได้กำไร
โหยวอี้หงเห็นว่าสามียังกล่าวโทษตนเอง ก็สะบัดมือออกก่อนจะพูดว่า “ตู้หรงหมิง จิงเจ้อหรงกำลังรังแกเรานะคะ ทำไมยังทำตัวอ่อนแออย่างนี้อีก คุณนี่มันไร้น้ำยาจริง ๆ”
“หุบปาก!”
โหยวอี้หงไม่ทราบความผิดตัวเองและยังตะโกนเสียงดัง ทำให้ตู้หรงหมิงโกรธจัดและรู้สึกว่าภรรยาของเขาเป็นคนงี่เง่า อีกทั้งยังกล้าฉีกหน้าเขาต่อหน้าคนมากมาย จนเขาอยากจะฉีกปากเธอเป็นชิ้น ๆ
จิงเจ้อหรงเห็นตู้หรงหมิงกับโหยวอี้หงทะเลาะกัน หัวเราะออกมา “ไม่ต้องรีบร้อน ยังไม่ถึงเวลาต้องทะเลาะกัน พวกคุณอาจจะต้องพูดคุยกันอีกยาวเลยละ”
ได้ยินอย่างนั้นแล้วตู้หรงหมิงกับโหยวอี้หงถึงกับหยุดชะงัก
ตู้หรงหมิงไม่เข้าใจสิ่งที่จิงเจ้อหรงพูด แต่หัวใจของเขาพลันเต้นไม่เป็นจังหวะ และสัมผัสได้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นแน่นอน ไม่อย่างนั้นจิงเจ้อหรงคงไม่พูดอย่างนี้
ส่วนโหยวอี้หงหันกลับมาจับจ้องจิงเจ้อหรงด้วยความขุ่นเคือง ผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้ากลายเป็นสัตว์ร้ายน่ารังเกียจ ทำให้ครอบครัวของเธอต้องลุกเป็นไฟ และตำแหน่งของสามีเธอก็คงไม่เหลือด้วย
จิงเจ้อหรงเห็นความเกลียดชังในแววตาของโหยวอี้หงแต่ไม่ได้สนใจก่อนจะปรบมือเบา ๆ สองสามครั้ง
ไม่นานนัก เฟิงเอ้อร์และคนอื่น ๆ เดินเข้ามาพร้อมกับจางหย่งชาง
โหยวอี้หงถึงกับอ้าปากค้าง
เธอไม่กล้าแม้แต่จะจ้องมองจางหย่งชางเลยเพราะกลัวว่าคนอื่นจะรู้ถึงความสัมพันธ์ ในขณะเดียวกันเธอหันมองจิงเจ้อหรงอย่างตื่นตระหนก ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก…
แต่ตู้หรงหมิงมองจางหย่งชางอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันมองจิงเจ้อหรงแล้วถามด้วยความสุภาพ “คุณจิงครับ คนคนนี้เป็นใครหรือครับ?”
จิงเจ้อหรงยิ้ม “ผู้ชายคนนี้ชื่อจางหย่งชาง และเขามีความสัมพันธ์กับคุณด้วยละ”
ได้ยินอย่างนั้น โหยวอี้หงกล่าวเสียงแหบแห้ง “ตอนนี้เราไม่ได้พูดคุยกันเรื่องของตระกูลตู้หรือคะ? ทำไมถึงปล่อยให้คนไม่เกี่ยวข้องเข้ามา หรือคุณต้องการให้คนอื่นเข้ามารับรู้สถานการณ์ในบ้านของฉัน คิดจะล้อเล่นอะไรอีก? รีบพาเขาออกไปเร็วเข้า”
“จุ๊ จุ๊… ยังไม่เริ่มก็เก็บอาการไม่อยู่แล้วหรือคะ อดทนไว้นะคะ ไม่เป็นไรหรอก”
ถังซวงมองโหยวอี้หงพร้อมยกยิ้มร้าย ทุกครั้งที่เธอนึกถึงเรื่องที่เสี่ยวเซวี่ยเกือบจะถูกตู้จ้งเหลียนข่มเหง เธอยิ่งทนไม่ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่พวกเขาค้นเจอ เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องจริงไม่สามารถหักล้างได้
โหยวอี้หงได้ยินคำพูดถังซวงก็หันกลับมาทันที
เธอเห็นแววตาเย็นชาของอีกฝ่าย อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน และตระหนักได้ว่าเธอประเมินตระกูลจิงต่ำเกินไป เธอคิดเสมอว่าตราบใดที่รายงานเรื่องตระกูลจิงใช้อำนาจในทางที่ผิด เธอก็จะปลอดภัยและอีกฝ่ายคงไม่ติดใจเอาเรื่องตระกูลตู้อีก แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตระกูลจิงจะสามารถสืบเรื่องของเธอได้ด้วย
“คุณ… คุณ…”
โหยวอี้หงหวาดกลัวจริง ๆ แต่เธอไม่สามารถทำอะไรตระกูลจิงได้ เธอหันมองจางหย่งชางด้วยความโกรธ
เวลานี้จางหย่งชางหดคอลง แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการมาที่นี่ แต่เขาถูกขู่บังคับ ไม่สามารถขัดขืนได้ แม้จะอยากทำก็ตาม
ตู้หรงหมิงหันมองโหยวอี้หงก่อนจะหันมองจางหย่งชางอีกครั้ง ก่อนจะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ตู้จ้งเหว่ยที่เงียบมาตลอดอดไม่ได้ที่จะเดินไปหาถังซวงแล้วถามว่า “พี่สาวซวง วันนี้เธอมาที่นี่เพราะเรื่องของตู้จ้งเหลียนหรือเปล่า?”
ถังซวงส่ายศีรษะก่อนจะตอบว่า “ไม่ เรามาเพราะเรื่องอื่น แต่…” ขณะพูด ถังซวงมองตู้จ้งเหว่ยก่อนจะกล่าวกระซิบ “จ้งเหว่ย นายเป็นเพื่อนของพวกเรา รอผ่านวันนี้ไปก่อนแล้วค่อยพูดคุยกัน”
แม้ตู้จ้งเหว่ยรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องของตู้จ้งเหลียน แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าเรื่องตรงหน้าคงจะร้ายแรงมาก และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบรับเท่านั้น “ตกลง”
ตู้หรงหมิงที่ต้องการพึ่งลูกชายคนโตเพื่อผูกมิตรกับตระกูลจิง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นถังซวงมีท่าทีอย่างนั้น เขาจึงทราบแล้วว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ส่วนตอนนี้เขายิ่งสงสัยว่าทำไมจิงเจ้อหรงถึงมาที่นี่ในวันนี้
ทันใดนั้น มีใครบางคนเข้ามา
ผู้มาใหม่กระซิบบางอย่างกับจิงเจ้อหรง
จิงเจ้อหรงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “อืม ให้เข้ามา”
“ครับ”
ชายคนนั้นออกไปก่อนจะกลับมาพร้อมกับหญิงชราผมขาวโพลน
เดิมทีตู้หรงหมิงคิดว่าหญิงชราคงเป็นคนแปลกหน้า แต่เมื่อเขามองให้ดีแล้ว เขารู้สึกว่าหญิงชราตรงหน้าค่อนข้างคุ้นเคยไม่น้อย “คุณ… คุณย่าเฉียนหรือ?”
ได้ยินคำพูดของตู้หรงหมิง โหยวอี้หงเงยหน้ามอง และเห็นว่าอีกฝ่ายคือคุณย่าเฉียนจริง ๆ แม้ผมจะกลายเป็นสีขาวและมีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า แต่ก็เห็นเค้าโครงเดิมของคุณย่าเฉียนได้
ส่วนคุณย่าเฉียนเห็นตู้หรงหมิงจำตนเองได้ ก็ถอนหายใจ “คงจะยากสินะ เป็นฉันเองแหละ”
ตู้หรงหมิงยังคงประหลาดใจที่คุณย่าเฉียนยอมรับ
“คุณย่าเฉียน ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”
แม้ในใจของเขาจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ตู้หรงหมิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวขอบคุณเธอ
“คุณย่าเฉียน ขอบคุณที่ทำคลอดก่อนกำหนดให้จ้งเหลียน ทั้งอี้หงและจ้งเหลียนปลอดภัยดี น่าเสียดายที่คุณหายไปหลังจากช่วยทำคลอดให้เธอ ไม่อย่างนั้นผมคงไปเยี่ยมคุณบ่อย ๆ แล้ว”
ในตอนนั้นชีวิตครอบครัวของเขาค่อนข้างลำบาก โหยวอี้หงต้องไปคลอดลูกกับหมอตำแยเช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ ไม่ได้ไปที่โรงพยาบาล โชคดีที่คุณย่าเฉียนทำคลอดได้ดี ทั้งแม่และลูกจึงปลอดภัย
คุณย่าเฉียนมองโหยวอี้หงด้วยสายตาคาดเดายาก “นั่นเป็นเพราะมีคนขับไล่ฉันออกไป แถมยังขู่ฉันเพราะกลัวฉันจะพูดเรื่องอื้อฉาวของหล่อน”
ได้ยินอย่างนั้น โหยวอี้หงยิ่งหน้าซีด
ส่วนตู้จ้งเหลียนขมวดคิ้วมองคุณย่าเฉียน เขาสัมผัสได้ว่าหญิงชราที่ทำคลอดเขาไม่ใช่คนดีอะไร
“ผมขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่ามองแม่ผมด้วยสายตาแบบนี้ แล้วที่คุณพูดมันคืออะไร? อย่ามาพูดพล่อย ๆ ที่นี่นะ”
คุณย่าเฉียนหันมองตู้จ้งเหลียน เธอเผยอารมณ์ที่หวั่นไหวผ่านสายตา
“เธอคือเด็กที่ฉันทำคลอดวันนั้นหรือ? ไม่คิดเลยว่าจะโตขนาดนี้แล้ว แต่ปากไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ” คุณย่าเฉียนหันมองตู้หรงหมิงแล้วพูดต่อว่า “ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้อยากจะย้ายออก แต่เพราะโหยวอี้หงข่มขู่และยัดเยียดเงินจำนวนหนึ่งให้ฉันย้ายออกไป…”
“หุบปาก…”
โหยวอี้หงตะโกนเสียงแหบเสียงแห้งก่อนจะพุ่งเข้าหาคุณย่าเฉียน
แต่ก่อนที่เธอจะถึงร่างของหญิงชรา ถังซวงหยุดเธอเอาไว้ก่อน
คุณย่าเฉียนจึงมีโอกาสกล่าวต่อ “เป็นเพราะโหยวอี้หงไม่ได้คลอดก่อนกำหนด ลูกของหล่อนในตอนนั้นครบกำหนดแล้ว แต่เธอยืนยันว่าเธอคลอดก่อนกำหนดครึ่งเดือน ซึ่งมันมีอะไรไม่ชอบมาพากล”