การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 429 ถูกพาตัวไป
บทที่ 429 ถูกพาตัวไป
บทที่ 429 ถูกพาตัวไป
จางหย่งชางเสียใจ เขารู้สึกเกลียดตัวเองที่มัวลุ่มหลงเชื่อคำคนในเวลานั้น… หลงคิดว่าลูกชายจะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าหากได้อยู่ในบ้านตระกูลตู้ แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้เกิดขึ้นต่อหน้าของเขาแล้ว เขารู้สึกว่าควรจะพาอีกฝ่ายออกไปเสียตั้งแต่วันนั้น
ตู้จ้งเหลียนได้ยินคำสารภาพทั้งหมดจากจางหย่งชาง ไม่เพียงแต่จะไม่พอใจที่ได้พบพ่อที่แท้จริงเท่านั้น แต่ใบหน้ากลับเผยความรังเกียจ
“หุบปาก ฉันไม่ใช่ลูกแก”
“จ้งเหลียน… ลูก…”
จางหย่งชางหันมองตู้จ้งเหลียนอย่างประหลาดใจ เวลานี้ในใจบีบรัดยากจะบรรยาย
ส่วนจิงเจ้อหรงเองที่รับชมฉากตรงหน้าอย่างสนใจ ยังไม่เคลื่อนไหว
แต่เมื่อเรื่องราวของตู้หรงหมิงและตู้จ้งเหลียนเรียบร้อยแล้ว เวลานี้เขาจึงกล่าวออกมา “สหายตู้ คุณถูกหลอกลวงมานานหลายสิบปี วันนี้คุณได้รู้ความจริงทุกอย่างแล้ว เอาละ ต่อไปเรามาคุยกันเรื่องของเราเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาดีกว่า”
“สิ่งที่ผมทำ? ผมทำอะไร?”
ใจของตู้หรงหมิงเต็มไปด้วยความโกรธ เขายังคงนึกคิดว่าจะจัดการกับนังหญิงชั่ว โหยวอี้หงอย่างไร และควรจะคืนความยุติธรรมกับตนเองอย่างไรดี แต่เมื่อได้ยินที่จิงเจ้อหรงพูด ร่างกายของเขาพลันแข็งทื่อไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร
จิงเจ้อหรงยกยิ้มบางก่อนจะพูดว่า “อ้อครับ… ผมจะพูดถึงการติดสินบนและการรับสินบนของคุณในช่วงหลายปีมานี้น่ะ”
“อะ… อะไรนะ…”
รูม่านตาของตู้หรงหมิงหดตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาซีดเผือด แต่สุดท้ายเขาก็สามารถระงับความตื่นตระหนกและยกยิ้มอย่างกล้ำกลืน “ไม่เอาน่าคุณจิง ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร หลายปีที่ผ่านมาผมอยู่ด้วยความซื่อสัตย์ และผมจะไม่มีวันทำอย่างนั้นเป็นอันขาดครับ”
“ตู้หรงหมิง นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาแก้ตัวแล้วละครับ”
จิงเจ้อหรงหันมองตู้หรงหมิงด้วยแววตาลุ่มลึก เพื่อไม่ให้เขามีโอกาสพลิกลิ้นไปมาจึงกล่าวต่อ “ผมรู้ทุกอย่างที่คุณทำตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้แล้ว อย่าปฏิเสธเลยครับ”
“คุณ…”
ตู้หรงหมิงเข้าใจว่าเรื่องที่เขาถูกสวมเขาจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องแบบนี้รอเขาอยู่อีก… จิงเจ้อหรงต้องการบีบให้เขาตายให้ได้เลยหรือ?
ขณะตู้หรงหมิงกำลังสับสน ก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก และทั้งสองรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงเองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน หลังจากกล่าวทักทายแล้ว ทั้งสองรีบรุดเข้าหาตู้หรงหมิงทันที
“ตู้หรงหมิง พวกเราจำเป็นต้องสืบสวนคุณ โปรดมากับพวกเราด้วยครับ”
เวลานี้ตู้หรงหมิงตื่นตระหนกอย่างมาก
“ผม… ผม… ผมไม่ได้ทำอะไรผิด พวกคุณจะพาตัวผมไปไม่ได้”
แต่คนเหล่านั้นไม่คิดฟัง พวกเขาเดินเข้ามาพร้อมจับกุมตัวตู้หรงหมิงทันที
“ไม่… ผมไม่ไป ปล่อยผมเดี๋ยวนี้”
แต่แน่นอนว่าเขารู้เรื่องของตัวเองดีอยู่แก่ใจ แม้ตู้หรงหมิงจะไม่ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาก็สร้างเรื่องราวไว้มากมายเช่นกัน และถ้าหากทั้งหมดนี้ถูกเบื้องบนพบเข้า เขาทราบดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าตู้หรงหมิงจะพยายามดิ้นรนมากแค่ไหน ไม่มีใครสนใจและยังคงลากตัวเขาออกไปทันที
“เดี๋ยว… เดี๋ยวก่อน…”
เห็นว่าพ่อกำลังถูกพาตัวออกไป ตู้จ้งเหว่ยเดินตามและตะโกนเรียก ทว่าคนเหล่านั้นไม่คิดฟัง ก่อนจะพาตู้หรงหมิงออกไปทันที
“พ่อ…”
ตู้จ้งเหว่ยงสับสน เขายังไม่หายตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ของตู้จ้งเหลียน แต่ตอนนี้พ่อของเขาก็ถูกพาตัวออกไปซะแล้ว
หลังตระหนักเรื่องราวทั้งหมด ตู้จ้งเหว่ยหันมองถังซวงทันที
แต่ถังซวงไม่ได้พูดอะไรนัก เพียงแต่ตอบกลับว่า “เราค่อยคุยกันทีหลัง”
ได้ยินถังซวงตอบ ตู้จ้งเหว่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้ารับแม้ว่าในใจจะกังวลก็ตาม
ส่วนโหยวอี้หงและตู้จ้งเหลียนหันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น และขณะที่กำลังพูดถึงเรื่องราวของทั้งสอง ตู้หรงหมิงกลับถูกพาตัวไปเสียอย่างนั้น
แต่โหยวอี้หงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในฉับพลัน เธอหันมองจิงเจ้อหรงด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “เป็นคุณ…”
จิงเจ้อหรงไม่คิดสนใจหล่อน เขาเห็นว่าเรื่องราวทั้งหมดจบแล้ว จึงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ “ซวงเอ๋อร์ พวกเรากลับกันเถอะ”
“พ่อกลับไปก่อนเลยค่ะ หนูมีเรื่องจะคุยกับตู้จ้งเหว่ยสักหน่อย”
โม่เจ๋อหยวนที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น “ลุงจิงครับ ผมจะอยู่กับซวงเอ๋อร์”
เห็นว่าโม่เจ๋อหยวนจะอยู่ด้วย จิงเจ้อหรงก็พยักหน้า “อืม งั้นเดี๋ยวพ่อกลับก่อนนะ” เขาหันมาหาเฟิงเยี่ยหาน “เสี่ยวเยี่ย กลับเถอะ”
“ครับลุงจิง”
เฟิงเยี่ยหานชำเลืองมองเฟิงเอ้อร์ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับจิงเจ้อหรง
เฟิงเอ้อร์เข้าใจทันทีว่าเจ้านายสื่อถึงอะไร หลังจากปล่อยจางหย่งชางแล้ว เขาหันมองยายเฒ่าเฉียนด้วยรอยยิ้มแห้ง “แม่เฒ่าเฉียน ผมจะไปส่งคุณครับ”
แม้ยายเฒ่าเฉียนจะไม่เข้าใจว่าทำไมตู้หรงหมิงถึงถูกพาตัวไป แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรนักเพียงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “จ้ะ เราไปกันเถอะ”
หลังจากเฟิงเอ้อร์และคนอื่น ๆ ออกไปหมดแล้ว ถังซวงหันมองตู้จ้งเหว่ยแล้วพูดขึ้นว่า “เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
ตู้จ้งเหว่ยเดินตามถังซวงและโม่เจ๋อหยวนออกไปโดยไม่พูดไม่จา
ตอนนี้มีเพียงโหยวอี้หง ตู้จ้งเหลียน และจางหย่งชางเท่านั้นที่อยู่ภายในบ้าน และพวกเขาคือครอบครัวเดียวกัน
ทว่ากลับไม่มีความอบอุ่นระหว่างทั้งสามคน โหยวอี้หงเดินเข้าหาจางหย่งชางด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราด “ไอ้สารเลว ฉันมันตาบอดที่หลงรักคนอย่างแก ทั้งหมดเป็นเพราะแกทำให้เราสองแม่ลูกต้องมายืนอยู่ในจุดนี้”
จางหย่งชางถูกโหยวอี้หงทุบตีหลายครั้ง และใบหน้าของเขาเริ่มร้อนผ่าวด้วยความโกรธ
เวลานี้เขาผลักหญิงตรงหน้าออกไป “นังสารเลว ตอนที่เธอคบกับฉัน ก็เห็นว่าตู้หรงหมิงรวยกว่าจึงไปลอบหลับนอนกับเขา และยังยืนกรานว่าจะแต่งงานกับเขาเพราะภรรยาของเขาเพิ่งตายไป แล้วมารับบทเป็นแม่เลี้ยงเองนี่”
เวลานี้จางหย่งชางเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“คราวแรกฉันก็ลังเล และไม่ได้สั่งสอนบทเรียนให้กับเธอในตอนนั้นด้วยตัวเอง อีกอย่างหลังจากที่ฉันรู้ว่าเธอมีลูก ฉันก็ทำตามคำสั่งของเธอตลอดมา เพราะฉันมันตาบอดที่ไปตกหลุมรักผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ”
เดิมทีโหยวอี้หงเป็นภรรยาของเขา แต่เธอได้พบเจอคนที่ดีกว่า เธอก็ถีบหัวส่งเขาทันทีและไปสานสัมพันธ์กับตู้หรงหมิงแทน เขากลายเป็นคนโง่ที่ยอมทุ่มเททุกอย่างให้หล่อน และเมื่อผู้หญิงคนนี้เห็นว่าเขาเริ่มแก่และไร้ประโยชน์ เธอจึงคิดจะผลักไสเขาออกไป ทั้งหมดล้วนแต่เป็นแผนการที่ชั่วช้าของหล่อนทั้งสิ้น
แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวในวันนี้เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะถูกขับไล่สำเร็จ
ตู้จ้งเหลียนหันมองทั้งสองคนที่โต้เถียงกันด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว เขาไม่อยากจะเชื่อภาพตรงหน้าเลย ผู้ชายคนนี้น่ะหรือจะเป็นพ่อที่แท้จริงของเขา
อีกด้านหนึ่ง ถังซวง โม่เจ๋อหยวน และตู้จ้งเหว่ยเดินออกมาตามถนน
หลังจากเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ แล้ว ตู้จ้งเหว่ยเอ่ยปากถามทันที “พี่สาวซวง ทำไมพ่อของฉันถึงถูกพาตัวไปล่ะ? เขาจะเป็นอันตรายอะไรไหม?”
เห็นท่าทีกังวลของตู้จ้งเหลียนแล้ว ถังซวงถอนหายใจก่อนจะบอกกล่าวอย่างใจเย็น “พ่อของนายถูกตั้งข้อหาว่ารับสินบนและติดสินบน เขาเลยต้องถูกสอบสวนน่ะ”
ตู้จ้งเหว่ยตกตะลึงหลังได้ยินอย่างนั้น
“เป็นไปได้ยังไง เขา… กล้าทำเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ?”
ถังซวงตอบกลับเสียงหนักแน่น “ใช่ พ่อของนายทำเรื่องพวกนั้นไปมากซะด้วย”