การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 431 จุดจบของตู้หรงหมิง
บทที่ 431 จุดจบของตู้หรงหมิง
บทที่ 431 จุดจบของตู้หรงหมิง
ถังชุนหยานมองตู้จ้งเหว่ยที่หันหลังจากไป เธอเม้มปากแน่นไม่รู้จะทำอย่างไร แม้จะเตรียมใจไว้แล้วแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเสียใจเมื่อเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยเป็นอย่างนี้
ตู้จ้งเหว่ยบอกว่าต้องการอยู่คนเดียว ดังนั้นเธอจึงไม่มีอะไรจะพูดนอกจากเดินออกมาก่อน
เฮ่อหลานเห็นถังชุนหยานกลับมาเร็วแบบนี้ก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ชุนหยาน เธอไม่ได้ไปหาเสี่ยวตู้หรอกหรือจ๊ะ? ทำไมกลับมาเร็วจังล่ะ”
ถังชุนหยานยกยิ้มตอบกลับ “จ้งเหว่ยมีธุระน่ะค่ะ หนูเลยกลับมาก่อน”
“โอ้ อย่างนั้นหรือจ๊ะ ตอนนี้ป้าจะไปหาอาจารย์กับลุงหลี่ เธอจะไปด้วยกันไหม?”
ถังชุนหยานส่ายศีรษะ “ฉันไปด้วยไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมีงานต้องทำ ต้องทำเครื่องสำอางชุดใหม่เพิ่มด้วยค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นเฮ่อหลานไม่ได้ถามอะไรต่อ
“งั้นไปจัดการธุระเถอะจ้ะ ป้าก็จะออกไปข้างนอกบ้างแล้วละ”
เฮ่อหลานโบกมือให้กับถังชุนหยานด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปพร้อมตะกร้าใบเล็กในมือ
บ้านของหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นอยู่ไม่ไกลนัก เฮ่อหลานสามารถเดินไปที่นั่นได้ และถือเป็นการออกกำลังกายสำหรับหญิงมีครรภ์ด้วย สิ่งนี้จะทำให้เธอคลอดได้ง่ายขึ้น เมื่อไหร่ที่มีเวลาเธอจะไปเยี่ยมผู้อาวุโสทั้งสองคนทันที
ซูเหนียนอวิ๋นและหลี่จงอี้มีความสุขเมื่อได้พบกับเฮ่อหลาน แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกังวล
“อาหลาน ไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้วนะ เดี๋ยวเราสองคนจะไปหาเธอเอง”
เฮ่อหลานยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “อาจารย์ ลุงหลี่ บ้านเราไม่ไกลกันมาก ฉันมาคนเดียวได้ค่ะ”
แต่ซูเหนียนอวิ๋นยังคงเป็นห่วง
“อาหลาน ให้เราไปหาเธอเองดีกว่า”
เห็นว่าซูเหนียนอวิ๋นยืนกรานอย่างนั้น เฮ่อหลานยกยิ้มก่อนจะตอบกลับ “ค่ะ ๆ ฉันเข้าใจแล้ว” เธออดไม่ได้ที่จะถามถึงเกอชิงเหม่ย “พี่สาวคงจะยุ่งอยู่ในหมู่บ้านเถาฮวามาก จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
ได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงเกอชิงเหม่ย ซูเหนียนอวิ๋นส่ายศีรษะก่อนจะตอบว่า “เกอชิงเหม่ยส่งจดหมายหาเราเมื่อสองวันก่อน บอกว่าเธอจะยุ่งสักระยะหนึ่งน่ะ แต่พวกเราก็ไม่รู้หรอกว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่”
“ชิงเหม่ยเป็นคนมีความรับผิดชอบมาก เธอออกจากหมู่บ้านมานานและเมื่อกลับไปคงมีเรื่องมากมายให้จัดการ หลังจากเสร็จแล้วก็คงกลับมาเองนั่นแหละ”
ซูเหนียนอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “ชิงเหม่ยรับผิดชอบหลายอย่างมากเกินไป เธอเลยต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง พอเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกว่าบ้านค่อนข้างเงียบมากเลย”
“อื้ม บ้านค่อนข้างมีชีวิตชีวาเมื่อเธออยู่ที่นี่”
หลี่จงอี้พยักหน้ารับ
ส่วนเฮ่อหลานกล่าวขึ้นว่า “อาจารย์คะ ลุงหลี่ แล้วทำไม… พวกคุณถึงไม่ไปอยู่ที่บ้านตระกูลจิงก่อนล่ะ เราจะได้เจอกันทุกวัน และบ้านจะไม่เงียบเหงาด้วย”
ได้ยินอย่างนั้น ซูเหนียนอวิ๋นตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นหรอกจ้ะ ฉันกับจงอี้อยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว พวกเราไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย” จากนั้นเธอถึงถามถึงถังซวงและถังเซวี่ยต่อ
“ถังซวงกับถังเซวี่ยออกไปกับเจ๋อหยวนน่ะค่ะ”
เฮ่อหลานเห็นว่าอีกฝ่ายปฏิเสธจึงไม่คิดรบเร้า
ซูเหนียนอวิ๋นยิ้มก่อนจะตอบว่า “คนหนุ่มสาวออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกให้มากน่ะถูกแล้ว อย่างนั้นเธอก็อยู่ทานมื้อกลางวันที่นี่สิ”
“ค่ะ”
เฮ่อหลานอยู่รับประทานมื้อกลางวันก่อนจะกลับ แต่เธอไม่คิดว่าวันนี้จิงเจ้อหรงจะกลับมาที่บ้านเร็วกว่าปกติ
“ทำไมวันนี้ถึงกลับเร็วนักล่ะคะ?”
จิงเจ้อหรงเห็นว่าเฮ่อหลานกลับมาแล้ว เขารีบประคองเธอให้นั่งลง
“ผมจัดการงานที่ค้างไว้เสร็จแล้วครับเลยกลับมา ไม่รู้ว่าคุณไปหาอาจารย์กับลุงหลี่ ผมกำลังจะไปหาพอดีแต่ว่าคุณกลับมาก่อน”
เฮ่อหลานได้ยินถึงกับยิ้มออกมา “อยู่ที่บ้านลุงหลี่กับอาจารย์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อีกอย่างช่วงนี้พี่ก็ไม่อยู่ด้วย ฉันกลัวว่าทั้งสองจะเหงาเลยไปเยี่ยม”
จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะยื่นข้อเสนอ “คุณอยากให้อาจารย์กับลุงหลี่มาอยู่ด้วยสักระยะไหม? เดี๋ยวพี่กลับมา ค่อยให้พวกท่านกลับไปก็ได้”
เฮ่อหลานส่ายศีรษะ “ฉันพูดไปแล้วค่ะ แต่อาจารย์กับลุงหลี่ไม่มา พวกเขาบอกว่าอยู่กันได้”
“อืม อย่างนั้นหรือครับ งั้นเดี๋ยวเราไปเยี่ยมพวกเขาบ่อย ๆ แล้วกัน”
เฮ่อหลานพยักหน้า “ค่ะ”
หลังจากนั้นทั้งสองเข้าไปงีบหลับด้วยกัน เมื่อเฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงตื่น ถังซวงและคนอื่น ๆ ก็กลับมาแล้ว
เห็นข้าวของในมือมากมายของพวกเขา เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
“ซื้ออะไรมากันจ๊ะ? ที่นี่ก็มีทุกอย่างแล้วนะ”
ถังเซวี่ยหัวเราะ “แม่คะ พวกเราไม่ได้อยากจะซื้อหรอกค่ะ แต่เป็นพวกเขาต่างหาก” จากนั้นเธอพยักหน้าไปทางโม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหาน
โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานไม่ปฏิเสธ ที่พวกเขาซื้อของมากมายเช่นนี้ก็เพราะช่วงนี้ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลจิง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องขยันซื้อของขวัญสักหน่อย
เมื่อรู้ว่าทั้งสองจะมอบของขวัญ เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองก่อนจะพูดว่า “ทำตัวอย่างกับเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ จะซื้อของพวกนี้มาทำไมกันตั้งมากมาย”
“ป้าเฮ่อครับ พวกเราไม่ได้ซื้ออะไรมาก แค่เป็นอาหารบำรุงของคุณป้าเท่านั้น” เฟิงเยี่ยหานหยิบของที่เขาซื้อมาให้เฮ่อหลานออกมา ขณะเดียวกันก็มีของขวัญมอบให้จิงเจ้อหรงด้วย
ทันทีที่เห็นว่าตนเองได้รับของขวัญเช่นกัน จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วประหลาดใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าเฟิงเยี่ยหานที่แสนเย็นชาและคาดเดายากจะคิดเรื่องนี้ได้
ส่วนโม่เจ๋อหยวนเองก็หันมองเฟิงเยี่ยหานด้วยเช่นกัน
เขาประเมินคน ๆ นี้ต่ำเกินไปเสียแล้ว ไม่เพียงแต่มีท่าทีอ่อนน้อมและสุภาพ แต่ยังมอบของขวัญตัดหน้าเขาซะอีก เวลานี้โม่เจ๋อหยวนไม่กล้ารอช้า รีบหยิบของขวัญออกมามอบให้เฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงเช่นกัน
จิงเจ้อหรงถือกล่องของขวัญมากมายไว้ในมือก่อนจะมองถังซวงแล้วพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เดี๋ยวเรามีเรื่องคุยกันสักหน่อยนะ”
ถังซวงสัมผัสได้ทันทีว่าพ่อจะพูดเรื่องของตู้หรงหมิง จึงพยักหน้ารับ “ค่ะ”
ส่วนเฮ่อหลานเองไม่ได้อยากรู้อยากเห็นเรื่องของสองพ่อลูกเท่าไหร่นัก เพราะจิงเจ้อหรงก็มักจะพูดคุยกับเด็ก ๆ อยู่เสมอ “พวกเธอยังไม่ได้ทานมื้อเย็นกันใช่ไหม? วางข้าวของพวกนี้ก่อนแล้วไปทานข้าวกันดีกว่า”
“ค่ะ”
เมื่อทุกคนมาถึงห้องอาหาร พวกเขาเห็นว่าถังชุนหยานยังไม่ออกมา ถังเซวี่ยจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
ขณะที่คนครัวกำลังเสิร์ฟอาหาร หล่อนยกยิ้มก่อนจะตอบว่า “ช่วงบ่ายชุนหยานทานบะหมี่ไปชามหนึ่งแล้วค่ะ เธอบอกว่าไม่หิวและจะไม่ทานมื้อเย็น”
ทุกคนได้ยินอย่างนั้นจึงเริ่มลงมือทานอาหารทันที
หลังจากทานอาหาร ถังซวงและคนอื่น ๆ ไปที่ห้องทำงานของจิงเจ้อหรง
จิงเจ้อหรงอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับตู้หรงหมิงทันที
“ทุกอย่างถูกสืบสวนหมดแล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตู้หรงหมิงก่อเรื่องไว้มากมาย อีกอย่างจำนวนเงินที่เกี่ยวพันกับเขามันมากเกินไป เขาเลยต้องติดคุก”
ถังซวงไม่แปลกใจที่ได้ยินอย่างนั้น แต่เธอสนใจเรื่องของโหยวอี้หงและตู้จ้งเหลียนมากกว่า “แล้วโหยวอี้หงกับลูกชายเป็นยังไงบ้างคะ?”
จิงเจ้อหรงเองก็สนใจแต่เรื่องของตู้หรงหมิง และเขาไม่รู้เรื่องของตระกูลตู้เลยนับจากวันนั้น แต่เป็นเฟิงเยี่ยหานที่พูดขึ้นว่า “ทั้งแม่และลูกชายออกจากบ้านตระกูลตู้ไปแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ไปอาศัยอยู่กับจางหย่งชางหรอก ทั้งสองคนไปหาที่อยู่ใหม่ด้วยตัวเองน่ะ”
“ตอนนี้เลยเหลือแค่ตู้จ้งเหว่ยคนเดียวที่อยู่ในบ้านตระกูลตู้”
“ใช่… เขาอยู่คนเดียว”
ถังซวงนึกได้ว่าวันนี้ถังชุนหยานไปหาตู้จ้งเหว่ย และไม่ยอมออกมาทานมื้อเย็นด้วยกัน เธอจึงรู้ว่าการพบกันระหว่างทั้งสองคนคงจะไม่ราบรื่นนัก
“เอาไว้ฉันจะพูดคุยกับชุนหยานทีหลัง”