การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 432 บอกลา
บทที่ 432 บอกลา
บทที่ 432 บอกลา
ถังซวงมาถึงลานของถังชุนหยาน และเห็นอีกฝ่ายนั่งเหม่อลอยจนไม่สังเกตเห็นว่ามีใครมาด้วยซ้ำ
“กำลังคิดอะไรอยู่หรือชุนหยาน”
ทันทีที่เสียงของถังซวงดังขึ้น ถังชุนหยานก็รู้สึกตัว “พี่มาทำอะไรที่นี่คะ”
“วันนี้เธอไปหาตู้จ้งเหว่ยมาใช่ไหม? คุยกันว่ายังไงบ้าง?”
ทันทีที่ถูกถามถึงเรื่องนี้ ถังชุนหยานถอนหายใจหนัก “ไม่ค่อยดีค่ะ พอเราได้เจอกัน เขาบอกฉันว่าอยากอยู่คนเดียว ให้ฉันกลับไปก่อน ฉันก็เลยไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลย”
ถังซวงขมวดคิ้ว
“ดูเหมือนว่าตู้จ้งเหว่ยยังจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่เรื่องพ่อของเขาน่ะ แต่ว่า…” เมื่อนึกถึงท่าทีล่าสุดของตู้จ้งเหว่ย ถังซวงจึงวางแผนรับมืออย่างเลวร้ายที่สุดเอาไว้ “ตู้จ้งเหว่ยคิดว่าเราทำให้เขาเสียใจ เขาเลยไม่อยากจะคุยกับเราละมั้ง”
ถังชุนหยานเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าตู้จ้งเหว่ยกำลังคิดอะไรอยู่ สิ่งเดียวที่สัมผัสได้ในเวลานี้คือตู้จ้งเหว่ยไม่อยากจะพูดคุยกับพวกเธออีกแล้ว
“คงจะเป็นอย่างนั้นค่ะ หลังจากเขาคิดได้ก็ค่อยคุยแล้วกันค่ะ”
ถังชุนหยานอดไม่ได้ที่จะหดหู่ใจ
“พี่สาวซวง บางทีฉันอาจจะไม่เหมาะกับการมีคนรักจริง ๆ ก็ได้ เพราะไม่ว่าจะผ่านการแนะนำหรือหาด้วยตัวเองมันก็ไม่สำเร็จเลยสักครั้ง ฉันไม่อยากมีคนรักอีกแล้ว การอยู่คนเดียวมันก็ดีนะคะ ดูอย่างป้าเกอสิ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
แต่ถังชุนหยานยังโศกเศร้า
เธอถือว่าตู้จ้งเหว่ยเป็นคนรักของตนแล้ว และเป็นคนที่เธออยากจะแต่งงานด้วยในอนาคต แต่หลังจากเกิดเรื่องราวเหล่านี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็เปลี่ยนไป
ถังซวงเดินเข้าหาก่อนจะตบบ่าเพื่อปลอบประโลม “ชุนหยาน อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย ตู้จ้งเหว่ยแค่กำลังตกใจ ไม่แปลกที่เขาจะต้องใช้เวลา เขาอาจจะเย็นชาบ้าง มันก็ไม่ผิดหรอก”
ขณะที่พูดคุย ถังซวงบอกเล่าเรื่องราวของตู้หรงหมิงด้วย
“พ่อของตู้จ้งเหว่ยจะต้องอยู่ในคุกอีกนาน ตู้จ้งเหว่ยคงจะรู้เรื่องนี้แล้ว เลยอารมณ์ไม่ดีและเผลอเย็นชากับเธอไป เรามาให้เวลาเขาสักหน่อยดีกว่านะ”
เวลานี้ถังชุนหยานเริ่มตระหนักถึงบางอย่าง
“เพราะพ่อของเขาถูกตัดสินอย่างนั้น แม้ความสัมพันธ์จะไม่ค่อยดี แต่ตู้จ้งเหว่ยคงเสียใจ เพราะนั่นก็คือพ่อผู้ให้กำเนิดของเขา”
“ใช่ งั้นเราอย่าเพิ่งคิดมากเลย”
ถังซวงกล่าวปลอบโยนถังชุนหยาน และไม่ปฏิเสธคำที่ถังชุนหยานกล่าวก่อนหน้านี้ด้วย
“จริง ๆ เธอก็พูดถูก การอยู่คนเดียวก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้ ป้าเกอยังอยู่คนเดียวได้เลย ยังไงเราก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้เพราะตัวเราเองนะ”
ถังชุนหยานพยักหน้ารับ “ค่ะ ป้าเกอไม่ใช่แค่สวย แต่เธอยังมีความสามารถ อีกอย่างฉันรู้สึกว่าเธอมีความสุขและน่าอิจฉา หลังจากนี้ฉันจะพยายามให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้เรื่องผู้ชายมามีผลกระทบต่อชีวิต และการงานของฉันอีกแล้วค่ะ”
วันนี้เธอเสียเวลาไปทั้งวัน
เพียงเพราะโศกเศร้ากับท่าทีเย็นชาของตู้จ้งเหว่ย และคำพูดที่เย็นชาเหล่านั้นทำให้เธอไม่ได้ทำงานทั้งวัน หากวันนี้เธอเอาเวลามานั่งทำเครื่องสำอาง เธอคงทำเงินได้มากขึ้น ไม่เสียทุกอย่างไปโดยเปล่าประโยชน์
“พี่สาวซวง ขอบคุณนะคะที่ทำให้ฉันคิดได้ ฉันจะตั้งใจทำงาน ไม่อู้แล้วค่ะ”
ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจ เธอไม่ควรจะทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่ควรทำที่สุดคือการหาเงินให้มาก
เห็นแววตาของถังชุนหยานกลับมาสดใสอีกครั้ง ถังซวงยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “ดีแล้วละ ช่วงนี้เธอก็ต้องเรียนด้วย ทำงานด้วย และหลังจากเธอเชี่ยวชาญและมีความรู้เรื่องการจัดการที่เหมาะสมแล้ว ฉันจะให้เธอเป็นผู้รับผิดชอบดูแลสาขาของบริษัทเครื่องสำอางซวงฮวาในเมืองหลวงนะ”
ได้ยินคำพูดของถังซวง ถังชุนหยานก็ตื่นเต้นขึ้นมา เพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการพัฒนาตัวเองอีกแล้ว
“ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันจะตั้งใจค่ะ”
ถังซวงให้กำลังใจถังชุนหยานอีกสักเล็กน้อยก่อนจะกลับออกมา
เมื่อถังซวงกลับมาที่ลาน เธอเห็นว่าถังเซวี่ยกับโม่เจ๋อหยวนก็นั่งคอยอยู่ที่นี่ “รอฉันอยู่หรือคะ?”
เห็นถังซวงกลับมาแล้ว ถังเซวี่ยรีบเดินเข้าหาด้วยรอยยิ้ม “พี่คะ พวกเรามานั่งคุยกันรอพี่ที่นี่ แล้วนี่พี่ชุนหยานว่ายังไงบ้างหรือคะ?”
ถังซวงส่ายศีรษะก่อนจะเล่าเรื่องของถังชุนหยานและตู้จ้งเหว่ยสั้น ๆ ก่อนจะพูดเสริมว่า “ตอนนี้อารมณ์ของตู้จ้งเหว่ยไม่คงที่ เขาเลยไม่มีอารมณ์จะคุยกับชุนหยาน ไว้เราค่อยคุยทีหลังก็ได้”
ถังเซวี่ยถอนหายใจ “พวกเราทำได้แค่ให้กำลังใจห่าง ๆ แต่โชคดีที่พี่สาวชุนหยานมองโลกในแง่ดี กลับมาสดใสได้เร็ว”
“อื้ม”
เฟิงเยี่ยหานพูดขึ้น “เสี่ยวเซวี่ย ดึกมากแล้วนะครับ เดี๋ยวผมไปส่งนะ”
ถังเซวี่ยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ “อื้ม” ขณะพูดอย่างนั้นเธอหันไปโบกมือให้กับถังซวงและโม่เจ๋อหยวน “พี่คะ พี่เขย ฉันกลับก่อนนะ”
“อืม”
เฟิงเยี่ยหานโบกมือลาถังซวงและโม่เจ๋อหยวนด้วย ก่อนจะเดินไปส่งถังเซวี่ยที่ลานของเธอ
ขณะทั้งสองกำลังเดินกลับด้วยกัน จู่ ๆ เฟิงเยี่ยหานก็พูดขึ้น “เสี่ยวเซวี่ย พรุ่งนี้ผมจะกลับเมืองไห่เฉิงแล้วครับ”
“หา… กลับเร็วจัง”
ถังเซวี่ยประหลาดใจกับสิ่งที่เฟิงเยี่ยหานพูด ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลจิงด้วยกันกว่าครึ่งเดือน เธอไม่รู้ตัวเลยว่าวันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หลังจากนึกถึงเรื่องนี้เธอจึงตระหนักได้ว่าเฟิงเยี่ยหานอยู่ในเมืองหลวงมานานพอสมควรแล้ว
“งั้น… พรุ่งนี้เจอกันนะ”
หลังจากถังเซวี่ยไตร่ตรองสักครู่ เธอรู้ว่าเฟิงเยี่ยหานเองก็ทำอะไรเพื่อเธอมากมาย และคราวนี้เขามาที่เมืองหลวงเพราะเป็นห่วงเธอด้วย มันค่อนข้างสมเหตุสมผลถ้าเธอจะไปส่งเขากลับ ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวเองก็มองเฟิงเยี่ยหานดีขึ้นมาก หลังจากนี้ ถ้าหากว่าเธอกับเขาจะคบหากัน… มันก็คงไม่เป็นไรละมั้ง
เฟิงเยี่ยหานยกยิ้มด้วยความยินดี
“ครับ”
แสงสลัว ๆ สาดส่องกระทบใบหน้าเฟิงเยี่ยหาน ถังเซวี่ยเห็นภาพนั้นถึงกับตกตะลึงเล็กน้อย ชายผู้มีใบหน้าเย็นชาเสมอกลับมีรอยยิ้ม เธอไม่ค่อยเห็นเขายิ้มมากนัก และมันทำให้เธอรู้สึกราวกับมีดอกไม้ไฟปรากฏขึ้นตรงหน้า
“คุณหล่อมากเลยละเวลายิ้ม”
เฟิงเยี่ยหานหันมองถังเซวี่ยก่อนจะพูดตอบว่า “งั้นต่อไปผมจะยิ้มให้มากขึ้น”
ถังเซวี่ยตัวแข็งทื่อ “ฉัน… ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“แต่ผมหมายความอย่างนั้น”
เฟิงเยี่ยหานตอบรับเสียงหนักแน่น เขาไม่ต้องการให้ถังเซวี่ยพูดอะไรอีก จึงคว้าแขนเธอไว้แล้ววิ่งทันที
“นี่… เดี๋ยว…”
ถังเซวี่ยถูกดึงไป แม้จะค่อนข้างสับสน แต่หลังจากนั้นเธอก็วิ่งตามเขาไป
หลังจากทั้งสองวิ่งมาถึงลานของถังเซวี่ยแล้ว เฟิงเยี่ยหานก็ปล่อยมือของเธอ เขาเห็นว่าเธอกำลังหอบอย่างหนักจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจเรื่องไหนก่อนดี แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าระยะห่างระหว่างเขากับถังเซวี่ยลดลงไปมาก และมันทำให้เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก