การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 434 รั้ง
บทที่ 434 รั้ง
บทที่ 434 รั้ง
เขาเพียงมองถังชุนหยานอีกครั้งก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วเดินออกไป
เมื่อเห็นตู้จ้งเหว่ยจะจากไปจริง ๆ ถังชุนหยานอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง เธอตะโกนออกไปว่า “ตู้จ้งเหว่ย พี่จะกลับมาอีกไหม?”
ได้ยินอีกฝ่ายถาม ตู้จ้งเหว่ยหันศีรษะกลับมาก่อนจะตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่”
“อื้ม หวังว่าพี่จะมีอนาคตที่ดีนะ”
ตู้จ้งเหว่ยจ้องมองถังชุนหยานอยู่สักพัก ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมา
ถังชุนหยานมองแผ่นหลังของตู้จ้งเหว่ยที่กำลังห่างไกลออกไป ในใจของเธอรู้สึกสับสนเล็กน้อยแต่สุดท้ายเธอเพียงส่ายศีรษะเพื่อละทิ้งความคิดต่าง ๆ สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือการเรียนและการหาเงิน เธอจะต้องทำงานให้หนักขึ้นในอนาคต
คิดได้อย่างนั้น ถังชุนหยานฝืนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับเช่นกัน
ถังซวงที่เห็นถังชุนหยานเดินเข้ามาจึงถามทันที “ตู้จ้งเหว่ยมาหาเธอหรือ เขาว่ายังไงบ้าง?”
ถังชุนหยานเล่าเรื่องที่ตู้จ้งเหว่ยมาบอกลา “ไม่รู้ว่าตู้จ้งเหว่ยจะกลับมาที่เมืองหลวงอีกไหม เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วละค่ะ”
“ตู้จ้งเหว่ยไปแล้วหรือ?”
ถังซวงไม่คิดว่าตู้จ้งเหว่ยจะไปจากเมืองหลวง แม้แต่โม่เจ๋อหยวนก็คาดไม่ถึงเช่นกัน “ตู้จ้งเหว่ยไม่จำเป็นต้องออกจากเมืองหลวง… ถ้าเขามีปัญหาอะไรก็แค่บอกกับพวกเรา”
ได้ยินโม่เจ๋อหยวนพูดอย่างนั้นแล้ว ถังซวงพยักหน้ารับอย่างอดไม่ได้ “ใช่ค่ะ ถ้าเขามีอะไรขาดเหลือก็สามารถมาหาพวกเราได้”
ถังชุนหยานส่ายศีรษะก่อนจะพูดต่อว่า “พี่สาวซวง ตู้จ้งเหว่ยตัดสินใจว่าจะไปแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ ส่วนฉันขอตัวไปทำงานที่ค้างไว้ก่อนนะคะ วันนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ฉันต้องทำ”
“งั้นไปจัดการตัวเองเถอะ”
หลังจากถังชุนหยานจากไปแล้ว ถังเซวี่ยก็ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าพี่ชุนหยางกับตู้จ้งเหว่ยจะไม่ใช่คู่กันจริง ๆ นะคะ หลังเกิดเรื่องขึ้น ทั้งสองคนก็ห่างกัน อีกอย่างตอนนี้ตู้จ้งเหว่ยกำลังจะออกจากเมืองหลวงด้วย”
ถังซวงพยักหน้า “ใช่ ดูเหมือนทั้งสองคนคงต้องเลิกกัน แต่ชุนหยานก็ยังอยู่ดี เพราะงั้นเราไม่ควรกังวลเรื่องนี้หรอก”
“อื้ม ฉันสัมผัสได้ว่าพี่ชุนหยานอารมณ์ค่อนข้างดีค่ะ”
หลังจากพูดคุยกัน ถังเซวี่ยเตรียมกลับไปที่ห้องของตัวเอง แต่เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน
หลังจากถังเซวี่ยจากไปแล้ว โม่เจ๋อหยวนครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะพูดว่า “ความจริงแล้ว… ตู้จ้งเหว่ยไม่เห็นจะต้องออกจากเมืองหลวงเลย ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ในเมื่อพี่คิดอย่างนั้น พี่ก็ควรหาเวลาไปคุยกับตู้จ้งเหว่ยแล้วให้เขาตัดสินใจอีกที ยังไงตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ออกจากเมืองหลวงก็ได้”
“อื้ม งั้นฉันจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้เลย”
โม่เจ๋อหยวนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เมื่อถังซวงเองก็เห็นด้วย เขาจึงวางแผนว่าจะไปหาตู้จ้งเหว่ย ไม่ใช่เพราะเขากับตู้จ้งเหว่ยมีความสัมพันธ์ที่ดี แต่เพราะเขารู้ว่าตู้จ้งเหว่ยเป็นเพื่อนของถังซวง เขาจึงต้องการคุยกับตู้จ้งเหว่ยสักครั้ง
ตอนนี้ตู้จ้งเหว่ยกำลังจัดกระเป๋าอยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นโม่เจ๋อหยวนมา ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“โม่เจ๋อหยวน? มาทำอะไรที่นี่”
โม่เจ๋อหยวนเห็นตู้จ้งเหว่ยพร้อมกระเป๋าเดินทาง ก็พูดขึ้นอย่างสบาย ๆ “กำลังเก็บของหรือ? ฉันได้ยินจากชุนหยานว่านายจะไปจากเมืองหลวง ไปอาศัยที่บ้านคุณย่า”
แม้เขาจะไม่รู้ว่าโม่เจ๋อหยวนต้องการอะไร แต่ตู้จ้งเหว่ยก็พยักหน้ารับก่อนจะพูดตอบ “อืม ฉันจะไปอยู่ที่บ้านคุณย่า”
“ความจริง… นายไม่จำเป็นต้องออกจากเมืองหลวงเลยนี่ ไม่เห็นจะเป็นอะไร พวกเรามีเพื่อนตั้งเยอะอยู่ที่นี่ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลย ถ้ารู้สึกไม่อยากจะอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียว ฉันสามารถให้ใครสักสองสามคนมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลนายได้นะ”
ได้ยินอย่างนั้น ตู้จ้งเหว่ยเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะถามว่า “ถังซวงบอกให้นายมาที่นี่หรือ?”
โม่เจ๋อหยวนส่ายศีรษะ “ฉันมาที่นี่ด้วยตัวเอง ซวงเอ๋อร์เป็นเพื่อนของนาย และฉันก็เป็นเพื่อนนายด้วย เลยอยากจะให้ลองคิดใหม่อีกครั้งดูน่ะ”
ตู้จ้งเหว่ยไม่แม้แต่จะคิดและปฏิเสธทันที “ไม่จำเป็น ฉันคุยกับคุณย่าแล้ว และจะออกเดินทางวันนี้เลย เดี๋ยวลุงของฉันจะมารับ ฉันไม่จำเป็นต้องรบกวนพวกนาย”
ตู้จ้งเหว่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา จนทำให้โม่เจ๋อหยวนขมวดคิ้วสงสัย
“นี่… นายเกลียดพวกเรา?”
ตู้จ้งเหว่ยไม่ได้ยอมรับตามตรง แต่ก็ไม่ปฏิเสธ “ฉันถือว่าถังซวงเป็นเพื่อนของฉันจริง ๆ แต่ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน ทำไม… ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ เธอเปิดโปงโหยวอี้หงกับตู้จ้งเหลียนมันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ทำไมต้องจับพ่อฉันเข้าคุกด้วย เพราะเธอทำให้ฉันต้องอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้”
สีหน้าของโม่เจ๋อหยวนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที
“ตู้จ้งเหว่ย ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินนายสูงเกินไป นี่นายโกรธซวงเอ๋อร์สินะ ฉันโง่เองที่มาคุยและอยากจะให้นายอยู่ต่อ เฮ้อ ถ้านายอยากจะไปอยู่ที่บ้านคุณย่า ก็รีบไปเถอะ”
“นาย…”
ตู้จ้งเหว่ยถึงกับส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันเมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนเปลี่ยนท่าทีไป “นายจะให้ฉันอยู่ที่นี่ไปทำไม? ยังไงนายก็ไม่เคยคิดจะให้ฉันอยู่ที่นี่อยู่แล้วนี่”
“ตู้จ้งเหว่ย นี่นายไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้หรือว่าพ่อตัวเองทำอะไรไว้บ้าง? นายคิดว่าพ่อของนายไม่ควรถูกจับเข้าคุกเพราะทำเรื่องพวกนั้นหรือไง? หรือเพราะตู้หรงหมิงเป็นพ่อของนาย นายถึงอยากจะให้เขารอดพ้นจากเรื่องที่เขาก่อ?”
“ฉัน… ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
ตู้จ้งเหว่ยเองก็รู้ดีว่าพ่อของเขาทำผิด แต่ไม่ว่ายังไง ตู้หรงหมิงก็คือพ่อของเขา ต่อจากนี้พ่อของเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในคุก ส่วนเขาก็กลายเป็นคนที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เขากำลังโศกเศร้าและเจ็บปวด อีกอย่างต้นเหตุมันมาจากถังซวงและครอบครัวที่ทำเรื่องเหล่านี้ เพราะพวกหล่อนรายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบน
แม้เขาจะรู้แก่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำผิด แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ เขาถือว่าถังซวงเป็นเพื่อนและพี่สาวที่เขาเคารพเสมอมา แต่ว่าเธอ… คือคนที่ทำให้เขาต้องสูญเสียครอบครัวไป
ตู้จ้งเหว่ยไม่พูดอะไร แต่การแสดงออกนั้นชัดเจนมาก โม่เจ๋อหยวนจึงไม่มีจิตใจที่จะอยู่พูดคุยกับอีกฝ่ายอีกต่อไป “เดินทางปลอดภัยล่ะตู้จ้งเหว่ย ลาก่อน”
ตู้จ้งเหว่ยมองแผ่นหลังของโม่เจ๋อหยวนที่กำลังเดินออกไป เขารู้สึกหดหู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก เวลานี้เขาตระหนักได้ว่ามิตรภาพระหว่างเขากับถังซวงแตกหักไม่เหลือชิ้นดี และรู้ว่าทุกสิ่งไม่มีทางหวนคืนได้ เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วเขาเริ่มเก็บของ ไม่นานนักก็มีรถขับมาจอดที่หน้าประตูบ้าน ตู้จ้งเหว่ยยกกระเป๋าก่อนจะเดินทางออกจากเมืองหลวงทันที