การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 444 ข่าวของซ่างสยงเยี่ย
บทที่ 444 ข่าวของซ่างสยงเยี่ย
บทที่ 444 ข่าวของซ่างสยงเยี่ย
ถังซวง โม่เจ๋อหยวน และเฟิงเยี่ยหานออกเดินทางอย่างรวดเร็ว ทั้งสามเดินทางสู่เมืองก่างเฉิงโดยไม่คิดหยุดพัก
“ซวง… เสี่ยวฮวา เราไปหาที่พักกันก่อนดีไหม”
โม่เจ๋อหยวนมองถังซวงก่อนจะถามถึงแผนการต่อไปของพวกเขา
ถังซวงพยักหน้ารับก่อนจะตอบว่า “อื้ม เราไปหาที่พักกันก่อน แล้วค่อยออกมาเดินเล่นทีหลังแล้วกัน” แม้ถังซวงจะดูอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสภาพเมืองก่างเฉิงในตอนนี้ แต่เธอก็เดินตามโม่เจ๋อหยวนไปอย่างเชื่อฟัง
เฟิงเยี่ยหานเองไม่เผยอารมณ์ผ่านสีหน้า แม้จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปแล้ว แต่สีหน้าของเขายังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งสามคนหาที่พัก ก่อนจะออกไปเดินซื้อของบนถนน
“เมืองก่างเฉิงนี่เจริญดีจังเลยนะ พวกเราจะทำงานและเก็บเงินได้จากการเดินทางครั้งนี้แน่นอน” โม่เจ๋อหยวนแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเขาเพิ่งมาที่เมืองก่างเฉิงเป็นครั้งแรก และดูจะพร้อมรับมือกับงานหนัก
ส่วนเฟิงเยี่ยหานไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงออกคำสั่งให้คนของตัวเองเริ่มสืบข้อมูลอย่างลับ ๆ
ส่วนคนที่มากับถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็ได้รับคำสั่งอย่างลับ ๆ ด้วยเช่นกัน
ทั้งสามเดินเล่นสักครู่ก่อนจะกลับไปที่พักของตัวเอง เมื่อมองผิวเผินแล้วพวกเขาไม่ต่างอะไรจากนักท่องเที่ยวที่กำลังจะพักผ่อน
“ซวงเอ๋อร์ คนของเรากำลังออกไปสืบข่าวเรื่องนี้แล้ว แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย เธอนอนก่อนเถอะ” โม่เจ๋อหยวนกังวลว่าถังซวงจะเหนื่อยเพราะพวกเขาเดินทางค่อนข้างนานพอสมควร
เฟิงเยี่ยหานเองก็พยักหน้าเห็นด้วยหลังได้ยินอย่างนั้น “ใช่ครับ วันนี้เราพักผ่อนกันก่อนดีกว่า”
ถังซวงส่ายศีรษะก่อนจะพูดว่า “ฉันยังไม่เหนื่อย ถ้าพวกคุณเหนื่อยก็พักผ่อนได้เลย” เธอค่อนข้างแข็งแกร่ง จึงไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอะไร
ได้ยินถังซวงตอบกลับมาอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานไม่พูดอะไรต่อ เพียงตอบกลับว่า “พวกเราก็ยังไม่เหนื่อย”
ทั้งสามคนเริ่มกินอาหาร ก่อนจะรอการกลับมาของหน่วยข่าวกรอง
“ท่านผู้นำโถง เราได้พบกับคนของคุณเฟ่ยแล้ว และได้ข่าวบางอย่างมาครับ”
เวลานี้มีสองคนจากโถงยี่ชีมาที่เมืองก่างเฉิงด้วย แต่พวกเขาไม่ได้ไปสืบจากแหล่งโดยตรง แต่ไปพบเฟ่ยไห่ชางก่อน
ถังซวงหันไปถามทันที “รู้อะไรบ้าง?”
“เกี่ยวกับซ่างสยงเยี่ยครับ แหล่งข่าวจากเมืองก่างเฉิงบอกเราว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลซ่าง แล้วหลังจากเรื่องนี้ก็ไม่มีใครทราบข่าวของซ่างสยงเยี่ยเลย ไม่มีใครได้พบเขาอีก”
“อะไร…”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของถังซวงมืดมนทันที “ไม่มีข่าวของซ่างสยงเยี่ยงั้นหรือ แล้วป้าเกอจะมาที่เมืองหลวงทำไมล่ะ”
โม่เจ๋อหยวนที่นั่งอยู่ด้านข้างคาดเดาขึ้นว่า “หรือเป็นเพราะซ่างสยงเยี่ยหายตัวไป ป้าเกอเลยมาตามหาเขา?”
เฟิงเยี่ยหานขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้ แต่… ป้าเกอจะมาหาเขาเพียงลำพังเนี่ยนะ?”
ขณะที่กำลังคาดเดา คนของเฟิงเยี่ยหานและโม่เจ๋อหยวนกลับมา พวกเขาบอกข่าวของซ่างสยงเยี่ยที่ได้รับ และก็นำข่าวของตระกูลซ่างกลับมาด้วย
“ตอนนี้ตระกูลซ่างไม่ได้อยู่ในความดูแลของซ่างสยงเยี่ยแล้ว แต่เป็นซ่างสยงซานพี่ชายของซ่างสยงเยี่ยดูแลแทน”
ถังซวงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ซ่างสยงซานเป็นใคร? ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย” ก่อนหน้านี้ตระกูลซ่างทั้งหมดอยู่ในความดูแลของซ่างสยงเยี่ย พวกเขาจึงไม่คุ้นเคยเมื่อได้ยินชื่อสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลซ่างเลย
โม่เจ๋อหยวนมองดูข้อความในมือก่อนจะพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เธอคงไม่รู้จักซ่างสยงซาน แต่เธอน่าจะรู้จักซ่างหมิงซู่ เขาเป็นหลานชายของซ่างสยงเยี่ย และซ่างซยงซานคือพ่อของเขา”
เวลานี้ถังซวงตกตะลึงไปชั่วขณะ “อ้อ เป็นพ่อของซ่างหมิงซู่ ฉันจำได้ว่าซ่างสยงเยี่ยให้ความสำคัญกับหลานชายคนนี้มาก และพาเขาไปไหนมาไหนด้วยตลอด”
“ใช่ เพราะซ่างสยงเยี่ยไม่ได้แต่งงานและไม่มีลูก เขาเลยเลี้ยงดูหลานชายอย่างดี แต่เวลานี้พ่อของซ่างหมิงซู่กลับเข้ามาดูแลกิจการของครอบครัว จะต้องมีอะไรผิดปกติแน่”
ถังซวงรู้สึกว่าเรื่องในตระกูลซ่างค่อนข้างซับซ้อน
“เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลซ่างจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของป้าเกอ?”
“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ แต่ฉันคิดว่ามันเกี่ยวข้องกันแน่”
เฟิงเยี่ยหานพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “ในเมื่อพวกเรารู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลซ่าง เวลานี้ควรเจาะจงไปที่ตระกูลซ่างเพื่อให้ทุกอย่างรวดเร็วขึ้นดีกว่า”
ถังซวงพยักหน้ารับ “อื้ม เราจะตรวจสอบตระกูลซ่าง”
ในตอนท้าย ถังซวงยืนขึ้นก่อนจะพูดว่า “ฉันจะไปที่บ้านคุณลุง เรื่องตระกูลซ่างอะไรนี่ คุณลุงกับคนอื่น ๆ น่าจะพอรู้อะไรบ้าง”
โม่เจ๋อหยวนยืนขึ้น “ซวงเอ๋อร์ ฉันจะไปด้วย”
เฟิงเยี่ยหานที่ได้ยินอย่างนั้นก็พูดออกไปว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณรีบไปเถอะ ผมจะอยู่ฟังข่าวที่นี่ แล้วถ้ามีรายงานอะไรอีกจะรีบส่งข่าวให้พวกคุณทราบ”
“อืม งั้นรบกวนคุณด้วย”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนออกจากที่พักไปที่ตระกูลเฮ่อ
เมื่อมาถึง เฮ่อเจียรุ่ยออกมาเปิดประตู แต่เพราะทั้งสองคนปลอมตัวมาจึงทำให้เฮ่อเจียรุ่ยจำไม่ได้ ถังซวงจึงกล่าวกระซิบว่า “พี่คะ ฉันเองค่ะ”
“เธอ… เธอ…”
เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย เฮ่อเจียรุ่ยมองคนแปลกหน้าทั้งสองด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อตั้งสติได้เขาจึงเชิญทั้งสองเข้ามาด้านใน
เฮ่อจื่อกุยและพานลี่ฮวาเองก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อได้พบกับถังซวงและโม่เจ๋อหยวนในรูปลักษณ์แบบนี้ แต่พวกเขาก็ยกยิ้มยินดี “ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน ทำไมเธอสองคนถึงมาที่เมืองก่างเฉิงได้ล่ะจ๊ะ? แล้ว… ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้?”
ถังซวงเล่าเรื่องราวทั้งหมดสั้น ๆ ว่าพวกเขามาที่เมืองก่างเฉิงเพื่อตามหาเกอชิงเหม่ย และก็บอกถึงข้อสงสัยของตัวเอง
เฮ่อจื่อกุยถึงกับตกใจเมื่อฟังที่ถังซวงเล่า
“หืม… เธอคิดว่าตระกูลซ่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับเกอชิงเหม่ยที่หายตัวไปงั้นหรือ?”
“ค่ะ ป้าเกอมาที่เมืองก่างเฉิงเพื่อตามหาซ่างสยงเยี่ย แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีข่าวคร่าวของซ่างสยงเยี่ยเลย และไม่มีข่าวหลังจากที่ป้ามาถึงเมืองก่างเฉิงด้วย ฉันเลยคิดว่ามันน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลซ่างค่ะ” ถังซวงถามเรื่องซ่างสยงเยี่ยอีกครั้ง
“คุณลุงรู้ไหมว่าซ่างสยงเยี่ยหายไปไหน ทำไมจู่ ๆ เขาถึงหายตัวไปอย่างนี้? แล้วไหนจะยังมีเรื่องที่พี่ชายของเขาที่กลับมาดูแลกิจการของตระกูลซ่างนั่นอีก”
ทันทีที่พูดถึงตระกูลซ่าง เฮ่อจื่อกุยขมวดคิ้วก่อนเผยสีหน้ารังเกียจชัดเจน
“ถึงซ่างสยงเยี่ยจะมีความสามารถทางธุรกิจมากพอตัว แต่ก็น่าเสียดายที่เขาให้ความสำคัญกับความรักและความยุติธรรมมากเกินไปจนกลายเป็นช่องโหว่ให้พี่ชายตัวเองเล่นงาน แต่ที่แปลกก็คือซ่างสยงซานไม่เคยได้รับตราประทับของตระกูลซ่าง แต่เมื่อสองวันก่อนเกิดเรื่องประหลาดขึ้น ซ่างสยงซานได้รับตราประทับตระกูลซ่างก่อนจะขึ้นควบคุมทุกอย่างของตระกูลซ่าง ส่วนเอกสารสำคัญภายในตระกูลซ่างในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาก็เป็นเขาที่ดูแลจัดการมันทั้งหมด”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ที่เลวร้าย
“ได้รับตราประทับเมื่อสองวันที่แล้วงั้นหรือคะ?”