การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 445 สืบหาร่องรอย
บทที่ 445 สืบหาร่องรอย
บทที่ 445 สืบหาร่องรอย
โม่เจ๋อหยวนเห็นสีหน้าเป็นกังวลของถังซวง ก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ซวงเอ๋อร์ เราต้องตรวจสอบซ่างสยงซานอย่างระมัดระวังตัวที่สุด และฉันมั่นใจว่าเราจะพบเจอบางอย่าง บางทีอาจจะได้พบกับป้าเกอด้วยก็ได้นะ”
ถังซวงที่ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย พอได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับ “เราจะตรวจสอบซ่างสยงซาน เรื่องทั้งหมดนี้มันต้องเป็นเพราะเขาแน่นอน”
เฮ่อจื่อกุยที่นั่งอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้น “ไม่ต้องห่วงนะซวงเอ๋อร์ เดี๋ยวลุงจะช่วยสืบหาเบาะแสเรื่องนี้ด้วย”
ถังซวงได้ติดต่อเขามาก่อนหน้านี้ ทันทีที่ทราบข่าว เขาก็เริ่มออกตามหาเกอชิงเหม่ยทันที แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวพันกับตระกูลซ่างมาก่อน เมื่อได้รับเบาะแสอย่างนี้ ก็เป็นเรื่องดีที่จะได้เจาะจงสืบสวนไปที่ตระกูลซ่างโดยตรง
เมื่อทุกคนพูดคุยกันเสร็จ พานลี่ฮวายกยิ้มก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน คืนนี้พวกเธอสองคนอยู่ที่นี่สิจ๊ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้พบเจอเธอสองคนตั้งนาน พวกเขาคงจะดีใจมาก” ตอนนี้ดึกแล้ว อาวุโสทั้งสองคนเข้านอนไปเสียแล้ว พวกเขาจึงไม่มีโอกาสได้พบถังซวงและโม่เจ๋อหยวน
แม้ถังซวงจะอยากอยู่ต่อ แต่เธอเกรงว่าจะมีใครบางคนจับตามองอยู่ “คุณป้าคะ พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ได้ หลังจากเราจัดการเรื่องป้าเกอเรียบร้อยแล้ว เราจะกลับมานะคะ”
“จ้ะ ไม่เป็นไร”
พานลี่ฮวายกยิ้มก่อนจะนึกได้ว่าเฮ่อหลานคลอดลูกแล้ว จึงถามไถ่ “ซวงเอ๋อร์ เฮ่อหลานคลอดแล้วใช่ไหม พวกเขาเป็นยังไงบ้าง แล้วแม่ของเธอสบายดีไหมจ๊ะ?”
พวกเขาตื่นเต้นและดีใจมากที่รู้ว่าเฮ่อหลานให้กำเนิดลูกแฝด เป็นลูกชายและลูกสาว พวกเขาแทบจะมุ่งหน้าไปเมืองหลวงในทันที แต่ก็ต้องยั้งตัวเองและคิดว่าจะรอให้เด็กน้อยทั้งสองคนครบขวบเสียก่อนจะดีกว่า
“คุณลุง คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แม่สบายดีและน้องสองคนก็แข็งแรงมากค่ะ”
“อย่างนั้นก็ดีแล้วจ้ะ”
ทั้งเฮ่อจื่อกุยและพานลี่ฮวาต่างโล่งอกเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะยังไงเฮ่อหลานก็อายุมากแล้ว และเธอตั้งครรภ์แฝด มันทำให้พวกเขากังวลไม่น้อยในคราวแรก
เวลานี้พานลี่ฮวาถามไถ่ถังซวงไม่หยุด ก่อนจะปล่อยให้ถังซวงและโม๋เจ๋อหยวนกลับออกไปเมื่อรู้แล้วว่าทุกคนยังสบายดี
ทั้งสองมองแผ่นหลังของถังซวงและโม่เจ๋อหยวนที่จากไป พานลี่ฮวาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “คุณพ่อกับคุณแม่คงเสียใจน่าดูถ้าพวกเขารู้ว่าถังซวงมาที่นี่ ทั้งสองคิดถึงอาหลานกับซวงเอ๋อร์มากเลย”
“เฮ้อ… ใครกันที่ทำให้พี่สาวของอาหลานหายตัวไป อีกอย่างตอนนี้อาหลานก็เพิ่งคลอดลูกด้วย ทุก ๆ อย่างรุมเร้าเข้ามาพร้อมกันอย่างนี้ ซวงเอ๋อร์คงจะรับมือหลายสิ่งหลายอย่างลำบากหน่อย”
เฮ่อจื่อกุยเข้าใจอารมณ์ของถังซวงในตอนนี้ดี สาวน้อยคนนั้นต้องแบกรับหลายสิ่งหลายอย่างมากเหลือเกิน
พานลี่ฮวาได้ยินสามีพูดอย่างนั้นพลันถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ค่ะ สิ่งที่ซวงเอ๋อร์กำลังเผชิญไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ฉันได้แต่หวังว่าจะพบเจอพี่สาวอาหลานเร็ว ๆ แต่ว่า…” พานลี่ฮวาอดไม่ได้ที่จะนึกสงสัย “พี่สาวของอาหลานจะไปเกี่ยวข้องกับซ่างสยงเยี่ยได้ยังไงกันคะ? พวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์กันงั้นหรือคะ?”
เฮ่อจื่อกุยเหลือบมองภรรยาก่อนจะกล่าวสั้น ๆ “ไม่ใช่เวลาจะมาพูดถึงเรื่องนี้นะ”
“ค่า ๆ ฉันไม่ถามแล้ว คุณนั่นแหละรีบไปจัดการหาเบาะแสเรื่องนี้เถอะ”
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกลับมายังที่พักและเห็นว่าเฟิงเยี่ยหานยังไม่เข้านอน
เฟิงเยี่ยหานเห็นทั้งสองกลับมา ก็พาทั้งสองคนเข้ามาในห้องของตนเองทันที “พวกคุณกลับมาสักที ถ้าพวกคุณยังไม่กลับมา ผมคิดว่าจะออกไปหาแล้วนะเนี่ย”
ถังซวงได้ยินแล้วจึงรีบถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
เฟิงเยี่ยหานกล่าวด้วยแววตาเปล่งประกาย “ผมเจอเบาะแสบางอย่างน่ะ ผมสงสัยว่าป้าเกอน่าจะอยู่ที่นั่น แต่ว่าเฟิงเอ้อร์ไม่พบคนอื่น ๆ เลย”
“คุณเจอเบาะแสอะไร?”
เฟิงเยี่ยหานเล่าเรื่องทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง
“เฟิงเอ้อร์และคนอื่น ๆ แอบตามซ่างหมิงซู่และพบว่าเขาไปที่โรงงานร้างตามลำพัง พวกเขาจึงสงสัยว่าจะมีบางอย่างผิดปกติที่นั่น หลังจากซ่างหมิงซู่ออกไปแล้ว เฟิงเอ้อร์กับคนอื่นเลยลอบเข้าไปโรงงานร้างแห่งนั้นแต่ก็ไม่พบอะไร”
เฟิงเยี่ยหานดูสับสน
“ที่โรงงานร้างนั่นจะต้องมีอะไรแน่ ไม่อย่างนั้นซ่างหมิงซู่จะไปที่นั่นทำไม?”
ถังซวงยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเรารู้สึกว่ามันมีบางอย่าง งั้นเราไปตรวจสอบมันด้วยกันเถอะ”
เฟิงเยี่ยหานถึงกับตกตะลึง
“เราจะไปกันตอนนี้เลยหรือครับ?”
“ใช่ ตอนนี้แหละ”
ถังซวงไม่ชอบทิ้งความสงสัยไว้ข้ามคืน เวลานี้เธอรู้สึกว่าโรงงานร้างแห่งนั้นมีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงอยากจะไปที่นั่นทันที
ถังซวงรู้สึกขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจเฉียบขาด ถ้าเธอลังเล เกอชิงเหม่ยและคนอื่น ๆ อาจจะตกอยู่ในอันตรายนานกว่านี้
ส่วนโม่เจ๋อหยวนไม่ได้พูดอะไร และทำตามที่ถังซวงตัดสินใจอย่างว่าง่าย
“อื้ม ไปกันเถอะ”
เฟิงเยี่ยหานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “อืม ไปก็ไป” แน่นอนว่าเสียงส่วนน้อยย่อมแพ้เสียงส่วนมาก เขาจึงต้องตามถังซวงและโม่เจ๋อหยวนไปด้วย
เมื่อทั้งสามคนมาถึงโรงงานร้าง เฟิงเยี่ยหานเอ่ยขึ้นมาตามตรงว่า “ที่นี่แหละ ผมอยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรอยู่ข้างใน”
ถังซวงมองดูโรงงานร้างตรงหน้าก่อนจะเดินนำเข้าไป แต่เธอกลับหยุดฝีเท้า โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานเองก็ด้วยเช่นกัน
“เอ่อ…”
ถังซวงหันมองเฟิงเยี่ยหานก่อนที่เขาจะถามอะไร
เมื่อเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของถังซวงแล้ว เฟิงเยี่ยหานเข้าใจในทันที ดูเหมือนการคาดเดาของเขาจะถูกต้องเสียแล้ว เกอชิงเหม่ยน่าจะอยู่ข้างในนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมาที่นี่ทำไม
เมื่อเห็นเฟิงเยี่ยหานไม่พูดอะไร ถังซวงจึงลากเขาและโม่เจ๋อหยวนไปหลบในมุมหนึ่งซึ่งไม่ไกลนัก
หลังจากซ่อนตัว ถังซวงกล่าวกระซิบ “มีคนลาดตระเวนรอบโรงงานนี้ ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเราถูกจับได้หรือยัง” ถังซวงพูดต่อ “ต้องมีบางอย่างอยู่ในนี้แน่ ๆ เราต้องเข้าไปด้านใน”
“แล้วทำไมเราต้องมาซ่อนตัวตรงนี้”
ทั้งเฟิงเยี่ยหานและโม่เจ๋อหยวนเป็นชายร่างสูง แขนขายาว การมาหลบซ่อนในมุมแคบ ๆ ทำให้พวกเขาอึดอัดไม่น้อย
ถังซวงได้ยินเฟิงเยี่ยหานพูด เธอก็ชำเลืองมองเขาก่อนจะเอ่ยปาก “ถ้าเรายังไม่ถูกพบ เราก็ทำตามแผนช้า ๆ แต่ถ้าถูกพบแล้ว เราต้องลงมือทันที ตอนนี้ฉันเลยอยากซ่อนตัวก่อนเพื่อตรวจสอบว่ามีคนเห็นเราหรือยัง”
ถังซวงอธิบายสั้น ๆ และเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ คนพวกนั้นยังไม่เจอพวกเขาทั้งสามคน
“เดี๋ยวฉันให้เหลิ่งตงออกไปสำรวจก่อน”
ถังซวงนึกถึงแผนการมากมายอยู่ในหัว และเอ่ยปากให้เหลิ่งตงออกไปลาดตระเวนดูรอบ ๆ ก่อนว่าโรงงานร้างนี้มีคนป้องกันอยู่หรือไม่ และจะจัดการยังไง
โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานเห็นด้วยกับแผนการของถังซวง เวลานี้พวกเขาส่งคนของตัวเองออกไปช่วยเหลิ่งตงด้วย
“ไปกันเถอะ”