การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 446 ประตูลับ
บทที่ 446 ประตูลับ
บทที่ 446 ประตูลับ
เมื่อเห็นว่าถังซวงกำลังจะเข้าไป โม่เจ๋อหยวนรีบพูดเสียก่อน “ซวงเอ๋อร์ เราควรเริ่มลงมือหลังจากเหลิ่งตงกับคนอื่น ๆ กลับมาก่อนนะ”
เฟิงเยี่ยหานกล่าวเสริม “ใช่ ผมให้เฟิงเอ้อร์กับคนอื่น ๆ ไปที่นั่นแล้วเหมือนกัน และหลังจากเราจัดการกับพวกลาดตระเวนนั่นเสร็จแล้ว เราค่อยเข้าไปจะดีกว่าครับ”
เวลานี้ถังซวงกลับใจร้อน
“ไม่เป็นไร ฉันทำได้ ฉันจะเข้าไปช่วยพวกเขา”
โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานรู้ฝีมือของถังซวงดี เมื่อเห็นว่าเธอรอไม่ไหวแล้ว พวกเขาจึงไม่ขัดอะไร “งั้นไปด้วยกัน”
ทั้งสามคนติดตามเหลิ่งตงและคนอื่น ๆ เข้าไปด้านใน ไม่นานพวกเขาได้เจอกับทีมลาดตระเวนจริง ๆ ถังซวงวิ่งเข้าไปคนแรกพร้อมจัดการคนเหล่านั้นก่อนที่พวกเขาจะอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ ส่วนผู้นำของกลุ่มลาดตระเวนถูกเหลิ่งตงควบคุมตัวได้แล้ว เฟิงเอ้อร์และคนอื่น ๆ ก็ไม่น้อยหน้า ทั้งหมดจัดการได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่มีใครทันได้ส่งเสียงร้องแม้แต่นิดเดียว
โม่เจ๋อหยวนเห็นว่าทุกคนถูกควบคุมตัวไว้หมดแล้ว เขาจึงนำทั้งหมดไปมัดรวมกันไว้ในที่แห่งหนึ่ง
“เอาละ ไปกันต่อเถอะ”
ในฝั่งของถังซวง ทุกคนที่ติดตามเธอล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ ดังนั้นพวกเขาจึงควบคุมผู้ที่ลาดตระเวนอยู่ด้านนอกอย่างรวดเร็ว เวลานี้ถังซวง โม่เจ๋อหยวน และเฟิงเยี่ยหานเข้าไปด้านในได้สำเร็จ แต่ก็มีเรื่องน่าประหลาดใจเพราะสถานที่นี่ไม่มีอะไรเลย
เฟิงเอ้อร์หันมองโรงงานร้างที่ว่างเปล่า “คุณถังซวงครับ ตอนพวกเรามาที่นี่ ยังไม่มีคนเดินลาดตระเวนภายนอกเลย แล้วข้างในก็ยังว่างเปล่า แต่มันต้องมีอะไรแน่ครับ ถ้าไม่อย่างนั้นซ่างหมิงซู่จะมาที่นี่ทำไม? อีกอย่างวันนี้ก็มีคนมาลาดตระเวนรอบโรงงานด้วย”
“ใช่ ต้องมีอะไรอยู่ที่นี่แน่”
ถังซวงมองดูโรงงานร้างโดยรอบแต่ก็ไม่พบอะไร เวลานี้เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงถังเซวี่ย ถ้าถังเซวี่ยอยู่ที่นี่ด้วย น่าจะพบเจอบางอย่าง แต่ตอนนี้เธอต้องค้นหาสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเองแล้ว
“โรงงานนี้ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้าง”
เฟิงเยี่ยหานมองดูสิ่งทรุดโทรมรอบตัวก็ขมวดคิ้วแน่น
แม้แต่โม่เจ๋อหยวนเองก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะหลังจากตรวจดูรอบ ๆ แต่กลับไม่พบอะไรเลย ขณะที่เขากำลังจะหันมาเรียกถังซวง ถังซวงกลับยกนิ้วส่งสัญญาณให้เงียบ เห็นอย่างนั้นพวกเขาส่งสัญญาณต่อทันที
ทุกคนเงียบเสียงและปิดปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงของตนรบกวนถังซวง
เวลานี้ถังซวงมองสภาพแวดล้อมที่ยุ่งเหยิงตรงหน้า มีเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ไม่ได้ล้มลงกับพื้น เธอเดินไปจ้องมองมันด้วยความสงสัยก่อนจะเดินไปรอบ ๆ เอามือคลำตามกำแพงสักครู่ก่อนจะมีเสียง ‘แคร่ก…’ ผนังเปิดออก
“ทุกคนระวังตัวด้วย”
ทันทีที่เห็นช่องลับเปิดออก โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานเองก็เพิ่มความระมัดระวังทันที แม้แต่ถังซวงเองก็เพิ่มระดับการป้องกันตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
“เข้าไปดูกันว่าด้านในนี้มีอะไรกันแน่”
เดิมทีถังซวงและคนอื่น ๆ คิดว่าจะมีคนมากมายคอยตรวจตราอยู่ภายในนี้ แต่เมื่อพวกเขาเข้ามาด้านในกลับไม่พบใครเลย ทั้งหมดเดินเข้าไปด้านในอย่างราบรื่น
ทว่าพวกเขาได้ยินเสียงบางอย่าง ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังพูดคุยกัน
“ซ่างสยงเยี่ย ซ่างสยงเยี่ย… ฉันไม่คิดมาก่อนว่าคนเย็นชาอย่างแกจะมีผู้หญิงที่ชอบ ถึงขั้นยอมมอบตราประจำตระกูลให้กับหล่อน ฮ่าฮ่า… ฮ่าฮ่าฮ่า… แกรู้รึเปล่าว่าตอนนี้ฉันควบคุมตระกูลไว้หมดแล้ว เลยอยากจะมาขอบคุณแกสักหน่อยสำหรับตราประจำตระกูลนี่ ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลังจากเสียงของชายคนนั้นเงียบลง ต่อด้วยเสียงอ่อนแรงของซ่างสยงเยี่ย
“ไอ้บัดซบ… แกมันไม่รักษาคำพูด ฉันให้ตราประทับของตระกูลไปแล้วแท้ ๆ ทำไมแกยังไม่ปล่อยชิงเหม่ยไป”
“ฮ่าฮ่า… นี่แกไร้เดียงสาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แกเชื่อถือทุกอย่างที่ฉันพูดจริง ๆ หรือ?”
เวลานี้เกอชิงเหม่ยพูดขึ้นบ้าง
“สหายซ่าง เราอย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับคนประเภทนี้เลยค่ะ แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าเขาต้องการฆ่าฉันกับคุณ”
ความจริงแล้ว ซ่างสยงเยี่ยเองก็รู้ดี แต่เขารู้สึกเสียใจมากที่ลากเกอชิงเหม่ยเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย เขาโกรธตัวเองที่ไว้ใจครอบครัวมากเกินไป เพราะอีกฝ่ายคือสมาชิกในครอบครัว เขาเลยลดการระมัดระวังตัวลงจนทำให้เรื่องเลยเถิดมาถึงจุดนี้
ยิ่งเห็นซ่างสยงเยี่ยหงุดหงิด ซ่างสยงซานยิ่งมีความสุข
“ซ่างสยงเยี่ย แกมาได้แค่นี้แหละ”
“ซ่างสยงซาน อยากจะพูดอะไรก็รีบพูด หยุดพล่ามได้แล้ว บอกมาว่าแกต้องการอะไร”
ซ่างสยงซานตะคอกอย่างเย็นชา “ซ่างสยงเยี่ย แกแกล้งทำเป็นไม่รู้หรือ? นอกจากตราประทับประจำตระกูลแล้วยังมีกุญแจที่สืบทอดรุ่นต่อรุ่นด้วยนี่ ฉันได้ยินว่ากุญแจนั่นเปิดตู้เซฟของตระกูลซ่างได้ และของในตู้เซฟล้วนแต่เป็นสมบัติตกทอด เอากุญแจนั้นมาให้ฉันซะ ถ้าฉันอารมณ์ดีอาจจะยอมปล่อยแกไปก็ได้”
เหตุผลที่เขายังไม่ฆ่าซ่างสยงเยี่ยก็เพราะกุญแจตู้เซฟ
ได้ยินอย่างนั้น ซ่างสยงเยี่ยถึงกับเย้ยหยัน “เหอะ ฉันไม่รู้ว่ากุญแจนั่นอยู่ที่ไหน”
“หึ… ดูเหมือนแกจะไม่รู้ชะตากรรมตัวเองสินะ”
ซ่างสยงเยี่ยยังคงเย็นชาและสงบนิ่ง ทำให้ซ่างสยงซานคว้าลำคอของเกอชิงเหม่ยไว้แน่นก่อนจะพูดว่า “ถ้าแกไม่เอากุญแจให้ฉัน งั้นฉันจะหักคอนังนี่ซะ แกอยากจะมองดูคนที่แกรักตายไปต่อหน้าต่อตาใช่ไหม?”
“สหายซ่าง ไม่ต้องห่วงฉันค่ะ”
เป็นเพราะเธอทำให้ซ่างสยงเยี่ยต้องมอบตราประทับของตระกูลไป ถ้าหากว่าซ่างสยงเยี่ยต้องเสียกุญแจของตระกูลไปอีก เธอคงจะยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิมแน่
“หุบปาก”
ซ่างสยงซานบีบคอของเกอชิงเหม่ยเพื่อไม่ให้เธอพูดอะไรต่อ
เวลานี้ซ่างสยงเยี่ยหันมองซ่างสยงซานก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หยุด…”
เมื่อเห็นความกังวลของอีกฝ่าย ซ่างสยงซานระเบิดเสียงหัวเราะลั่นทันที “ไม่เสียแรงที่ฉันทุ่มเวลามากมายเพื่อหลอกล่อให้ผู้หญิงคนนี้มาที่ก่างเฉิง นังนี่คือชีวิตของแก ถ้ามีนังนี่อยู่แกก็พร้อมยอมทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ”
ซ่างสยงเยี่ยบีบลำคอของเกอชิงเหม่ยแรงขึ้นแล้วกล่าวข่มขู่ “กุญแจอยู่ที่ไหน ส่งมาเร็วเข้า”
“ฉัน…”
ก่อนซ่างสยงเยี่ยจะพูดอะไร ถังซวงก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนจะทุบศีรษะของซ่างสยงซานจากด้านหลัง
“ไอ้เวร แกเป็นคนจับป้าเกอมาสินะ นี่… แกหลอกป้าเกอมาจากหมู่บ้านเถาฮวาให้มาที่นี่ เพราะต้องการใช้ป้าเกอต่อรองกับซ่างสยงเยี่ย คิดไว้ไม่มีผิด เรื่องนี้มันเป็นเพราะตระกูลซ่างจริง ๆ วันนี้ฉันจะทำให้แกได้รู้ซึ้งว่าถ้าหากมายุ่งกับคนสำคัญของฉัน แกจะต้องเจอกับอะไร!”
ถังซวงชกเข้าไปที่ซ่างสยงซานอย่างโหดเหี้ยม เวลานี้โม่เจ๋อหยวนพาเกอชิงเหม่ยออกมาแล้ว ส่วนซ่างสยงซานที่ไร้ซึ่งตัวประกันในมือถูกซ้อมอย่างไร้ความปรานี
“ใครสั่งให้แกลักพาตัวป้าเกอเพื่อมาข่มขู่คนอื่นอย่างนี้!”