การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 450 ขับไล่
บทที่ 450 ขับไล่
บทที่ 450 ขับไล่
ซ่างสยงเยี่ยหัวเราะขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของเกอชิงเหม่ย “ดูเหมือนผมจะมาผิดเวลาไปหน่อย” เขายิ้มก่อนจะหันมองเกอชิงเหม่ยแล้วถามว่า “เอ่อ..แล้วทำไมไม่ให้ผมไปกับคุณเลยล่ะครับ ตั้งแต่คุณมาที่ก่างเฉิงก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย งั้นเดี๋ยววันนี้ผมจะเป็นมัคคุเทศก์นำเที่ยวเองครับ”
พานลี่ฮวามองเกอชิงเหม่ยก่อนจะหันมองซ่างสยงเยี่ยสลับกันไปมาด้วยความสงสัย
ถึงตอนนี้เธอรู้สึกมั่นใจแล้วว่าระหว่างสองคนนี้มีบางอย่างผิดปกติ
แต่เธอไม่คิดมาก่อนว่าซ่างสยงเยี่ยจะยอมไปเดินเล่นกับพวกตนด้วย “ถ้าหากว่าคุณซ่างว่าง เราก็ไปกันเถอะค่ะ พอดีวันนี้จื่อกุยก็ว่างเหมือนกัน จะได้คุยเป็นเพื่อนคุณซ่างด้วย”
เฮ่อเจียรุ่ยไปเรียกพ่อของตน และเวลานี้พวกเขาทั้งหมดก็เดินไปบนถนน
เฮ่อจื่อกุยและซ่างสยงเยี่ยเดินด้วยกัน เฮ่อจื่อกุยไม่คิดมาก่อนว่าซ่างสยงเยี่ยจะมีเวลามาเดินซื้อของในช่วงเวลาอย่างนี้ เกอชิงเหม่ยคงสำคัญกับซ่างสยงเยี่ยจริง ๆ
พานลี่ฮวาเองก็คิดเหมือนกัน เธออยากรู้เรื่องราวระหว่างเกอชิงเหม่ยและซ่างสยงเยี่ยมาก แต่ไม่กล้าจะถามอะไรออกไป เธอจึงลากเกอชิงเหม่ยและถังซวงออกไปซื้อเสื้อผ้ากันสามคน
ทำให้ในตอนนี้โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานกลายเป็นไม้ประดับของกลุ่มไปโดยปริยาย พวกเขาเพียงเดินตามทั้งสามคนซื้อเสื้อผ้า
ตอนนี้เฟิงเยี่ยหานดูเย็นชาและเบื่อหน่าย เขาเดินไปจนสุดทางก่อนที่โม่เจ๋อหยวนจะพูดขึ้นจากด้านข้างด้วยรอยยิ้ม “พี่เฟิง อย่าจริงจังไปหน่อยเลยหน่า ผ่อนคลายหน่อย ทำอย่างกับพวกเราบังคับพี่มาอย่างนั้นแหละ”
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”
เฟิงเยี่ยหานไม่อยากมาเดินซื้อของ เขาแค่อยากกลับเมืองหลวงเร็ว ๆ แต่ก็รู้ดีว่ายังกลับไม่ได้
“เอาละ เราไปดูกันบ้างดีกว่าว่ามีอะไรพอให้พวกเราซื้อได้บ้าง”
ทุกคนซื้อของมากมาย แม้แต่โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานก็ด้วย
พานลี่ฮวาถอนหายใจ “เสี่ยวโม่ เสี่ยวเยี่ย พวกเธอสองคนนี่เป็นไม้แขวนเสื้อที่ดีจริง ๆ นะ ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด ซื้อเพิ่มอีกสักหน่อยเถอะจ้ะ”
โม่เจ๋อหยวนยิ้ม “คุณป้าครับ พวกเราไม่จำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าหลายชุดหรอกครับ แค่นี้ก็พอแล้ว”
พานลี่ฮวารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขนเสื้อผ้ามากมายกลับไปเมืองหลวง เธอจึงทำได้เพียงถอนหายใจ
หลังจากนั้นทุกคนก็ไปซื้อของในตลาดที่คึกคักที่สุดในเมืองก่างเฉิงก่อนจะกลับ
แต่ซ่างสยงเยี่ยยังไม่กลับ และตามไปที่บ้านตระกูลเฮ่อด้วย หลังจากทุกคนนั่งพัก เฮ่อจื่อกุยก็พูดคุยกับซ่างสยงเยี่ยต่อสักพัก พวกเขาดื่มชาถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องภายในตระกูลซ่าง “คุณซ่างครับ แล้วทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วหรือครับ?”
“ไม่ต้องกังวลครับ ทุกอย่างเกือบจะเรียบร้อยแล้วละครับ”
จริง ๆ แล้วยังมีเรื่องมากมายให้ซ่างสยงเยี่ยกลับไปจัดการ แต่เขากลัวว่าเกอชิงเหม่ยกับคนอื่น ๆ จะออกจากเมืองก่างเฉิงไปซะก่อน จึงหาเวลาปลีกตัวมาพบเธอ
เมื่อนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ ซ่างสยงเยี่ยหันมามองเกอชิงเหม่ยก่อนจะถามว่า “แล้วคุณจะอยู่ที่เมืองก่างเฉิงต่อไหม? จะกลับวันไหนหรือครับ?”
ทว่าเกอชิงเหม่ยหันมองถังซวงโดยไม่รู้ตัว เพราะหลานสาวเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้
ถังซวงพูดว่า “อีกสองสามวันค่ะ”
“สองสามวันเองหรือ ทำไมกลับเร็วจัง ไม่อยู่ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อยล่ะจ๊ะ?”
เฮ่อจื่อกุยและพานลี่ฮวาต่างประหลาดใจ เพราะพวกเขาคิดว่าถังซวงและคนอื่น ๆ จะอยู่ที่นี่นานสักหน่อย
“แม่ของฉันอยู่เดือนหลังคลอด[1]* และน้อง ๆ ยังเด็กมาก ฉันเลยกังวลนิดหน่อยน่ะค่ะ เลยจะกลับก่อนกำหนด” อีกอย่างถังซวงคิดถึงฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยมาก เลยอยากจะกลับไปเร็ว ๆ
แต่เมื่อผู้อาวุโสทั้งสองคนได้ยินถังซวงพูดโดยบังเอิญ ผู้เฒ่าสองคนจึงพูดขึ้นว่า “พวกเราสองคนก็จะไปกับเธอด้วยเหมือนกัน ส่วนพวกจื่อกุยให้ตามไปทีหลัง”
“ค่ะ อย่างนั้นคุณตาคุณยายไปกับพวกเรานะคะ”
ครอบครัวเฮ่อจื่อกุยต้องการจะไปที่เมืองหลวงด้วย แต่พวกเขายังมีหลายสิ่งหลายอย่างต้องจัดการ อีกทั้งถังซวงและคนอื่น ๆ ก็รีบร้อนจะกลับก่อนกำหนด พวกเขาจึงต้องอยู่สะสางธุระอีกสักสองสามวัน
“งั้นให้พ่อกับแม่ไปเมืองหลวงกับเธอก่อน ส่วนฉันกับป้าของเธอจะตามไปทีหลังนะ”
“ค่ะคุณลุง”
ถังซวงยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ
แต่ซ่างสยงเยี่ยที่อยู่ด้านข้างหันมองเกอชิงเหม่ยแล้วพูดขึ้นว่า “คุณกำลังจะกลับแล้วหรือครับ ก่อนหน้านี้ผมว่าจะไปงานเลี้ยงครบเดือนของเด็กทั้งสองคนและจะกลับเมืองหลวงพร้อมคุณด้วย แต่ดูเหมือนผมจะต้องไปพร้อมพี่จื่อกุยแทนแล้วละ”
เกอชิงเหม่ยมองซ่างสยงเยี่ย “ยังไงคุณซ่างก็จะไปฉลองงานเลี้ยงครบเดือนอยู่แล้ว ถึงวันนั้นเราค่อยพบกันก็ได้ค่ะ”
“ครับ แล้วเจอกัน”
ซ่างสยงเยี่ยมองเกอชิงเหม่ยไม่ละสายตาราวกับจะเก็บเธอในทุกอิริยาบถไว้ในใจ
ทำให้เกอชิงเหม่ยอดไม่ได้ที่จะเขินอายกับสายตาของซ่างสยงเยี่ย เธอเลยรีบเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการถามถึงซ่างสยงซาน “คุณซ่างคะ ตอนนี้พี่ชายของคุณเป็นยังไงบ้างหรือคะ?”
เมื่อกล่าวถึงซ่างสยงซาน แววตาของซ่างสยงเยี่ยเต็มไปด้วยความขมขื่น
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ พี่ชายของผมจะไม่ไปทำร้ายใครอีกแล้ว เขาจะออกจากเมืองก่างเฉิงคืนนี้”
เกอชิงเหม่ยชะงักไปชั่วขณะก่อนจะถามต่อว่า “ออกจากเมืองก่างเฉิง? แล้วจะไปที่ไหนหรือคะ?”
“ครอบครัวของซ่างสยงซานไปต่างประเทศหมดแล้ว และเขาไม่สามารถกลับเข้าเมืองก่างเฉิงได้อีกแล้วละครับ” แววตาของซ่างสยงเยี่ยฉายแววเย็นชาออกมาเล็กน้อย เขาไม่คิดจะเอาชีวิตของซ่างสยงซานเพราะเห็นแก่ซ่างหมิงซู่ จึงต้องทำเงื่อนไขให้ซ่างหมิงซู่ไปต่างประเทศแล้วไม่ต้องกลับมาอีก
พอได้ยินอย่างนั้นแล้ว เกอชิงเหม่ยจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
ส่วนเฮ่อจื่อกุยเลิกคิ้วสงสัย เขานึกไปถึงเรื่องที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ซ่างสยงเยี่ยตัดสินใจลงโทษสมาชิกทุกคนในตระกูลซ่างด้วยการเตะออกนอกประเทศและห้ามกลับมาอีกเป็นอันขาด
…..
วันนี้ซ่างสยงเยี่ยมาหาเกอชิงเหม่ยและออกไปเดินซื้อของ ขณะที่เดินซื้อของกันอยู่เขาไม่มีโอกาสที่จะมอบของขวัญเลย แต่ในที่สุดก็ถึงเวลาเหมาะสม เขาให้คนขนของทุกอย่างเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นของที่เขาตั้งใจมอบให้กับเกอชิงเหม่ย และมีของขวัญสำหรับตระกูลเฮ่อด้วย ส่วนของถังซวงและคนอื่น ๆ ก็มีเช่นกัน
“ขอบคุณค่ะคุณซ่าง”
ถังซวงยิ้มรับของขวัญ
ซ่างสยงเยี่ยอยู่ที่นี่ต่อสักครู่ก่อนจะออกไป ทว่าทันทีที่เขาเดินออกมารอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าพลันเลือนหายไปทันที เหลือไว้เพียงสายตาเย็นชาและใบหน้าเคร่งขรึม เพราะเมื่อไรที่เขานึกถึงสถานการณ์ภายในครอบครัวของตัวเอง อารมณ์ของเขามักจะตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากซ่างสยงเยี่ยกลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นซ่างหมิงซู่ยืนรออยู่ที่ประตู
หลานชายคนนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนสำคัญสำหรับซ่างสยงเยี่ยมาก แต่วันนี้ความใกล้ชิดเหล่านั้นหายไปหมดแล้ว “หมิงซู่ เธอมาทำอะไรที่นี่”
ซ่างหมิงซู่มองซ่างสยงเยี่ยตรงหน้า ก็รู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ เขารักอามาก เพราะอามักจะยืนเคียงข้างเขาเสมอมา แต่ตอนนี้เรื่องราวต่าง ๆ มันเลยเถิดไปหมดแล้ว
“ผมมาลาครับ”
ซ่างสยงเยี่ยกล่าวตอบเสียงเรียบ “โชคดีนะ”
น้ำเสียงไร้อารมณ์ของซ่างสยงเยี่ย ทำให้ซ่างหมิงซู่อดไม่ได้ที่จะกล่าวคำ “คุณอา ผม… ผมไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้จริง ๆ หรือครับ? สิ่งที่พ่อของผมทำลงไปมันผิดจริง ๆ แต่ตอนนี้พ่อของผมก็สำนึกได้แล้วนะครับ”
ซ่างสยงเยี่ยถึงกับหัวเราะออกมา
“โอ้… หมิงซู่ เธอคิดหรือว่าพ่อของเธอจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ อีกอย่าง… ตอนนั้นเธอไม่รู้แผนการของพ่อจริงหรือ? เธอไม่รู้เลยหรือว่าเขาต้องการจับตัวชิงเหม่ยมาข่มขู่ฉัน?”
ซ่างหมิงซู่ตอบกลับทันที “คุณอา ผมไม่รู้จริง ๆ ตอนที่ผมรู้ คุณอากับเกอชิงเหม่ยก็ถูกขังในโรงงานแล้ว ผมจะไปช่วยคุณแต่ว่าพ่อของผมรู้เข้าเสียก่อน”
ซ่างสยงเยี่ยเห็นใบหน้าเจ็บปวดของซ่างหมิงซู่ จึงไม่คิดจะถามอะไรต่อ
“หมิงซู่ ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรในตอนนี้แล้ว รีบกลับไปเก็บข้าวของซะ จะได้ออกเดินทาง”
ซ่างหมิงซู่เข้าใจแล้ว คุณอาของเขาไม่ใจอ่อนอีกต่อไป
“ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
[1] การอยู่เดือน คือ ความเชื่อในการปฏิบัติตัวหลังคลอดตามแบบตามธรรมเนียมของคนจีน ซึ่งจะให้แม่หลังคลอดนั้นเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันแรกที่กลับบ้าน คือ อยู่แต่ในบ้าน ไม่ทำงานหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน ให้รับประทานอาหารดี ๆ ไม่กินของแสลง