การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 457 กล่าวสุนทรพจน์
บทที่ 457 กล่าวสุนทรพจน์
บทที่ 457 กล่าวสุนทรพจน์
โม่เจ๋อหยวนได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น ก็ยกยิ้ม “ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นหรอก ปล่อยให้เรื่องราวระหว่างเฟิงเยี่ยหานกับเสี่ยวเซวี่ยเป็นไปตามโชคชะตาของพวกเขาเถอะ”
ถังซวงถอนหายใจเบา ๆ แน่นอนว่าเธอจะไม่เข้าไปวุ่นวายระหว่างทั้งสองคนหรอก
“ก็คงต้องปล่อยไปตามโชคชะตานำพานั่นแหละค่ะ ยังไงเฟิงเยี่ยหานก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร”
ถังเซวี่ยมองเฟิงเยี่ยหานขึ้นรถไฟไป เมื่อรถไฟเคลื่อนตัวออก เธอหันกลับมาก่อนจะพูดขึ้นว่า “พี่คะ เรากลับกันเถอะค่ะ”
“จ้า ๆ”
หลังจากที่ทุกคนกลับมาถึงบ้านตระกูลจิงแล้ว พวกเขาว่าจะไปพูดคุยกับผู้เฒ่าเฮ่อและภรรยา แต่ก่อนที่จะเดินไป เสียงของบุรุษไปรษณีย์ดังขึ้นเสียก่อน “เดี๋ยว… นี่บ้านของคุณถังซวงหรือเปล่าครับ?”
ถังซวงหันมองตามเสียงก่อนจะพยักหน้า “ฉันถังซวงค่ะ”
บุรุษไปรษณีย์รีบยื่นซองจดหมายแล้วพูดขึ้นว่า “มีจดหมายถึงคุณครับ”
ถังซวงมองดูและเห็นว่ามันคือเอกสารรายงานตัว
“พี่คะ นี่เป็นเอกสารการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี่”
ถังเซวี่ยกล่าวด้วยความตื่นเต้นก่อนจะหันมองบุรุษไปรษณีย์แล้วถามว่า “มีของพี่เขยไหม เขาชื่อโม่เจ๋อหยวนน่ะ”
“โม่เจ๋อหยวนหรือ? มีครับ”
บุรุษไปรษณีย์ค้นหาในกระเป๋าสักครู่ก่อนจะดึงจดหมายอีกฉบับออกมาแล้วพูดว่า “นี่เป็นของโม่เจ๋อหยวน แต่…” เขาหันมองโม่เจ๋อหยวนอย่างระแวดระวังก่อนจะถามว่า “คุณช่วยบอกที่อยู่ที่คุณจะส่งเอกสารนี้ไปหน่อยได้ไหมครับ?”
โม่เจ๋อหยวนบอกที่อยู่ของบ้านตัวเองทันที และหยิบบัตรเข้าสอบที่พกติดตัวไว้ออกมาด้วย
บุรุษไปรษณีย์เห็นบัตรเข้าสอบของโม่เจ๋อหยวนแล้วก็ยื่นจดหมายให้ทันที “อย่างนั้นผมจะให้คุณเลยนะครับ จะไม่เข้าไปที่บ้านของคุณแล้ว” หลังพูดจบเขาก็ขึ้นจักรยานแล้วปั่นออกไป
โม่เจ๋อหยวนเปิดซองจดหมายและเห็นว่ามันคือเอกสารรายงานตัวของเขาจริง ๆ
เห็นอย่างนั้นแล้วถังเซวี่ยกล่าวออกมาด้วยความดีใจ “ดีจังเลยค่ะ เอกสารรายงานตัวของพี่กับพี่เขยมาถึงแล้ว หลังจากนี้พวกพี่ก็จะไปเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วสิ”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นทั้งสามเดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน
ในห้องโถงด้านหน้า ผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงกำลังพูดคุยกับอาวุโสเฮ่อทั้งสองคน แต่เมื่อพวกเขาเห็นทั้งสามกลับมาแล้วจึงรีบถามทันที “พวกเธอไปส่งเสี่ยวเยี่ยขึ้นรถไฟเสร็จแล้วหรือจ๊ะ?”
“ค่ะ เฟิงเยี่ยหานออกจากเมืองหลวงแล้ว”
ถังเซวี่ยตอบกลับก่อนจะพูดเรื่องเอกสารรายงานตัว “คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายคะ เอกสารรายงานตัวของพี่กับพี่เขยมาถึงแล้ว คะแนนของพวกเขาห่างกันแค่สองคะแนนเองค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นผู้เฒ่าจิงและคนอื่น ๆ รีบหันไปหาถังซวงและโม่เจ๋อหยวน “ไหน ๆ เอาออกมาให้พวกเราดูหน่อย”
หลังจากเห็นเอกสารรายงานตัวของทั้งสองแล้ว พวกเขากล่าวชื่นชมถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอย่างภาคภูมิใจ “พวกเธอสองคนเก่งมาก คะแนนสอบก็สูง ต่อให้เป็นการจัดอันดับของประเทศ ฉันก็คิดว่าพวกเธอจะต้องอยู่ในอันดับต้น ๆ แน่นอนจ้ะ”
คุณนายจิงหันมองโม่เจ๋อหยวน “เจ๋อหยวน เธอควรจะกลับไปที่บ้านเพื่อบอกคุณปู่และคนอื่น ๆ รับทราบนะ พวกเขาเองก็คงอยากจะเห็นมันเหมือนกัน”
ได้ยินอย่างนี้แล้ว โม่เจ๋อหยวนจึงบอกลาเตรียมตัวกลับบ้าน
“คุณตา คุณยาย คุณลุง คุณป้า งั้นหลังจากมื้อเที่ยงนี้ผมจะกลับบ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่นะครับ”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “จ้ะ”
หลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จแล้ว โม่เจ๋อหยวนพูดคุยกับถังซวงสักพักก่อนจะเก็บข้าวของกลับบ้าน เพราะยังไงเฟิงเยี่ยหานก็กลับไปถึงเมืองไห่เฉิงแล้ว เขาก็ต้องกลับบ้านด้วยเหมือนกัน
วันรุ่งขึ้น โม่เจ๋อหยวนกลับมาอีกครั้งในช่วงเช้า
ถังซวงเห็นเขาเข้ามาจึงถามขึ้น “กินข้าวหรือยังคะ?”
“ยังเลย”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงยกโจ๊กมาเสิร์ฟให้โม่เจ๋อหยวนก่อนจะชวนเขาทานมื้อเช้าด้วยกัน “เดี๋ยวฉันต้องไปโรงเรียนกับเสี่ยวเซวี่ย ก่อนหน้านี้สัญญากับอาจารย์ใหญ่ว่าจะไปกล่าวอะไรกับพวกนักเรียนคนอื่น ๆ สักหน่อยน่ะค่ะ”
“ฉันไปด้วย”
ถังซวงไม่คัดค้านอะไรก่อนยิ้มกว้าง “อาจารย์ใหญ่ต้องดีใจมากแน่ที่ได้เจอกับอันดับหนึ่งของเมืองหลวง”
ถังเซวี่ยพยักหน้า “ใช่ค่ะ อาจารย์ใหญ่ต้องดีใจมากแน่”
ทั้งสามพูดคุยกันอีกสักพักก่อนจะรีบทานมื้อเช้า
เมื่อพวกถังซวงมาถึงโรงเรียน พวกเขาเห็นว่าอาจารย์ใหญ่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับเหมาจื้อหลางและอาจารย์คนอื่น ๆ จนนักเรียนทุกคนที่เพิ่งมาถึงโรงเรียนมองดูพวกเขาด้วยความประหลาดใจแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถาม
อาจารย์ใหญ่เห็นถังซวงมาถึงแล้ว ตาของเขาก็เป็นประกายพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว “นักเรียนถังซวง มาแต่เช้าเชียว เดี๋ยวไปนั่งในห้องพักครูก่อนนะ เราจะเริ่มกันตอนแปดโมง” จากนั้นเขาหันมามองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “เพื่อนร่วมชั้นโม่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ถ้าไม่รบกวนอะไรโปรดพูดอะไรสักสองสามคำได้ไหม?”
โม่เจ๋อหยวนคืออันดับหนึ่งของเมืองหลวง และยังเป็นคู่หมั้นของถังซวง อาจารย์ใหญ่จึงรีบไปสืบเสาะเรื่องของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ยิ่งค้นไปมากเท่าไหร่เขายิ่งประหลาดใจมากเท่านั้น โม่เจ๋อหยวนค่อนข้างมีชื่อเสียง ถึงว่าเขาถึงรู้สึกว่าชื่อของโม่เจ๋อหยวนคุ้นหูคุ้นตามาก นั่นเป็นเพราะมันเคยปรากฏในหนังสือพิมพ์มาก่อนนี่เอง
สำหรับถังซวง เธอเองก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน
เธอสามารถพัฒนายาต้านการอักเสบชนิดพิเศษได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เขาสงสัยว่าทำไมตนถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน หากได้รู้ว่าถังซวงเก่งกาจขนาดนั้น โรงเรียนของเขาจะสนับสนุนให้เธอเข้าฝึกอบรมอย่างหนักแล้ว
แต่… ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถฝึกอบรมเธอได้เลยนี่สิ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ อาจารย์ใหญ่ส่ายศีรษะก่อนจะหยุดคิดทุกอย่างและพาถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนเดินไปที่ห้องพักครู
ส่วนถังเซวี่ยเดินไปที่ห้องเรียนแล้ว
เหมาจื้อหลางตามถังซวงและคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าคาดเดายากอาจารย์ใหญ่เคยเล่าให้เขาฟังเรื่องของถังซวงและโม่เจ๋อหยวน และเขาเองก็รู้สึกว่าทั้งสองคนเก่งกาจมาก
แต่การที่นักเรียนเก่งกาจเกินกว่าอาจารย์ แล้วอาจารย์อย่างเขาควรทำอะไรดี?
หลังจากทั้งหมดเข้ามาในห้องพักครู อาจารย์ใหญ่พูดคุยกับถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอยู่นาน เมื่อถึงเวลาแปดโมงเช้า อาจารย์ใหญ่ก็พาถังซวงไปที่ลานเล่นกีฬาของโรงเรียนทันที โดยมีโม่เจ๋อหยวนตามมาด้วย
หลังจากอาจารย์ใหญ่พูดกล่าวไม่กี่คำ เขาก็เชิญถังซวงขึ้นไปบนเวที
“ถังซวงคืออันดับสองของเมืองหลวง เธอเรียนอยู่ในโรงเรียนของพวกเรา และวันนี้เธอจะแนะนำวิธีการอ่านหนังสือให้กับพวกคุณได้รับฟัง ตั้งใจฟังเธอและขยันเรียนให้มากขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของพวกคุณเองล่ะ”
หลังจากขึ้นมายืนบนเวที ถังซวงมองกลุ่มคนด้านล่างก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อถังซวง ความจริงแล้วฉันก็ไม่แตกต่างจากพวกคุณ ต้องมาโรงเรียนทุกวัน และคาดหวังว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ได้ และตอนนี้ฉันทำได้แล้ว พวกคุณเองก็ทำได้ค่ะ ความขยันเท่านั้นจะพาเราไปได้ไกล พวกคุณแค่ต้องขยันอ่านเขียนให้มาก วันนี้ฉันเลยจะมาบอกเล่าเคล็ดลับการเรียนรู้ของฉันให้พวกคุณทราบสักหน่อย”
“ก่อนอื่น พวกคุณจะต้องวางแผนการเรียนรู้…”
ถังซวงพูดไปเยอะมาก และส่วนใหญ่ที่เธอแนะนำเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเป็นประโยชน์
จู้เจินเจินและเมิ่งซือเซี่ยมองถังซวงบนเวที ทั้งสองยิ่งรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างพวกเธอยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งสองคนรู้ดีว่าถังซวงเข้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยในคราวนี้ด้วย และทั้งสองคิดแค่ว่าหล่อนทะเยอทะยานเกินไป พวกเธอคิดว่าถ้าหากสามารถผ่านการทดสอบจากอาจารย์ได้ ก็คงจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่พวกเธอไม่คิดว่าถังซวงจะสอบผ่านจริง ๆ แล้วยังได้อันดับสองของเมืองหลวงอีก สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ
หลังจากถังซวงกล่าวจบแล้ว ความอิจฉาริษยาก็ยิ่งเกาะกินหัวใจของจู้เจินเจินและเมิ่งซือเซี่ย