การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 46 หายไป(รีไรท์)
บทที่ 46 หายไป(รีไรท์)
บทที่ 46 หายไป(รีไรท์)
ขณะที่สองแม่ลูกกำลังส่องกระจก ถังซวงก็เข้ามา เธอถึงกับชะงักเมื่อเห็นการกระทำของทั้งสอง “กำลังทำอะไรกันคะ?”
ถังเซวี่ยวิ่งไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้นแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “พี่ ๆ แม่กับฉันสวยขึ้นแหละ”
เธอสัมผัสใบหน้าของตัวเองอย่างมีความสุข หลังพินิจจนพอใจแล้วก็ชำเลืองมองถังซวง พยายามอย่างยิ่งที่จะนึกถึงรูปลักษณ์เดิมของพี่สาว จะได้นึกออกว่าเธอเปลี่ยนไปมากเพียงใด
“ว้าว…พี่สาวเองก็ดูดีขึ้นนะ”
เพราะเห็นหน้ากันทุกวัน สามแม่ลูกจึงไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ จนกระทั่งวันนี้ รูปร่างหน้าตาของพวกเธอได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สั่นสะเทือนโลกก่อนที่จะรู้ตัวเสียอีก สภาพผิวพรรณแตกต่างจากเมื่อก่อนมากจนพวกเธอแทบจะลืมไปว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างไร
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“ตอนนี้เรากินได้ นอนหลับสบาย พอกินยาบำรุงเช้าเย็นร่างกายก็จะดีขึ้นเอง ที่เธอบอกว่าดูดีขึ้นน่ะ เพราะเราหน้าตาดีอยู่แล้วต่างหาก แต่ก่อนหน้านี้เราอยู่อย่างอดยากมากเกินไป ร่างกายเลยผอมแห้งน่าเกลียดมาก แต่ตอนนี้เรากลับมาเหมือนเดิมแล้ว”
“อา…อย่างนี้เอง”
ถังเซวี่ยทำหน้าเหมือนจะนึกขึ้นได้ เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นหนูหน้าตาดีอยู่แล้วสินะ”
“ใช่”
เฮ่อหลานเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ราวกับว่าเพิ่งจะสังเกตเห็นความอ่อนเยาว์ของตน
ที่ลูกสาวพูดก็ถูก ในตอนแรกเธอดูเหมือนแบบนี้ แต่หลังจากแต่งงานเข้าตระกูลถัง เธอก็ผอมลงและผอมลง ใบหน้าจึงซีดเซียว แม้แต่เส้นผมของเธอก็หยาบกระด้างราวกับเส้นฟาง นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอน่าเกลียด
นึกถึงสภาพของตนและลูกสาวสองคนก่อนหน้านี้ เฮ่อหลานก็รู้สึกเจ็บใจ ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอเองที่ทำให้ลูกสาวไม่สามารถมีชีวิตที่ดีได้ เธอจึงต้องทำงานหนักขึ้น
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย เที่ยงนี้มาทานบะหมี่ซี่โครงหมูกันเถอะ แม่ซื้อซี่โครงหมูจากคนขายเนื้อในหมู่บ้านมาเมื่อเช้าน่ะ”
ทุกวันนี้มีคนไม่กี่คนที่ชอบกินซี่โครงหมู ทุกคนชอบซื้อเนื้อที่มีไขมันมาก แต่ซวงเอ๋อร์ชอบกินมัน เธอจึงซื้อซี่โครงหมูหรือกระดูกชิ้นใหญ่ให้ลูกสาวคนโตเสมอ ไม่เพียงราคาถูก แต่ยังสดมากอีกด้วย จนเฮ่อหลานเองก็ค่อย ๆ ชอบซี่โครงหมูและกระดูกชิ้นโตไปด้วย
เมื่อถังเซวี่ยได้ยินสิ่งนี้ เธอพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “กินค่ะ ๆ”
หลังจากแม่และลูกสาวกินบะหมี่ซี่โครงตอนเที่ยง ถังซวงก็คุยกันว่าจะเข้าตำบลพรุ่งนี้
“แม่คะ เสี่ยวเซวี่ยกับหนูจะไปร้านขายผ้าในวันพรุ่งนี้ด้วย เมื่อถึงเวลาแม่เข้าไปฝึกอบรมเลย พวกเราจะเดินเล่นในตำบลรอ”
ผู้เชี่ยวชาญการปักผ้าจากเมืองซูจะมาถึงร้านขายผ้าในวันพรุ่งนี้ ช่วงนี้เฮ่อหลานจึงยุ่งมากเพราะเรื่องฝึกอบรม
เมื่อเฮ่อหลานได้ยิน เธอก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ได้สิ เสร็จแล้วแม่จะไปหานะ ได้ยินจากพี่ซิ่วจวินว่าการฝึกอบรมจะใช้เวลาครึ่งเดือน เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านั้นที่จะสามารถทำงานเย็บปักถักร้อยได้ แม่ไม่รู้เลยว่าแม่จะผ่านไหม”
แต่ถังซวงมั่นใจในฝีมือของเฮ่อหลานมาก
“แม่คะ แม่ต้องไม่เป็นไร ฝีมือแม่ดีกว่าคนทั่วไปมากนะ คนอื่นไม่เข้าเกณฑ์หรอก แม่ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล”
เมื่อเห็นว่าถังซวงเชื่อมั่นมาก ดวงตาของเฮ่อหลานก็เต็มไปด้วยความมั่นใจเช่นกัน
“ใช่ แม่ทำได้แน่นอน”
วันรุ่งขึ้น แม่และลูกสาวก็ตรงไปที่ตำบล
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย พวกลูกเดินเล่นอยู่แถวนี้นะ แม่จะเข้าไปแล้ว”
ถังเซวี่ยรีบโบกมือให้เฮ่อหลานแล้วพูดว่า “แม่เข้าไปเร็ว ๆ เถอะ พี่กับหนูอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ เราจะมารอแม่หลังจากซื้อของเสร็จนะ”
“ได้จ้ะ”
หลังจากที่เฮ่อหลานเข้าไป ถังซวงก็พาถังเซวี่ยไปที่สหกรณ์การจัดหาและการตลาด
“เสี่ยวเซวี่ย ไปดูสิว่าอยากกินอะไรไหม”
ถังเซวี่ยมองสิ่งของมากมายในตู้กระจก อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่สาว พี่ซื้อทุกอย่างที่ต้องการได้หมดเลยหรือ?”
“ใช่ พี่สาวจะซื้อให้เอง”
ถังซวงมองไปที่ถังเซวี่ยด้วยรอยยิ้ม เริ่มรู้สึกว่าการเลี้ยงน้องสาวเป็นเรื่องที่น่าสนใจจริง ๆ
ถังเซวี่ยต้องการทุกอย่างที่เธอเห็น แต่เธอก็ยับยั้งชั่งใจเป็นจึงต้องการเพียงเค้กไข่และขนมปังกรอบโรยงาเท่านั้น “พี่สาว แค่สองอย่างนี้”
ถังซวงขอให้พนักงานขายชั่งขนมเกลียวและสาหร่ายเพิ่ม หลังจากนั้นก็ซื้อลูกอมผลไม้อีกห่อหนึ่ง “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะสะกิดถังซวงแล้วพูดว่า “พี่สาว หนูขอซื้อมากเกินไปรึเปล่า?”
เธอเห็นพี่สาวใช้คูปองและเงินจำนวนมากเลยรู้สึกว่าตนใช้จ่ายมากเกินไป
ถังซวงพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่มากหรอก ไปดูอย่างอื่นกันเถอะ”
เมื่อเดินผ่านห้างสรรพสินค้า ถังซวงก็นึกได้ว่าพวกเธอแม่ลูกยังคงสวมเสื้อผ้าที่มีรอยปะอยู่ เธอจึงตรงเข้าไปพลางเอ่ยกับน้องสาวว่า “ไปดูว่าตัวเองชอบผ้าสีอะไร เราจะได้ซื้อมันแล้วขอให้แม่ทำเสื้อผ้าให้เรากัน”
ตอนนี้เสื้อผ้าที่ขายแบบสำเร็จรูปมีไม่เยอะและแบบไม่สวยเลย เพราะงั้นทำเสื้อผ้าเองดีกว่า
ถังเซวี่ยไม่ได้คาดหวังว่าพี่สาวของเธอจะซื้อผ้าเลย
“พี่สาว ดูเหมือนว่าพี่ต้องใช้คูปองผ้าเพื่อซื้อผ้าด้วยนะ”
“พี่มีอยู่ ไม่ต้องกังวลหรอก”
เมื่อเห็นถังซวงนิ่งสงบ ถังเซวี่ยก็เริ่มสงสัยว่าตัวเองเอะอะมากเกินไปหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าจะต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อผ้าแน่
ถังซวงเลือกผ้าสามชิ้นและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว
“เสี่ยวเซวี่ย ไปดูต่อกันเถอะ”
“พี่สาว เรากลับก่อนเถอะ…” ถังเซวี่ยรู้สึกว่าพวกเธอใช้จ่ายมากเกินไปแล้วจึงต้องการพาพี่สาวของเธอกลับไปก่อน แต่ก่อนที่จะพูดจบ เธอก็เห็นคนที่คุ้นเคยอยู่ข้างหน้า
“พี่สาว นั่นพี่สาวรองหรือเปล่า?”
พี่สาวรองของถังเซวี่ยคือ ถังชุนหยาน ครั้งก่อนเป็นถังชุนหยานที่กล่าวเตือนถังซวง เฮ่อหลานและถังเซวี่ยจึงประทับใจในตัวเธอ
เมื่อถังซวงได้ยิน เธอหันศีรษะและมองไปรอบ ๆ และพบว่านั่นคือถังชุนหยานจริง ๆ แต่การปรากฏตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ของเจ้าตัวในตอนนี้ช่างน่าสงสัย
“เป็นเธอจริง ๆ ไปดูกันเถอะ”
สองพี่น้องเดินเข้าไปใกล้พลางเอ่ย
“ถังชุนหยาน เธอมาทำอะไรที่นี่?”
“เอ่อ”
ถังชุนหยานผงะไปชั่วขณะ เมื่อเธอเห็นว่าเป็นถังซวงและถังเซวี่ยก็ถามยืนยันราวกับไม่เชื่อสายตา “เธอ…พวกเธอคือถังซวงกับถังเซวี่ยหรือ?”
“ใช่ เราเอง”
ถังเซวี่ยชำเลืองมองถังชุนหยาน อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน เธอจำเราไม่ได้แล้วหรือ?”
“พวกเธอ… เปลี่ยนไปมาก ตอนนี้สวยมากเลย”
อีกฝ่ายสวยจนถังชุนหยานจำไม่ได้เลย
ได้ยินแล้วถังเซวี่ยก็มีความสุขมาก “จริง ๆ แล้วเราอาจจะสวยอยู่แล้วก็ได้”
ถังชุนหยานมองไปที่ถังเซวี่ยด้วยความประหลาดใจ รู้สึกว่าแม้แต่นิสัยของเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้ก็ยังแตกต่างจากเมื่อก่อน มีชีวิตชีวามากขึ้นอีกต่างหาก
แต่หลังจากรู้ว่าเป็นสองคนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก “เป็นพวกเธอเอง ฉันกลัวมากจนสะดุ้งเลยนะ”
“แล้วทำอะไรอยู่ล่ะ ทำไมตกใจขนาดนั้น?”
ถังชุนหยานรีบดึงถังซวงกับถังเซวี่ยไปด้านข้าง “พวกเธอเบา ๆ เสียงลงหน่อย เดี๋ยวมีใครได้ยินเข้า”
ถังซวงขมวดคิ้วแล้วถามเธอว่า “อย่าให้ใครได้ยิน? เธอกลัวว่าจะมีใครเห็นเราหรือเปล่า?”
“แม่ม่ายหลิวและเอ้อไหลจื่อในหมู่บ้านของเราน่ะ”
เมื่อได้ยินชื่อของสองคนนี้ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำไมสองคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่? เธอกำลังตามพวกเขามาหรือ?”
จากนั้นถังชุนหยานเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลถังในช่วงหลายวันมานี้
ปรากฎว่าในที่สุดตระกูลถังก็แยกบ้านกัน ครอบครัวลุงใหญ่อาศัยอยู่กับพวกผู้อาวุโส ส่วนถังเจี้ยนกั๋วอาศัยอยู่กับแม่ม่ายหลิว ตอนนี้แม่ม่ายหลิวอาศัยอยู่ในตระกูลถังอย่างเปิดเผย
“ถึงฉันจะไม่ชอบแม่ม่ายหลิว แต่เธอกำลังตั้งท้องลูกของอาสองและอาศัยอยู่กับอาสองด้วย พอฉันเห็นเธออยู่กับเอ้อไหลจื่อ ฉันเลยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
ถังชุนหยานรู้สึกเสียใจทันทีที่เธอพูดจบ ถังซวงและถังเซวี่ยเป็นลูกสาวของอาสอง พวกเขาต้องรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเธอพูดแบบนี้แน่ แต่ในไม่ช้าเธอก็รู้ว่าเธอคิดมากเกินไปเอง และบนใบหน้าของสองคนตรงหน้าไม่มีการแสดงออกใด ๆ เลย
“พวกเธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“สบายมาก ถังเจี้ยนกั๋วกับแม่ม่ายหลิวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเราเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังชุนหยานก็กระตุกมุมปากแล้วพูดอย่างไม่มีมารยาทว่า “ฉันสงสัยว่าแม่ม่ายหลิวกับเอ้อไหลจื่อต้องมีอะไรบางอย่างแน่”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองถังชุนหยานแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องสนใจนะ เธอควรกลับบ้านได้แล้ว”
“ฉัน…”
เมื่อเห็นดวงตาที่สงบและไม่แยแสของถังซวง ถังชุนหยานก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องมายุ่งจริง ๆ ครอบครัวมีผู้ใหญ่มากมาย ทำไมเธอที่เป็นเด็กสาวต้องมาทำอะไรแบบนี้ล่ะ “ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ”
ถังชุนหยานออกไปแล้ว แม้ว่าถังเซวี่ยจะสงสัยเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมาก “พี่สาว เราควรกลับไปก่อนดีไหม?”
“นั่นสิ”
แต่ระหว่างทางกลับ ถังเซวี่ยก็เห็นคนขายไอติมและอยากกินมันขึ้นมาทันที
ถังซวงกำลังจะพาเธอไปที่นั่น แต่พบคนที่คุ้นเคยและคาดไม่ถึงที่หัวมุมถนนเสียก่อน เมื่อเห็นคนนั้น ถังซวงก็ขมวดคิ้ว ถ้าเธอมองไม่ผิด คนเมื่อกี้คือ… ซุนหง ลุงซุนที่เธอใช้เป็นข้อแก้ตัวก่อนหน้านี้
มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนั้นเขาไม่ได้ออกจากภูเขาด้านหลังของหมู่บ้านหลี่ฮวาหรือ?
“เสี่ยวเซวี่ยไปซื้อไอติมก่อนนะ ฉันจะไปดูอะไรหน่อย”
“ระวังตัวด้วยนะ”
ถังซวงเดินไปที่ด้านหน้า แต่ไม่พบร่องรอยของซุนหงเลย เมื่อเธอหันกลับมาหาถังเซวี่ย น้องสาวของเธอก็หายตัวไปแล้ว
“เสี่ยวเซวี่ย… เสี่ยวเซวี่ย…!”