การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 467 เข้าสู่มหาวิทยาลัย
บทที่ 467 เข้าสู่มหาวิทยาลัย
บทที่ 467 เข้าสู่มหาวิทยาลัย
ได้ยินหลินเหม่ยเจินพูดอย่างนั้น ถังซวงก็ยิ้มกว้างตอบรับ “ค่ะ อย่างนั้นวันนี้หนูจะไม่เกรงใจนะคะ”
“จ้ะ กินให้เยอะ ๆ เลยนะ”
หลินเหม่ยเจินดึงถังซวงเข้าไปด้านใน ไม่คิดสนใจลูกชายของตนเองด้วยซ้ำ เวลานี้ในสายตาของเธอมีเพียงลูกสะใภ้ตัวน้อยตรงหน้านี้
โม่เจ๋อหยวนเดินตามเข้ามาด้วยความงุนงง และเมื่อมาถึงห้องนั่งเล่น เขาวางข้าวของที่เตรียมมาลงข้างโต๊ะก่อนจะพูดว่า “คุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่ ลุงรองกับป้ารอง นี่เป็นยาที่ถังซวงทำเองครับ หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ”
แน่นอนว่ายาเม็ดเหล่านี้มีค่ามากกว่าของขวัญทั่ว ๆ ไป
คุณปู่โม่หัวเราะเสียงดังก่อนจะตอบกลับว่า “ในเมื่อซวงเอ๋อร์เตรียมมันด้วยตัวเอง มันจะต้องยอดเยี่ยมแน่นอนอยู่แล้ว”
แม้แต่โม่ถิงซวนและเจิ้งหงยังพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ใช่ ๆ ยาที่ซวงเอ๋อร์เตรียมไว้จะธรรมดาได้ยังไง”
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้เรื่องยาที่ถังซวงทำ แม้จะเห็นว่าถังซวงมียามาให้กับคุณปู่โม่เสมอ แต่พวกเขาคิดว่ามันก็เพียงยาบำรุงร่างกายทั่วไป แต่เพราะก่อนหน้านี้ชายชราเห็นโม่ถิงซวนดูอ่อนเพลียและไร้เรี่ยวแรง เขาจึงมอบยาหนึ่งขวดให้ลูกชาย พวกเขาถึงตระหนักได้ว่ายานี้มันดีมากแค่ไหน
โม่เจ๋อหยวนเห็นว่าสมาชิกในครอบครัวยินดี ก็พลอยมีความสุขไปด้วย ชายหนุ่มหัวเราะก่อนจะพูดขึ้นอย่างขมขื่น “ดูเหมือนว่าผมจะกลายเป็นหมาหัวเน่าไปซะแล้ว”
หลินเหม่ยเจินเหลือบมองลูกชาย “ลูกก็รู้ตัวหนิ”
เวลานี้โม่ชืออวี่หันมองถังซวงก่อนจะพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้คะ ก่อนทานมื้อเย็น ฉันมีคำถามจะถามพี่สักสองสามข้อได้ไหม?”
“ได้สิจ๊ะ”
เพราะนี่เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ โม่ชืออวี่จึงไม่ไปที่บ้านตระกูลจิง เพียงสะสมคำถามมากมายที่เธอไม่เข้าใจเอาไว้ หลังจากรับประทานอาหารเธอจึงคิดจะถามถังซวง
ถังซวงพยายามอธิบายอย่างใจเย็นให้โม่ชืออวี่ฟังทีละขั้นตอน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายสามารถแก้โจทย์ได้ด้วยตัวเอง
“โห… พี่สะใภ้ พี่เก่งมากเลยค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงถึงกับยิ้มกว้าง “ไม่ได้เก่งอะไรหรอกจ้ะ ความจริงแล้วพี่ชายของเธอก็รู้เหมือนกันนะ”
“พี่สะใภ้ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก พี่น่ะเก่งมากจริง ๆ นะ”
ในตอนท้าย โม่ชืออวี่ลอบเข้าไปใกล้กับถังซวง “ฉันได้ยินปู่กับพ่อแม่ของฉันพูดว่าพี่เก่งกว่าพี่ใหญ่ซะอีก พี่ใหญ่เทียบพี่สะใภ้ไม่ได้หรอกค่ะ”
ถังซวงไม่คิดว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย ถึงกับหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“จริงหรือ? คุณปู่ คุณลุงรองกับคุณป้ารองพูดแบบนั้นหรือ?”
โม่ชืออวี่พยักหน้ารัว ๆ “ค่ะ พวกเขาพูดอย่างนั้นเลยละ”
หลังจากทั้งสองพุดคุยกันต่อสักพัก ถังซวงยังคงสอนโม่ชืออวี่ต่อ เมื่อถึงเวลา หลินเหม่ยเจินมาเรียกทั้งสองไปทานอาหาร
“ซวงเอ๋อร์ ชืออวี่ กินข้าวกันเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะค่ำแล้ว”
“ค่า”
เมื่อถังซวงกับโม่ชืออวี่มาถึงห้องอาหาร ตระกูลโม่ทั้งหมดเองก็อยู่ที่นั่นแล้ว
เจิ้งหงหันมองถังซวงอย่างเขินอายเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ ฉันต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะไม่คิดว่าชืออวี่จะถามมากมายขนาดนั้น”
ถังซวงส่ายศีรษะและยกยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ที่ชืออวี่ชื่นชอบและใส่ใจการเรียนเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว”
ในตอนนั้นเองคุณปู่โม่กล่าวขึ้นจากด้านข้างว่า “เอาละ ๆ กินข้าวกันเถอะ”
ถังซวงกำลังจะกลับหลังจากทานอาหารเสร็จ แต่ท้องฟ้าในฤดูหนาวค่อนข้างมืดเร็ว ถ้าเธอช้ากว่านี้มันจะยิ่งมืดกว่าเดิม
หลินเหม่ยเจินดึงโม่เจ๋อหยวนเจ้ามาใกล้ “คืนนี้ลูกคงจะไม่กลับบ้านอีกแล้วละสิ พาซวงเอ๋อร์กลับบ้านดี ๆ ล่ะ แล้วพักที่ตระกูลจิงไปเลยแล้วกัน จะได้ติดตามซวงเอ๋อร์เพื่อไปอวยพรปีใหม่ให้กับคนอื่น ๆ”
โม่เจ๋อหยวนยิ้ม “ครับ”
เห็นท่าทางมีความสุขของลูกชาย หลินเหม่ยเจินอดไม่ได้ที่จะกล่าวประชด “ดูทำหน้าเข้า ลูกมีความสุขขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าแบบนั้นต้องทำตัวดี ๆ และทำงานหนักเพื่อให้ครอบครัวและสหายของซวงเอ๋อร์ชอบลูกมาก ๆ ล่ะ รู้ไหม”
“ครับแม่ ผมเข้าใจแล้ว”
โม่เจ๋อหยวนพูดกับแม่ของตนอยู่สองสามคำ หลังจากนั้นก็กล่าวลาคุณปู่โม่และพาถังซวงกลับบ้านตระกูลจิง
เมื่อมาถึง ทั้งสองก็บังเอิญได้พบกับถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานที่เพิ่งกลับมาด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นเฟิงเยี่ยหานและถังเซวี่ยถือข้าวของเต็มไม้เต็มมือ ถังซวงจึงถามออกไปอย่างอดไม่ได้ “พวกเธอไปซื้อของกันอีกแล้วหรือ?”
ถังเซวี่ยพยักหน้า “ค่ะ เฟิงเยี่ยหานอยากซื้อของเพื่ออวยพรปีใหม่ให้กับทุกคนน่ะค่ะ”
เห็นเฟิงเยี่ยหานแทบจะถือไม่ไหว โม่เจ๋อหยวนเลยเข้าไปช่วย “แล้วทำไมซื้อมาเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย ดูซิจะถือไม่ไหวแล้ว คราวหน้าบอกพวกเราด้วยสิ”
ถังซวงเดินไปหาถังเซวี่ยเพื่อจะช่วย
แต่ถังเซวี่ยถือของไม่มากนัก และมันค่อนข้างเบามากด้วย “พี่คะ ฉันถือเองได้ มันไม่ได้หนักอะไรเลยค่ะ”
ถังซวงเห็นว่ามันไม่หนักจริง ๆ จึงเดินไปพร้อมกับถังเซวี่ยเข้าไปในห้องโถง
เฟิงเยี่ยหานซื้อของขวัญให้กับตระกูลจิงทุกคน แม้แต่ถังชุนหยานเองก็ได้ของขวัญด้วย มันเป็นของขวัญแทนคำอวยพรปีใหม่ให้กับตระกูลจิง
เห็นความจริงจังของเฟิงเยี่ยหาน คุณนายจิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เสี่ยวเยี่ย ก่อนหน้านี้เธอก็มอบของขวัญแล้วไม่ใช่หรือจ๊ะ ทำไมยังซื้อของมาอีกล่ะ? คราวหน้าไม่ต้องแล้วนะจ๊ะ”
“ครับคุณย่า ผมเข้าใจแล้ว”
หลังจากได้ยินที่คุณนายจิงพูด เขาก็ตอบรับอย่างว่าง่าย
ยิ่งเห็นเฟิงเยี่ยหานเป็นอย่างนี้ คุณนายจิงยิ่งรู้สึกชอบเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก
หลังทุกคนทานอาหารเรียบร้อยแล้ว จึงนั่งพูดคุยกันก่อนที่จะแยกย้ายกลับ
ในวันที่สองของเทศกาลปีใหม่ เฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงพาลูกน้อยทั้งสองไปเยี่ยมเยียนซูเหนียนอวิ๋น กับถังซวง ถังเซวี่ย โม่เจ๋อหยวน และเฟิงเยี่ยหาน
เมื่อมาถึง เกอชิงเหม่ยเตรียมเครื่องดื่มครบครัน และเชิญชวนให้พวกเขานั่งลง
ส่วนเฮ่อหลานและคนอื่น ๆ ต่างก็มีของขวัญมาให้หลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋น จนวางรวมกันกองใหญ่
เห็นอย่างนั้น ซูเหนียนอวิ๋นกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ “พวกเธอเตรียมมามากเกินไปแล้ว” พูดจบก็หันไปมองถังซวงและถังเซวี่ย “สองพี่น้องนี่ก็ด้วย พวกเธอยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องมอบของขวัญปีใหม่กันหรอก พ่อแม่ของเธอก็เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกเชียว”
ถังซวงยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “คุณยายซูคะ อาหยวน กับเฟิงเยี่ยหานเป็นคนซื้อของขวัญพวกนี้ค่ะ เขาอยากมอบมันให้กับคุณยาย ถือเป็นตัวแทนของพวกหนูสองคนแล้วกันนะคะ”
ซูเหนียนอวิ๋นหัวเราะออกมา
“เอาละ ตกลง ๆ ฉันจะรับไว้”
เพราะว่ามีทารกน้อยสองคนมาด้วย เฮ่อหลานและครอบครัวจึงกลับหลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ
วันต่อมา ถังซวงและคนอื่น ๆ ยังคงเดินทางไปอวยพรปีใหม่ให้กับญาติพี่น้องจนถึงวันที่แปด ส่วนเฟิงเยี่ยหานกลับมาที่เมืองไห่เฉิงตั้งแต่เช้าวันที่เจ็ด ส่วนซ่างสยงเยี่ยเองก็กลับเมืองก่างเฉิงในวันเดียวกัน
แม้ทั้งสองจะกลับออกไปแล้ว แต่การฉลองปีใหม่ในตระกูลจิงยังไม่สิ้นสุด และหลังผ่านพ้นเทศกาลโคมไฟ บรรยากาศปีใหม่จึงค่อย ๆ เบาบางลง
ว่ากันว่าวันหยุดมักผ่านไปรวดเร็วเสมอ
ในพริบตา ก็ถึงเวลาที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนจะต้องไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยเป็นนักศึกษาเต็มตัวเสียแล้ว
“ซวงเอ๋อร์ เราไปพร้อมกันนะ”
ถังซวงมองโม่เจ๋อหยวนที่มาหาตนแต่เช้าตรู่ และพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะตอบกลับ “งั้นไปกันเถอะค่ะ”