การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 468 เพื่อนร่วมชั้น
บทที่ 468 เพื่อนร่วมชั้น
เมื่อเห็นว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกำลังจะออกไป เฮ่อหลานจึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างเป็นห่วง “ซวงเอ๋อร์ ให้พ่อกับแม่ไปส่งไหมจ๊ะ?” เดิมทีเธอกับจิงเจ้อหรงต้องการไปส่งทั้งสองคน แต่ถังซวงปฏิเสธบอกว่ามหาวิทยาลัยอยู่ใกล้แค่นี้
“แม่คะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูกับอาหยวนไปเองได้”
โม่เจ๋อหยวนพูดเสริม “ป้าเฮ่อ ไม่ต้องไปส่งหรอกครับ เราไปกันเองได้จริง ๆ ครับ”
จิงเจ้อหรงเองก็รู้ดีว่าทั้งสองคนเก่ง พวกเขามีความคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองเสมอ เพราะอย่างนั้นเขาเลยหันมองเฮ่อหลาน “อาหลาน ในเมื่อสองคนยืนยันอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เรากลับไปดูฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยดีกว่าครับ”
“อ่า อย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
เฮ่อหลานไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อเห็นว่าแม่ของตนล้มเลิกความตั้งใจไปแล้ว ถังซวงยกยิ้มก่อนจะออกเดินทางไปมหาวิทยาลัยชิงหวากับโม่เจ๋อหยวน
“ซวงเอ๋อร์ ทางนี้”
โม่เจ๋อหยวนที่เห็นสำนักทะเบียน กำลังพาถังซวงเข้าไปรายงานตัว
แต่เพราะทั้งสองคนหน้าตาดีมาก ยิ่งยืนอยู่เคียงข้างกันยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบสว่างสดใส สายตาผู้คนมากมายจึงถูกดึงดูดมาที่ทั้งสองอย่างช่วยไม่ได้
“สองคนนั้นเป็นนักเรียนใหม่หรือ? บ้าจริง พวกเขาดูดีเกินไปรึเปล่า”
“อื้ม ฉันไม่เคยเห็นใครดูดีขนาดนี้มาก่อน แถมดูสนิทกันด้วยนะ เป็นเพื่อนกันหรือเปล่า”
“น่าจะเป็นเพื่อนกันแหละมั้ง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่คุ้นตาขนาดนี้ แค่ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงหวานี่ก็นับว่าเป็นความฝันสูงสุดแล้วแหละ”
ทุกคนรอบกายของถังซวงพูดคุยกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ถังซวงไม่คิดสนใจ หลังเธอกับโม่เจ๋อหยวนรายงานตัวเสร็จ พวกเขาก็ตรงไปที่หอพัก
แม้ว่าบ้านของทั้งสองจะอยู่ในเมืองหลวง แต่ทั้งสองไม่คิดจะกลับบ้านในตอนเที่ยง เพราะอย่างนั้นการมีหอพักไว้สำหรับพักผ่อนตอนเที่ยงจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ซวงเอ๋อร์ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่หอพักก่อน”
ถังซวงไม่ปฏิเสธและเดินไปที่หอพักหญิงพร้อมกับโม่เจ๋อหยวน
เพราะมหาวิทยาลัยเพิ่งเปิดเทอม หอพักหญิงจึงไม่ได้เข้มงวดมากนัก โม่เจ๋อหยวนเดินไปกับถังซวงตลอดทาง และเมื่อมาถึงเขาก็เห็นว่ามีคนอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว
“สวัสดี คุณก็อยู่ในหอพักนี้ด้วยหรือ?”
หญิงสาวที่ดูเรียบง่ายเห็นถังซวงจึงเดินเข้ามากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม พอเห็นความสวยของถังซวง เธออดไม่ได้ที่จะจ้องมองอยู่อย่างนั้น ก่อนเห็นว่ามีโม่เจ๋อหยวนเดินตามมาด้วยอีกคน
หญิงสาวมองดูผู้ชายหล่อเหลา สง่างามตรงหน้า ถึงกับตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์ เธอจ้องมองโม่เจ๋อหยวนราวตกอยู่ในภวังค์ ไม่สามารถละสายตาไปได้
โม่เจ๋อหยวนขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองเขาไม่หยุด ชายหนุ่มเลยถอยกลับไปยืนด้านหลังของถังซวงด้วยสีหน้าเย็นชา
ส่วนถังซวงขมวดคิ้วไม่พอใจให้หญิงสาวตรงหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า “ใช่ ฉันอยู่หอพักนี้ ชื่อถังซวงค่ะ”
ได้ยินถังซวงพูด หญิงสาวก็หลุดจากภวังค์ก่อนจะพูดว่า “สวัสดี ฉันชื่อติงไหลตี้ นับจากนี้ไปเราจะเป็นเพื่อนร่วมห้องกันนะจ๊ะ”
ถังซวงเพียงพยักหน้ารับ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ส่วนติงไหลตี้เหลือบมองถังซวง และหันมองโม่เจ๋อหยวนอีกครั้ง “เพื่อนร่วมห้องถังซวง นี่พี่ชายของเธอหรือเปล่า? เขามาส่งเธอที่มหาวิทยาลัยหรือ?”
“เขาไม่ใช่พี่ชายของฉันหรอก”
ถังซวงเหลือบมองติงไหลตี้ก่อนจะตอบกลับไปตามตรง “เขาเป็นคู่หมั้นของฉันน่ะ”
“อ๊ะ… อะไร…”
ติงไหลตี้ตกตะลึงในทันที “ทั้งสองคนเป็นคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานกันหรือคะ?”
“ใช่ มีอะไรหรือเปล่า?”
ถังซวงเห็นความประหลาดใจของติงไหลตี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
ติงไหลตี้โบกมือเป็นพัลวัน “ไม่ ๆ ไม่มีอะไร” หลังจากนั้น เธอก็กลับไปที่เตียงของตัวเองแล้วจัดข้าวของให้เรียบร้อย
ถังซวงเหลือบมองติงไหลตี้ก่อนจะหันไปมองเตียงของตัวเอง ชั้นล่างสุด ก็ค่อนข้างสะดวกสบายดี
ซึ่งโม่เจ๋อหยวนอยู่กับถังซวงตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มเก็บข้าวของเข้าที่ เขาก็ช่วยเหลือเธอด้วย
แม้ติงไหลตี้จะทำความสะอาดเตียงของตัวเอง แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองถังซวงและโม่เจ๋อหยวนผ่านหางตา ยิ่งเห็นความอ่อนโยนของโม่เจ๋อหยวน ที่ช่วยถังซวงทำความสะอาดก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา จึงพูดคุยกับถังซวงโดยไม่รู้ตัว
“ถังซวง เธอมาจากไหนหรือ? แล้วคู่หมั้นของเธอมาส่งที่มหาวิทยาลัยเป็นกรณีพิเศษหรือเปล่า? อยู่ไกลจากที่นี่ไหม?”
“ไม่ไกลหรอก เราอยู่ที่เมืองหลวง เดินทางสะดวกมาก”
ได้ยินอย่างนั้น ติงไหลตี้เม้มปากก่อนจะพูดต่อว่า “อ้อ เธออยู่ในเมืองหลวง ฉันก็นึกว่าเธอมาจากทางใต้ เดาจากสำเนียงของเธอน่ะ”
ถังซวงเลิกคิ้วก่อนจะพูดว่า “ใช่ บ้านเกิดของฉันอยู่ทางใต้”
แม้เธอจะอยู่ในเมืองหลวงมานาน แต่ก็ยังติดพูดสำเนียงทางใต้เป็นครั้งคราว ทำให้ผู้คนพอจะเดาออกว่าเธอมาจากทางใต้
“อ้อ แสดงว่าเธอไม่ใช่คนในเมืองหลวงสินะ”
ติงไหลตี้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม ขณะที่กำลังจะถามเพิ่ม ถังซวงกลับลุกขึ้นก่อนจะพูดว่า “เพื่อนร่วมห้องติง พวกเรามีธุระเลยจะกลับก่อนน่ะ เธอทำความสะอาดตามสบายเลยนะ”
ทันทีที่พูดจบ ถังซวงดึงโม่เจ๋อหยวนออกไปทันที
ติงไหลตี้มองตามแผ่นหลังของถังซวงและโม่เจ๋อหยวน ก็เม้มปากจนใบหน้าบิดเบี้ยว เธอยังพูดไม่จบสักหน่อย แต่ถังซวงกลับเดินหนีไปซะก่อน ไร้มารยาทสิ้นดี
ส่วนถังซวงไม่สนใจว่าติงไหลตี้จะคิดยังไง ขณะที่เดินออกไปเธอหันมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะพูดว่า “หอพักของฉันเรียบร้อยแล้ว งั้นเราไปหอพักของพี่ต่อเลยแล้วกัน”
“อื้ม”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะพาถังซวงไปที่หอพักชาย
หลังจากทั้งสองมาถึงหอพักของโม่เจ๋อหยวน พวกเขาช่วยกันทำความสะอาดและจัดเตียงของโม่เจ๋อหยวนอย่างรวดเร็ว
โม่เจ๋อหยวนเป็นคนแรกที่มาถึงห้องนี้ จึงไม่มีใครอยู่ในหอพัก แต่หลังจากจัดเสร็จแล้วก็มีคนเข้ามา
ชายคนนั้นมองโม่เจ๋อหยวน ก่อนจะหันมองถังซวง และถอยหลังกลับไปที่ประตูเพื่อดูหมายเลขห้อง “นี่หอพักชาย 305 หรือเปล่า?”
“ใช่”
โม่เจ๋อหยวนตอบกลับด้วยรอยยิ้มก่อนจะแนะนำตัวว่า “สวัสดี ฉันชื่อโม่เจ๋อหยวน”
ได้ยินโม่เจ๋อหยวนพูดอย่างนั้น ชายคนนั้นก็รีบกล่าวทักทายทันที “สวัสดี ฉันชื่อจางเฉียง” หลังจากพูดจบ เขาหันมองถังซวงด้านข้างก่อนจะถามขึ้นว่า “แล้วนี่… เพื่อนนายหรือ?”
“นี่ถังซวง คู่หมั้นของฉัน เราสองคนเป็นนักศึกษาใหม่ของที่นี่ เลยมารายงานตัวพร้อมกันในวันนี้น่ะ”
จางเฉียงอุทานออกมาด้วยความอิจฉา “โอ้… นี่นายถึงกับมีคู่หมั้นแล้วงั้นหรือเนี่ย แถมเธอยังฉลาดและสวยมากขนาดนี้ แล้วยังได้เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน น่าอิจฉาชะมัด”
เห็นสีหน้าอิจฉาของจางเฉียงแล้ว โม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะตอบกลับ “คู่หมั้นฉันสวยแล้วก็ฉลาดมาก ฉันเองก็ดีใจที่ได้เป็นคู่หมั้นของเธอ”
“เอาละ ๆ พอก่อนเถอะนะ ฉันรู้แล้วละว่านายมีความสุขมาก”
จางเฉียงรีบหยุดไม่ให้โม่เจ๋อหยวนพูดอะไรต่อ เขาหันมาสำรวจเตียงของตัวเองก่อนจะวางสัมภาระลง เขากับโม่เจ๋อหยวนอยู่เตียงเดียวกันโดยบังเอิญ
“ฝากตัวด้วยนะ”
โม่เจ๋อหยวนพูดกับจางเฉียงด้วยรอยยิ้มก่อนจะพาถังซวงออกไป