การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 469 ทำความรู้จัก
บทที่ 469 ทำความรู้จัก
บทที่ 469 ทำความรู้จัก
โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงออกจากหอพักก่อนจะมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารใกล้ ๆ
“ซวงเอ๋อร์ ตอนเที่ยงเรายังไม่ได้กลับบ้าน งั้นไปหาอะไรกินข้างนอกกันเถอะ”
ถังซวงพยักหน้ารับ “ค่ะ ยังไงฉันก็ต้องกลับไปที่ห้องเรียนในช่วงบ่ายอยู่แล้ว ถ้ากลับบ้านตอนเที่ยงนี้คงจะกลับมาไม่ทันแน่”
ทั้งสองตรงไปยังห้องอาคารของรัฐบาลในระแวกใกล้เคียง ทานอาหารง่าย ๆ ก่อนจะกลับมาที่มหาวิทยาลัย โม่เจ๋อหยวนไปส่งถังซวงที่หอพักหญิง แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้พบกับติงไหลตี้และหญิงสาวอีกคนที่ด้านล่างของหอพัก
ติงไหลตี้ตาเป็นประกายหลังจากเห็นถังซวงและโม่เจ๋อหยวน รีบมาทักทายทั้งสองคน “ถังซวงกลับมาแล้วหรือ กินข้าวหรือยัง? ถ้ายังเดี๋ยวฉันจะพาไปที่โรงอาหาร พวกเราเพิ่งกลับมาจากกินข้าวเสร็จพอดีน่ะ” และเธอก็ไม่ลืมที่จะแนะนำหญิงสาวด้านข้างด้วย
“เพื่อนร่วมห้องถังซวง นี่ก็อยู่ห้องพักเดียวกับเราเหมือนกัน ชื่อเหยาหงน่ะ”
เมื่อเหยาหงได้พบกับถังซวง เธอก็ดูประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ เพราะผู้หญิงตรงหน้านี้สวยมาก เธอไม่เคยพบเจอใครที่สวยขนาดนี้มาก่อน ยิ่งเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายอยู่หอพักเดียวกับตน เธอรีบทักทายด้วยความกระตือรือร้น “สวัสดี”
“สวัสดี”
หลังจากทักทายเหยาหง ถังซวงหันมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะพูดว่า “อาหยวน พี่กลับไปหอพักเถอะ”
“ครับ”
โม่เจ๋อหยวนยกยิ้มก่อนจะโบกมือลาถังซวง
แต่เวลานี้ติงไหลตี้อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “เพื่อนร่วมห้องถังซวง เธอ… คู่หมั้นของเธอไม่กลับบ้านหรือ ทำไมถึงบอกให้เขากลับไปที่หอพัก? หรือว่า… เขาเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนี้ด้วย?”
“ใช่”
ถังซวงพยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ เดินกลับไปที่ห้องพักก่อนใคร
ส่วนติงไหลตี้ที่ได้ยินอย่างนั้น เธออดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ คู่หมั้นของถังซวงไม่ใช่แค่หน้าตาดี แต่ยังเรียนเก่ง เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชิงหวาด้วยกันได้อีกเนี่ยนะ
“ไหลตี้ เราไปกันเถอะ”
เหยาหงเห็นติงไหลตี้ที่ยืนสับสน เลยรีบกระตุ้นอีกฝ่าย
ติงไหลตี้ที่ได้สติ เห็นว่าถังซวงเดินออกไปไกล ใบหน้าก็กลายเป็นบูดบึ้ง “แล้วทำไมถังซวงถึงไม่รอพวกเรา”
“ไหลตี้ ก็เมื่อกี้เธอมัวแต่ยืนงง รีบตามไปเร็ว”
เหยาหงพูดก่อนจะก้าวขาไปด้านหน้า
แต่ตอนนี้ติงไหลตี้กลับหน้าบูดบึ้ง เหยาหงควรจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมมาต่อว่าเธออย่างนี้? แต่ตอนนี้ทุกคนเดินจากไปแล้ว ติงไหลตี้ที่ไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว เลยรีบเร่งฝีเท้าตามไปทันที
ถังซวงมาถึงหอพัก เธอเห็นว่ามีผู้หญิงสามคนอยู่ในห้อง รวมกับเธอ ติงไหลตี้ และเหยาหง
หญิงสาวผมสั้นคนหนึ่งเห็นถังซวงเดินเข้ามา ก็รีบเข้ามาหาด้วยความสงสัย “เพื่อนร่วมห้อง เธอก็อยู่ในห้องพักนี้ด้วยหรือ?”
“อื้ม ฉันชื่อถังซวง”
ถังซวงยิ้มพร้อมกล่าวแนะนำตัวเอง
หญิงสาวผมสั้นรีบกล่าวแนะนำตัวทันที “สวัสดีเพื่อนร่วมห้องถังซวง ฉันชื่อต้วนเฟิ่งหยิง” เธออดไม่ได้ที่จะพูดต่อว่า “เพื่อนร่วมห้องถังซวง เธอสวยจังเลย”
“ขอบคุณค่ะ”
ถังซวงพยักหน้าพร้อมยิ้มรับให้กับต้วนเฟิ่งหยิง
ส่วนอีกสองคน หนึ่งในนั้นหันมองถังซวงก่อนจะกล่าวพึมพำในลำคอ “ฉันชื่อเจียนหวานหว่าน”
“เหวินเจ๋อหลิ่ว”
หญิงสาวอีกคนมีสีหน้าไร้อารมณ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอกล่าวเพียงชื่อของตัวเอง
ถังซวงเองก็ไม่คิดจะพูดอะไรมาก เธอพยักหน้าให้กับทั้งสองเป็นการทักทาย
เวลานี้ติงไหลตี้และเหยาหงเข้ามาแล้ว ทันทีที่เห็นว่ามีคนมากมายอยู่ในห้อง พวกเขาถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะหลังจากที่ถังซวงออกไป ติงไหลตี้จัดเตียงในห้องพักตามลำพัง จากนั้นเหยาหงก็เดินเข้ามา หลังจากจัดห้องเสร็จทั้งสองจึงไปทานอาหารที่โรงอาหาร ไม่คิดว่ากลับมาจะได้เจอคนมากมาย
ติงไหลตี้หันมองสามคนในห้องพัก อดไม่ได้ที่จะเม้มปากพร้อมลอบกำหมัดแน่น
เพราะในหอพักแห่งนี้ดูเหมือนว่าจะมีเพียงเธอและเหยาหงที่มาจากชนบท คนอื่น ๆ ล้วนแต่แต่งตัวดี ทันสมัย ตามแบบเมืองหลวงทั้งนั้น
ไม่ต้องพูดอะไรถึงถังซวง หล่อนไม่เพียงแต่สวยเท่านั้น แต่เสื้อผ้าก็ยังดูราคาแพง
ส่วนหญิงสาวผมสั้นแม้จะดูแก่นแก้วไปหน่อย แต่เสื้อผ้าของเธอก็ไม่ได้โดดเด่นนัก ทว่าด้วยสีหน้าท่าทาง ทำให้เห็นว่าเธอมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก
ส่วนผู้หญิงอีกคนรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าอ่อนโยน สวมใส่ชุดสีแดงมีกิ๊บติดผมไข่มุก ไม่ต่างจากเจ้าหญิงตัวน้อย
ส่วนผู้หญิงคนสุดท้ายมีเพียงใบหน้าเย็นชา ทว่าสวยงามไร้ที่เปรียบ แต่หล่อนดูไม่ต้อนรับใคร ชุดสูทสีขาวของเธอดูดีมากทั้งยังมีสร้อยหยกที่ลำคอ แม้เธอจะไม่รู้ว่าหยกชิ้นนั้นคืออะไร แต่อัญมณีอย่างหยกเป็นสิ่งที่หญิงสาวชนบทอย่างเธอไม่เคยได้สัมผัสเลย
หลังเห็นอย่างนั้น สีหน้าของติงไหลตี้ยังคงบูดบึ้ง
ส่วนเหยาหงเดินไปกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “สวัสดี ฉันชื่อเหยาหง หลังจากนี้เราจะเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อแนะนำตัวเองเช่นกัน
จากนั้นเจียนหวานหว่านและเหวินเจ๋อหลิ่วก็กล่าวชื่อของตนเองออกมาอีกครั้ง
เหยาหงเห็นว่าเจียนหวานหว่านและเหวินเจ๋อหลิ่วไม่ต้องการคุยกับเธอ จึงไม่คิดจะไปตอแย เธอเพียงหันมองคนอื่น ๆ แล้วถามว่า “ยังเหลือเวลากว่าจะถึงช่วงบ่าย พวกเรายังพักผ่อนได้อยู่ พวกเธออยากจะงีบสักหน่อยไหม?”
ถังซวงมาที่หอพักเพื่อจะพักผ่อน เธอจึงพยักหน้ารับ “อื้ม ฉันจะงีบสักหน่อย” หลังจากนั้นเธอตรงไปที่เตียงของตัวเองทันที
เห็นถังซวงนอนลงแล้ว คนอื่น ๆ กลับไปที่เตียงของตัวเองเช่นกัน
เมื่อใกล้หมดเวลา ถังซวงลุกขึ้นพร้อมกับดูเวลาและเห็นว่านี่ใกล้ถึงเวลาเข้าห้องเรียนแล้ว
ต้วนเฟิ่งหยิงอยู่เตียงชั้นบนของถังซวง เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวด้านล่าง เธอก็ลุกขึ้นก่อนจะพูดว่า “ถังซวง ไปที่ห้องเรียนกันเถอะ”
“อื้ม”
ถังซวงเองค่อนข้างประทับใจในต้วนเฟิ่งหยิงพอสมควร และรู้สึกว่าเธอค่อนข้างมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
ส่วนคนอื่น ๆ ลุกขึ้นหลังจากได้ยินถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงพูดคุยกัน เหยาหงพูดขึ้นว่า “งั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ ยังไงก็อยู่ห้องเดียวกัน เดินไปด้วยกันได้อยู่แล้ว”
ติงไหลตี้พยักหน้า “อื้ม ไปกันเถอะ”
ถังซวงไม่ได้คัดค้าน อีกอย่างพวกเธอกำลังจะไปห้องเรียน จึงไม่แปลกหากจะเดินไปพร้อมกัน
เมื่อทุกคนมาถึงห้องเรียน ก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากอยู่ที่นี่ ทุกสายตาหันมาจับจ้องผู้มาใหม่ทันที และทั้งถังซวง ต้วนเฟิ่งหยิง เจียนหวานหว่าน และเหวินเจ๋อหลิ่วต่างก็มีความโดดเด่นไม่แพ้ใคร เมื่อทั้งสี่ปรากฏตัวพร้อมกันมันจึงกลายเป็นภาพน่าประทับใจให้กับทุกคนทันที
เวลานี้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
“เจ๋อหลิ่ว ทางนี้”
ทันทีที่เหวินเจ๋อหลิ่วได้ยินเสียงนั้น เธอหันมองตรงไปทันที จากนั้นใบหน้าเย็นชากลับมีรอยยิ้มอบอุ่นเจือจางปรากฏขึ้น
“อวี้สือ…”