การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 470 ถังอวี้สือ
บทที่ 470 ถังอวี้สือ
บทที่ 470 ถังอวี้สือ
เหวินเจ๋อหลิ่วยกยิ้มก่อนจะเดินไปด้านหลัง นั่งลงถัดจากหญิงสาวที่เธอเรียกเมื่อครู่
ถังซวงหันมองหญิงสาวที่ชื่ออวี้สืออีกครั้งและรู้สึกว่าหน้าตาของอีกฝ่ายค่อนข้างโดดเด่นเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อนั่งอยู่ในกลุ่มคนจำนวนมาก หล่อนกลับสะดุดตามากกว่าใคร
ติงไหลตี้มองอวี้สืออย่างตกตะลึง รูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายทำเธอไม่อยากจะเชื่อ ทำไมวันนี้เธอถึงได้เจอแต่สาวงามกันนะ? นี่ชั้นเรียนของเธอจะมีแต่คนสวยจริง ๆ หรือ? แต่ก่อนที่เธอจะทันได้คิดเรื่องไร้สาระ เหยาหงก็ดึงเธอไปนั่งตรงที่ว่างด้านหน้าเสียแล้ว
ส่วนถังซวงไม่คิดที่จะนั่งแถวหน้า จึงเดินไปด้านหลัง
ด้านต้วนเฟิ่งหยิงเดินตามถังซวงไป เมื่อเห็นว่าถังซวงนั่งด้านหลัง เธอก็นั่งลงที่แถวหลังด้วย
ส่วนเจียนหวานหว่านขมวดคิ้วขณะมองถังซวงและคนอื่น ๆ ก่อนจะหันมองเหยาหงและติงไหลตี้ และเมื่อเห็นที่ว่างข้างเหวินเจ๋อหลิ่ว เธอก็ไปนั่งลงโดยไม่ลังเล
เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว นักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ เริ่มพูดคุยกระซิบกระซาบ
“โห… คนที่เพิ่งเข้ามาสวยมาก ฉันคิดว่าคนที่อยู่ด้านหน้าสวยกว่าถังอวี้สือซะอีก”
“ใช่ ใช่ ฉันก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ทำไมจู่ ๆ ถึงมีคนสวย ๆ ในชั้นเรียนของพวกเรามากขนาดนี้กันนะ”
หญิงสาวด้านหน้าที่ถูกกล่าวถึงคือถังซวง
และแน่นอนว่าทุกคนย่อมมีความเห็นที่แตกต่างกัน
“แต่ฉันว่าถังอวี้สือดูดีกว่า ไม่เห็นหรือว่าเสื้อผ้าของถังอวี้สือสวยกว่าตั้งเยอะ? เสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นธรรมดาเกินไป”
“ใช่ ฉันก็คิดว่าถังอวี้สือสวยกว่านะ”
ถังซวงที่หูตาเฉียบแหลม ได้ยินเสียงเหล่านี้ชัดเจน แต่ไม่คิดสนใจ
ถังอวี้สือที่ถูกกล่าวถึงลอบมองถังซวง และยอมรับอยู่ในใจว่าถังซวงสวยมากจริง ๆ แต่ตัวเธอก็ไม่ได้แย่เหมือนกัน และก็ไม่คิดว่าถังซวงจะสวยกว่าตนด้วย
ด้านเหวินเจ๋อหลิวที่อยู่ด้านข้างยังคงให้ความสนใจกับถังอวี้สือ “อวี้สือ ถังซวงไม่ได้สวยเท่าเธอหรอก อย่าไปสนใจเลย”
“ถังซวง… คนที่มาพร้อมกับเธอเมื่อกี้คือถังซวงหรือ อืม เธอสวยมากจริง ๆ นั่นแหละ”
เหวินเจ๋อหลิ่วกำลังจะพูดบางอย่างแต่มีคนเดินเข้ามาในชั้นเรียน เขาเป็นชายวัยกลางคนสวมใส่แว่นตาเดินขึ้นแท่นหน้าห้องแล้วปรบมือเบา ๆ เพื่อเรียกความสนใจจากทุกคน “นักศึกษา ผมจะเป็นคนรับผิดชอบชั้นเรียนนี้ของพวกคุณ ผมแซ่หวัง และชื่อของผมคือหวังอี้”
“สวัสดีค่ะอาจารย์หวัง”
ทุกคนด้านล่างกล่าวพร้อมกัน เวลานี้หวังอี้มองไปรอบ ๆ และพบว่าทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว เขาจึงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เอาละ พวกคุณรู้จักชื่อของผมแล้ว หลังจากนี้ผมจะให้ทุกคนแนะนำตัวเองสั้น ๆ เพื่อให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น” เขาชี้ไปทางมุมห้องด้านซ้ายสุดแล้วพูดว่า “เริ่มจากคุณ”
คนแรกที่แนะนำตัวคือผู้ชายที่หน้าซื่อ ๆ “สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อเสวี่ยไค”
หลังจากนั้นก็เป็นคนถัดไป เมื่อถึงคราวของถังซวง เธอกล่าวชื่อของตนเองพร้อมงานอดิเรกสั้น ๆ แล้วนั่งลง
หลังจากถังซวงก็ผ่านไปอีกหลายคน เวลานี้เมื่อถึงคราวของถังอวี้สือ เธอลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวชัดถ้อยชัดคำ “สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อถังอวี้สือ ไม่มีงานอดิเรกสลักสำคัญอะไร แต่ส่วนใหญ่ที่ฉันชอบทำคือการเขียนหนังสือและวาดภาพ”
ทุกอย่างสั้นและกระชับ หลังพูดจบเธอนั่งลงทันที
ต้วนเฟิ่งหยิงกล่าวกระซิบ “ถังซวง คนนั้นใช้แซ่ถังเหมือนเธอเลย แต่พวกเธอสองคนสวยมากจริง ๆ นั่นแหละ แต่มีความสวยเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ถึงยังไงฉันก็ชอบเธอมากกว่า”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม “ขอบคุณ”
ขณะทั้งสองพูดคุยกัน คนอื่น ๆ ยังคงแนะนำตัวเองต่อไป หลังจากทุกคนในชั้นเรียนแนะนำตัวเองแล้ว หวังอี้เรียกผู้ชายสองสามคน “เดี๋ยวตามผมไปที่สำนักงานเพื่อยกหนังสือหน่อย ส่วนคนอื่นรออยู่ที่นี่นะครับ”
หลังจากหวังอี้พานักศึกษาชายออกไป ทุกคนเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
ถังซวงไม่ได้พูดอะไร เธอนั่งเงียบ ๆ อยู่ในที่ของตัวเอง
แต่ต้วนเฟิ่งหยิงเป็นคนชวนถังซวงคุย “ถังซวง ไม่รู้ว่าวิชาเอกของพวกเราง่ายหรือเปล่า คราวแรกฉันไม่ได้อยากเรียนเอกนี้หรอก แต่ปู่ของฉันชอบมาก เขาบอกว่าถ้าจบสาขานี้จะหางานง่าย ฉันก็หวังว่ามันจะเรียนง่ายด้วย”
เมื่อถังซวงได้ยินอย่างนั้นเธอเพียงเหลือบมองต้วนเฟิ่งหยิงแล้วพูดว่า “มันจะง่ายหรือไม่ง่ายก็ขึ้นอยู่กับตัวเธอ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”
“อื้ม สุดท้ายฉันก็คงต้องพึ่งตัวเอง”
ต้วนเฟิ่งหยิงหัวเราะก่อนจะชวนถังซวงพูดคุยเรื่องอื่น
หลังจากหวังอี้กลับมาแล้ว เขาเริ่มแจกจ่ายหนังสือ
หลังจากถังซวงได้รับหนังสือแล้ว เธอเปิดมันอ่านผ่าน ๆ ก่อนจะปิดลง ยังมีเวลาให้อ่านมันอีกมาก อีกทั้งหลายสิ่งหลายอย่างเป็นเรื่องที่เธอรู้อยู่แล้ว และที่เธอสอบเข้าสาขาเภสัชก็เพื่อต้องการเข้าถึงร้านขายยาบางแห่ง
เมื่อเห็นทุกคนได้รับหนังสือครบแล้ว หวังอี้พูดขึ้นว่า “เอาละ นี่คือหนังสือสำหรับเทอมนี้ เราจะเริ่มเรียนกันตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ตารางเรียนติดไว้เรียบร้อยพวกคุณสามารถไปดูเองได้เลย เอาละ ทุกคนกลับบ้านได้ครับ”
ได้ยินอย่างนั้น นักศึกษาทุกคนก็เดินไปดูตารางเรียนที่มุมห้องทันที
แต่ถังซวงยังคงนั่งเฉยอยู่ที่เดิม คิดว่าจะให้คนอื่นดูให้เสร็จก่อน เธอค่อยเข้าไป
ต้วนเฟิ่งหยิงนั่งอยู่กับถังซวงเห็นว่ามีคนมากมายอยู่ตรงนั้นจึงไม่คิดจะลุกดูเช่นกัน และหันมาพูดคุยกับถังซวงแทน “ถังซวง เดี๋ยวเราเอาของไปเก็บที่หอพักก่อนดีกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าเมืองหลวงเลย ฉันอยากจะไปเดินเที่ยวเล่นรอบ ๆ สักหน่อย”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงกล่าวออกไปอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะ ฉันต้องกลับบ้านน่ะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงประหลาดใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ถังซวง เธออยู่ในเมืองหลวงหรอกหรือเนี่ย ดีจังเลยที่สามารถกลับบ้านได้ตลอดเวลา”
“ใช่ ฉันต้องกลับบ้านทุกวัน จะไปพักผ่อนที่หอพักแค่ตอนเที่ยงเท่านั้น” ถังซวงอดไม่ได้ที่จะพูดต่อว่า “ถ้าเธออยากไปเดินเล่นในเมืองหลวง ฉันสามารถพาเธอไปเที่ยวเล่นช่วงสุดสัปดาห์ได้นะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น “จ้ะ งั้นถือว่าเรานัดกันแล้วนะ”
ขณะทั้งสองกำลังพูดคุยสักพัก จนคนที่ยืนดูตาตารางเรียนลดลงเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นว่าคนเบาบางลงแล้ว ถังซวงจึงลุกขึ้นไปดู
ถังซวงที่มีความจำที่ยอดเยี่ยม ดูมันสักครู่ก็สามารถจดจำได้ทุกอย่าง เลยเดินกลับออกมา
ต้วนเฟิ่งหยิงที่เห็นว่าถังซวงไม่จดอะไรเลย อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถังซวง เธอจำได้หรือ?”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจำได้แล้วละ”
ได้ยินอย่างนั้น ต้วนเฟิ่งหยิงบ่นออกมาอย่างอิจฉา “ฉันละอิจฉาความจำของเธอจริง ๆ”
แม้จะพูดคุยกับถังซวงอยู่ แต่มือของต้วนเฟิ่งหยิงยังไม่หยุดเขียน รีบจดตารางเรียนอย่างรวดเร็วและกลับหอพักไปพร้อมกับถังซวง
ติงไหลตี้เห็นถังซวงและคนอื่น ๆ กลับไปโดยไม่รอ ก็บ่นออกมาอีกครั้ง “ทำไมพวกหล่อนจึงไม่คิดจะรอเรานะ พวกเราอยู่หอพักเดียวกันแท้ ๆ”
เหยาหงขมวดคิ้วก่อนจะหันมองติงไหลตี้แล้วพูดว่า “ไหลตี้เธอจดเสร็จหรือยัง ถ้าจดเสร็จแล้วเราก็จะได้กลับกัน” เหยาหงเองจดเสร็จแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าต้องรอติงไหลตี้ เธอก็คงได้กลับหอพักตั้งนานแล้วแหละ
ส่วนถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงกล่าวลากันที่ชั้นล่างของหอพักหญิง และถังซวงหันไปเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนกำลังยืนรออยู่แล้ว
“อาหยวน…”