การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 472 ความสัมพันธ์แปลกประหลาด
บทที่ 472 ความสัมพันธ์แปลกประหลาด
บทที่ 472 ความสัมพันธ์แปลกประหลาด
หลังจากถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงมาถึงห้องเรียน คนอื่นก็มาถึงเกือบจะครบแล้ว พวกเธอนั่งลงที่แถวด้านหลัง ส่วนข้างหน้าของคือเหวินเจ๋อหลิวและถังอวี้สือ
ถังอวี้สือหันกลับมาหาถังซวงก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีถังซวง ฉันชื่อถังอวี้สือ จากนี้ไปเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ”
เธอรู้ดีว่าบางคนในชั้นเรียนชอบเอาเธอไปเปรียบเทียบกับถังซวง แต่เธอไม่คิดสนใจเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรสนใจ เธอเข้ามหาวิทยาลัยชิงหวาเพื่อต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่ใช่รับฟังเรื่องราวน่าเบื่อแบบนี้ เธอมาที่นี่เพื่อพัฒนาตัวเอง
เห็นมือเรียวยื่นมาตรงหน้า ถังซวงจึงยื่นมือออกไปจับพร้อมกับพูดว่า “สวัสดีเพื่อนร่วมชั้นถังอวี้สือ จากนี้ไปเรามาเรียนรู้และช่วยเหลือกันนะ”
ถังอวี้สือยังไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเป็นเหวินเจ๋อหลิ่วที่เย้ยหยัน “คนอย่างเธอน่ะหรือจะช่วยอวี้สือได้ เฮอะ ช่วยเหลือกัน…”
ก่อนเหวินเจ๋อหลิ่วจะพูดจบ ถังอวี้สือเหลือบสายตามองหล่อนอย่างเย็นชาเสียก่อน
เหวินเจ๋อหลิ่วจึงหุบปากสนิททันที
ดูจากความสัมพันธ์ระหว่างถังอวี้สือกับเหวินเจ๋อหลิ่วแล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะสงสัย เดิมทีเธอคิดว่าเหวินเจ๋อหลิ่วและถังอวี้สือรู้จักกันมานาน คงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอจะค่อนข้างประหลาด
และหลังจากถังอวี้สือทักทายถังซวง เธอหันกลับมานั่งตัวตรง
ส่วนเหวินเจ๋อหลิ่วไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงเปิดหนังสืออ่านเงียบ ๆ
ต้วนเฟิ่งหยิงหันมองแผ่นหลังของเหวินเจ๋อหลิ่วก่อนจะหันมองถังอวี้สือสลับกัน เธออดไม่ได้ที่จะกระซิบข้างหูถังซวง “ปกติแล้วฉันเห็นเจ๋อหลิวเย็นชามาก แต่กลับทำหน้าเศร้าหลังจากโดนถังอวี้สือว่า มันแปลก ๆ เนอะ”
ถังซวงมองเหวินเจ๋อหลิ่ว และเห็นว่าอีกฝ่ายกระชับหนังสือเรียนแน่นขึ้นหลังจากต้วนเฟิ่งหยิงพูดจบ
เห็นอย่างนั้น ถังซวงจึงเข้าใจว่าเหวินเจ๋อหลิวได้ยินคำพูดของต้วนเฟิ่งหยิงแล้ว หูอีกฝ่ายคงดีไม่น้อย นี่ขนาดต้วนเฟิ่งหยิงพูดเบามาก แต่หล่อนยังได้ยิน
ต้วนเฟิ่งหยิงเห็นถังซวงไม่ตอบกลับ ก็กำลังจะพูดต่อ แต่ว่าอาจารย์กลับเข้ามาเสียก่อน
“นักศึกษา วันนี้เป็นวันแรกของชั้นเรียน และเป็นการเรียนครั้งแรกของพวกเราทุกคน อย่างนั้นผมจะแนะนำตัวเองก่อนแล้วเรามาเริ่มเรียนกัน”
ชั้นเรียนแรกของวันนี้คือสรีรวิทยา อาจารย์ประจำวิชานี้แซ่เหวิน การบรรยายของเขาน่าสนใจและค่อนข้างมีอารมณ์ขัน ถังซวงเลยฟังด้วยความตั้งใจและรู้สึกประทับใจในตัวอาจารย์เหวินไม่น้อย
นักศึกษาที่สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชิงหวาได้จะต้องเล่าเรียนอย่างหนัก ดังนั้นทุกคนจึงตั้งใจเรียนมาก เสียงเดียวที่ส่งเสียงดังในห้องเรียนคือเสียงขีดเขียนของการจดบันทึก
แม้ถังซวงจะมีความจำที่ดี แต่เธอก็เคยชินกับการจดสิ่งสำคัญ เธอจึงลงมือจดบันทึกด้วย
เมื่อจบชั้นเรียน มีนักศึกษาหลายคนที่ยังรู้สึกไม่พอใจ
“ถังซวง ไปเข้าห้องน้ำด้วยกันไหม?”
ชั้นเรียนกินเวลานานพอสมควร ต้วนเฟิ่งหยิงจึงอยากเข้าห้องน้ำ
ถังซวงพยักหน้า “อื้ม”
หลังจากถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงออกจากห้องเรียน เหวินเจ๋อหลิ่วหันมองถังอวี้สือ “คุณหนู ทำไมต้องไปทักทายถังซวงด้วยล่ะคะ หล่อนไม่ควรได้รับการปฏิบัติตัวอย่างสุภาพขนาดนั้นสักนิด”
ถังอวี้สือเหลือบมองเหวินเจ๋อหลิ่ว “รู้ไหม ถึงเรามาเรียนในเมืองหลวง แต่เราก็ต้องทำตัวปกติทั่วไป ครั้งต่อไปอย่าทำหน้าเย็นชาแบบนั้นอีก”
ได้ยินที่ถังอวี้สือพูดอย่างนั้น เหวินเจ๋อหลิ่วไม่กล้าโต้แย้งก่อนจะพยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงที่ไปเข้าห้องน้ำ ทั้งสองคนพูดคุยเรื่องของเหวินเจ๋อหลิ่วและถังอวี้สือ
“ถังซวง บอกฉันหน่อยสิว่า… ความสัมพันธ์ระหว่างเหวินเจ๋อหลิ่วกับถังอวี้สือมันเป็นยังไง ฉันเห็นว่าเหวินเจ๋อหลิ่วดูเชื่อฟังถังอวี้สือมากเลยนะ ดูเหมือนทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างประหลาด”
“อื้ม ฉันว่ามันก็แปลก ๆ อยู่ ดูเหมือนเหวินเจ๋อหลิ่วจะติดตามถังอวี้สือ แต่ช่างมันเถอะ มันไม่ใช่เรื่องของเราหรอก”
ต้วนเฟิ่งหยิงถึงกับสะดุ้งก่อนจะพูดว่า “จริงด้วย มันไม่ใช่ธุระของเรา กลับเถอะ ชั้นเรียนต่อไปคือฟิสิกส์การแพทย์แหละ”
หลังจากทั้งสองกลับมาที่ห้องเรียน วิชาที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น
เวลาเรียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเลิกเรียนช่วงเช้า ถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงไปโรงอาหารพร้อมกัน
ทันทีที่มาถึงโรงอาหาร โม่เจ๋อหยวนก็เดินเข้ามา “ซวงเอ๋อร์ ฉันเตรียมอาหารไว้แล้ว ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”
“ค่ะ”
ถังซวงหันมองต้วนเฟิ่งหยิงก่อนจะเอ่ยปากชวน “ไปกันเถอะ”
ทว่าต้วนเฟิ่งหยิงมีไหวพริบพอสมควร เธอโบกมือปฏิเสธทันที “ไม่ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปหาข้าวกินเอง พวกเธอสองคนไปกันเถอะ”
แต่โม่เจ๋อหยวนที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นว่า “มาด้วยกันเถอะครับ เพื่อนร่วมห้องของผมก็อยู่ด้วย มานั่งด้วยกันเยอะ ๆ สนุกดี อีกอย่างผมจ่ายค่าอาหารส่วนของคุณแล้วด้วย”
ได้ยินว่ามีคนอื่นร่วมโต๊ะด้วย ต้วนเฟิ่งหยิงจึงปฏิเสธไม่ออก “อ้อ อย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงมานั่งที่นั่งของตน ที่มีผู้ชายห้าคนนั่งอยู่ โม่เจ๋อหยวนเริ่มแนะนำพวกเขาทีละคน “นี่เพื่อนร่วมห้องของฉันเอง นี่คือจางเฉียง ชิงเต๋อเหริน ถานเค่อเชวี่ย เหวินจืออวิ๋น และหม่าเจินผิง”
จางเฉียงเคยเจอถังซวงแล้ว เขาเลยแนะนำเธอให้เพื่อนร่วมห้องทั้งหมดรู้จัก “นี่ไง คู่หมั้นของโม่เจ๋อหยวนที่ฉันเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ สวยใช่ไหมล่ะ? โม่เจ๋อหยวนเนี่ยไม่ธรรมดาเลย พวกเรายังไม่ได้มีคนรักเป็นตัวเป็นตน แต่เขากลับมีคู่หมั้นไปซะแล้ว”
คนอื่น ๆ หันมองถังซวงก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้า “นี่โม่เจ๋อหยวนแซงเราไปแล้วหรือเนี่ย”
ถังซวงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม และแนะนำต้วนเฟิ่งหยิงให้พวกเขารู้จัก
จางเฉียงและคนอื่น ๆ หันมองต้วนเฟิ่งหยิงและรีบทักทายเธออย่างกระตือรือร้น “สวัสดีเพื่อนร่วมชั้นต้วน”
“สวัสดีค่ะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงเข้ากับเพื่อนร่วมห้องของโม่เจ๋อหยวนได้ดี และเป็นมิตรกับทุกคนมากด้วย
หลังจากทุกคนนั่งลงแล้ว พวกเขาเริ่มรับประทานอาหาร
แต่เพราะเวลานี้ทุกคนเลิกชั้นเรียนพร้อมกัน ในโรงอาหารคับคั่งไปด้วยผู้คน และคนส่วนใหญ่ยังคงเข้าแถวต่อคิวซื้ออาหาร ส่วนถังซวงและคนอื่น ๆ ที่กำลังทานอาหารอยู่นั้นเป็นเพราะโม่เจ๋อหยวนมาถึงโรงอาหารเป็นคนแรก ๆ
เมื่อเหยาหง ติงไหลตี้ และเจียนหวานหว่านมาถึง พวกเธอเห็นถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงกำลังทานอาหารอยู่ ก็หันไปมองคิวยาวเหยียดก่อนจะหันมองกล่องอาหารกลางวันของถังซวงและคนอื่น ๆ ที่กินใกล้เสร็จเต็มที ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงช่องว่างระหว่างตนกับถังซวงที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร
เหยาหงและเจียนหวานหว่านไม่เคยพบกับโม่เจ๋อหยวนมาก่อน พวกเธอจึงรู้สึกประหลาดใจที่เห็นถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงนั่งอยู่กับผู้ชายกลุ่มใหญ่
“ถังซวงกับต้วนเฟิ่งหยิงรู้จักคนพวกนั้นหรือ? ดูสนิทกันจังเลยนะ”
ติงไหลตี้หันมองโม่เจ๋อหยวนที่กำลังแกะก้างปลาให้ถังซวง ใบหน้าเธอเก็บความริษยาไว้ไม่มิด ก่อนจะตอบคำถามเหยาหงด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว “ฉันเคยเจอหนึ่งในนั้นแล้ว เขาเป็นคู่หมั้นของถังซวง ส่วนผู้ชายคนอื่น ๆ คงจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของคู่หมั้นหล่อน”
“อะไรนะ… ถังซวงมีคู่หมั้นแล้วหรือ”
เหยาหงประหลาดใจ จากนั้นชี้ไปทางโม่เจ๋อหยวนที่นั่งใกล้กับถังซวง “คนนั้นหรือเปล่า หล่อจังเลย เขาเหมาะสมกับถังซวงจริง ๆ นั่นแหละ”