การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 478 ที่มาของข่าวลือ
บทที่ 478 ที่มาของข่าวลือ
บทที่ 478 ที่มาของข่าวลือ
หลังจากหยินอี้ออกไป ถังซวงก็เดินกลับหอพัก
ต้วนเฟิ่งหยิงที่เห็นถังซวงกลับเข้ามา จึงรีบโบกมือเรียกเธอ “ถังซวง กลับมาแล้วหรือ พอดีฉันมีคำถามอยากจะถามหน่อยน่ะ”
ถังซวงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ถามมาได้เลย”
เห็นว่าถังซวงยินดี ต้วนเฟิ่งหยิงหยิบหนังสือออกมาก่อนจะชี้ไปบนหนังสือ “ถังซวง ฉันไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย เธอช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?”
ต้วนเฟิ่งหยิงถามเรื่องเกี่ยวกับวิชาเภสัชวิทยา ส่วนถังซวงพยายามอดทนและอธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น หลังจากอธิบายจบแล้ว ต้วนเฟิ่งหยิงหันมองเธอด้วยแววตาชื่นชมก่อนจะพูดว่า “ถังซวง เธอสุดยอดมากจริง ๆ ทั้งหมดนี้เธออธิบายจนฉันเข้าใจหลักการ แถมวิธีการเปรียบเทียบก็ง่ายมากด้วย”
ถังซวงยิ้ม “เข้าใจก็ดีแล้วละ”
“ขอบคุณนะถังซวง”
“ขอบคุณอะไรกัน ถ้ามีเรื่องไม่เข้าใจอะไรก็ถามฉันได้เลย หรือถ้าเราสองคนไม่เข้าใจ ก็จะได้ไปถามอาจารย์ด้วยกันไง” ถังซวงไม่ได้รับประกันว่าเธอรู้ไปเสียทุกเรื่อง
เมื่อต้วนเฟิ่งหยิงได้ยินอย่างนั้นเธอรีบพยักหน้ารับ “ตกลงจ้ะ”
เหยาหงเห็นถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงสนิทกันขนาดนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉา
ความจริง เธอเองก็มีหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจ และคิดจะจดทุกสิ่งอย่างไปถามอาจารย์ แต่มันคงจะดีกว่าถ้าเธอสามารถถามถังซวงได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่ต้วนเฟิ่งหยิงถามคำถาม เธอก็ลอบฟังด้วยเช่นกันเพราะเห็นว่ามันก็เป็นเรื่องที่เธอไม่เข้าใจ แต่พอได้ยินคำอธิบายของถังซวง เธอกลับเข้าใจทุกอย่างในทันที ถังซวงนี่อธิบายได้เก่งจริง ๆ
เหยาหงหันมองถังซวงอย่างลังเล ก่อนจะกลั้นใจพูดออกไป “ถังซวง ฉัน… ฉันถามบ้างได้ไหม?”
เธอพยายามอย่างหนักเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนี้ ดังนั้นเธอจึงต้องการเรียนรู้ทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อจะดึงศักยภาพแท้จริงออกมาให้ได้
ได้ยินเหยาหงพูดออกมาอย่างนั้น ถังซวงเหลือบมองก่อนจะตอบว่า “ได้สิ”
“จริงหรือ? ขอบคุณนะถังซวง ขอบคุณมากเลย”
เหยาหงไม่ได้คาดหวังว่าถังซวงจะยินดีตอบรับ เวลานี้เธอมีความสุขมากเพราะถังซวงไม่ได้ปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร”
ถังซวงยิ้ม เธอชอบคนที่พยายามตั้งใจเรียนอย่างหนักอยู่แล้ว
ติงไหลตี้ที่อยู่ด้านข้างเห็นเหยาหงทำอย่างนั้นจึงไม่พอใจทันที ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ และรู้สึกว่าเหยาหงกำลังทิ้งเธอเพื่อไปหาถังซวง ทั้งที่เธอกับเหยาหงอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรก
ส่วนเหยาหงไม่รู้ว่าติงไหลตี้กำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้เธอมัวแต่ดีใจที่ถังซวงอธิบายเรื่องยาก ๆ ให้เธอฟัง
นอกจากถังซวงที่อยู่ในหอพักแล้ว ยังมีเจียนหวานหว่านที่มาจากเมืองหลวงมองถังซวงด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เธอแทบไม่คุยกับถังซวงเลย “เธอสอบได้อันดับสองของเมืองหลวง และอันดับหนึ่งคือคู่หมั้นของเธออีก พวกเธอสองคนเก่งจังเลยนะ”
“ขอบคุณ”
ได้ยินเจียนหวานหว่านกล่าวชมอย่างนั้น ถังซวงก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เจียนหวานหว่านยังคงพูดกับถังซวงต่อว่า “ถ้าสุดสัปดาห์นี้เธอว่าง เราไปซื้อของกันไหม? ตั้งแต่เปิดเทอมฉันยังไม่ได้ออกไปซื้ออะไรเลย”
แต่สิ่งที่เจียนหวานหว่านไม่ทันคิดคือถังซวงกลับปฏิเสธเธอทันที
“ขอโทษด้วยนะ ช่วงนี้ฉันงานยุ่งมากไม่มีเวลาไปซื้อของเลย ไว้ฉันเสร็จธุระแล้วค่อยนัดกันใหม่นะ” ขณะพูดอย่างนั้น เธอหันมองต้วนเฟิ่งหยิง “เอ๊ะ จริงด้วยสิ เฟิ่งหยิง ถ้าถึงวันนั้นเธอก็ไปซื้อของกับพวกเราด้วยนะ”
“จ้ะ ไปแน่นอน”
ต้วนเฟิ่งหยิงชอบความสนุกสนาน เธอตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
ทว่าเจียนหวานหว่านกลับไม่พอใจเมื่อได้ยินว่าถังซวงปฏิเสธ แต่หลังจากได้ยินถังซวงพูดต่อ เธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายยุ่งมากจริง ๆ เวลานี้จึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ “ตกลง”
ในตอนนั้นเอง เหยาหงอยากจะบอกว่าเธอเองก็อยากจะไปด้วย
แต่เมื่อการออกไปซื้อของจะต้องเสียเงินมาก เธอกลับกลืนคำพูดของตัวเองทันที แม้ว่าจะมีเงินทุนสำหรับการมาเรียนมหาวิทยาลัย แต่เธอก็ยังต้องประหยัด เพื่อที่จะช่วยครอบครัว ไม่อย่างนั้นสามีและลูกสาวของเธอที่เข้าเมืองหลวงมาด้วยกันจะมีชีวิตอยู่ที่นี่ได้ยังไง
สามีของเธอจำต้องตัดสัมพันธ์กับครอบครัวเพื่อให้เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เหลือเพียงเราสามคนที่ต้องพึ่งพากันและกัน เธอจึงต้องประหยัดและตั้งใจเรียน จากนั้นจึงค่อยหางานดี ๆ ทำ
แววตาของเหยาหงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และเริ่มอ่านหนังสือต่อ เธอไม่ใช่คนฉลาด และเกรดที่ได้ก่อนหน้าเป็นสิ่งที่เธอพยายามอย่างหนัก ดังนั้นเมื่อได้เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เธอจะต้องพยายามให้มากขึ้น
ถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงพูดคุยกันสักเล็กน้อยก่อนจะนอนพักในช่วงบ่าย
เมื่อชั้นเรียนในช่วงบ่ายกำลังจะเริ่ม ทั้งสองตื่นขึ้นก่อนจะเดินไปที่ห้องเรียน
หลังเลิกเรียน ถังซวงกลับบ้านทันที เธอไปหาน้องฝาแฝดก่อนจะกลับไปที่ลานบ้านของตัวเอง แต่ตอนที่เธอกำลังยุ่งวุ่นวายกับงานของตัวเอง หยินอี้กลับมาพร้อมกับเบาะแสบางอย่าง
“คุณถังครับ ข่าวลือพวกนี้แพร่กระจายมาจากผู้หญิงที่ชื่อติงไหลตี้ในหอพักของคุณ หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มพูดคุยเรื่องนี้น่ะครับ”
“ติงไหลตี้…”
ใบหน้าของถังซวงกลายเป็นบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินชื่อนี้
เธอไม่มีความขัดแย้งอะไรกับติงไหลตี้เลย แต่อีกฝ่ายกลับพูดทำลายชื่อเสียงของเธอ? เธอคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่?
แต่ไม่ว่าติงไหลตี้คิดทำอะไร ถังซวงจะไม่ยอมให้เธอทำสำเร็จแน่นอน
“ขอบคุณมากนะหยินอี้”
หยินอี้กล่าวตอบอย่างตื่นตระหนก “คุณถังครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันเป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว”
“ฉันก็ยังอยากขอบคุณอยู่ดี”
ถังซวงรอยยิ้มก่อนจะให้เขาออกไป
วันรุ่งขึ้น ถังซวงไปมหาวิทยาลัยแต่เช้า ก่อนที่เธอจะไปถึงหอพัก เธอกลับได้พบกับหวังอี้
“นักศึกษาถังซวง ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
ถังซวงพยักหน้ารับ
“ได้ค่ะ”
หลังจากมาถึงห้องพักครูแล้ว หวังอี้อธิบายเรื่องการสอบสวนของมหาวิทยาลัยแล้วพูดต่อว่า “ถังซวง แหล่งที่มาของข่าวลือค่อนข้างสืบได้ยาก เธอรออีกหน่อยเถอะนะ อีกไม่นานพวกเราจะต้องรู้แน่ว่าใครเป็นต้นเรื่อง”
ถังซวงเลิกคิ้ว นี่ทางมหาวิทยาลัยยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเธอต้องช่วยซะแล้ว
“อาจารย์หวังคะ จริง ๆ แล้วฉัน… พอจะรู้แล้วละค่ะว่าเป็นใคร”
หวังอี้ประหลาดใจทันที “จริงหรือ? นักศึกษาถังซวง ถ้ารู้ว่าเป็นใคร บอกผมหน่อยได้ไหม?”
แน่นอนว่าถังซวงจะไม่ปิดบัง เธอพูดชื่อของติงไหลอี้ออกไป
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมติงไหลตี้ถึงพูดแบบนั้นกับคนอื่น แต่เธอทำผิด ฉันหวังว่าอาจารย์จะพูดคุยและตักเตือนเธอให้ดีนะคะ เพราะข่าวลือพวกนี้เป็นผลเสียมาก นี่คือการใส่ร้ายอย่างชัดเจน ฉันหวังว่าในอนาคตเธอจะไม่ทำอย่างนี้อีก”
แน่นอนว่าเพียงแค่การตักเตือนนั้นไม่เพียงพอ ถังซวงกำลังคิดว่าจะตอบโต้ติงไหลตี้ยังไงดี…