การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 48 เกี่ยวข้อง(รีไรท์)
บทที่ 48 เกี่ยวข้อง(รีไรท์)
บทที่ 48 เกี่ยวข้อง(รีไรท์)
เมื่อได้ยินคำพูดของถังชุนหยาน ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอ เมื่อกำลังจะถามอะไรบางอย่าง สายตาของชายคนนั้นก็หันมาทางพวกเธออย่างเย็นชา
ถังชุนหยานรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก แต่เมื่อเห็นการจ้องมองที่เย็นชานั้น เธอก็กลัวจนต้องเงียบแล้วรีบก้มหน้าลง
หลังจากที่ถังซวงและคนอื่น ๆ ถูกผลักให้เข้าไปในรถบรรทุก รถก็สตาร์ตทันที จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังระยะไกล
ภายในรถนั้นมืดมาก มีเด็กสาว 6 คนถูกขังอยู่ที่นี่ ถังเซวี่ยและถังชุนหยานต่างก็เอนกายอยู่ข้างถังซวงอย่างแนบแน่น ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว “พี่ เรา… หนีไม่ได้หรือ? พวกมันหายไปแล้ว คนพวกนั้นจะขายเราในภูเขาหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังเซวี่ย ถังชุนหยานก็ยิ่งกลัว
“ฮือฮือ… ฉันได้ยินคนพูดว่าพวกค้ามนุษย์ชอบขายเด็กสาวให้คนในภูเขา พวกที่ถูกขายจะไม่มีวันได้กลับบ้าน ฮือ ๆ เราจะถูกขายแล้ว” เสียงร้องไห้ของเธอดังขึ้นเรื่อย ๆ เด็กสาวอีกสามคนจึงเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
ถังซวงปลอบถังชุนหยานก่อนจะถามว่า “เมื่อกี้นี้เธอเห็นชายคนนั้น เธอพูดว่า ‘นั่นเขา’ เคยเห็นเขามาก่อนหรือ”
เมื่อได้ยินคำถามของถังซวง ถังชุนหยานก็หยุดร้องไห้ เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันเคยเห็น ที่ฉันบอกก่อนหน้านี้ไง ฉันเข้าตำบลเพราะเอ้อไหลจื่อกับแม่ม่ายหลิว ฉันจำได้ว่าตอนที่แม่ม่ายหลิวไปซื้อของ เอ้อไหลจื่อก็รออยู่ข้าง ๆ บังเอิญมีใครบางคนเดินผ่านเขาในตอนนั้น เป็นคนที่ฉันเห็นเมื่อกี้แหละ”
ถังซวงเลิกคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“เพราะงั้นเธอเลยจำได้สินะ ความจำดีนะ”
ถังชุนหยานโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของถังซวงแล้วกระซิบว่า “ไม่หรอก ไม่อย่างนั้นฉันคงจำไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉันเห็นเอ้อไหลจื่อแอบส่งโน้ตให้เขา ทั้งสองคนต้องรู้จักกันแน่ ฉันเลยจำชายหน้าตาธรรมดาคนนี้ได้”
“งั้นเอ้อไหลจื่อก็รู้จักชายคนนี้สินะ”
ถังชุนหยานพยักหน้ายืนยันและพูดว่า “ใช่ รู้จักกันแน่นอน”
“เพราะงั้น…เธอเลยถูกพวกเขาเจอในตอนนั้น”
ถังชุนหยานรีบส่ายหัวและพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ ฉันระวังมากนะ”
“แล้วทำไมเธอถึงคิดว่าถูกจับมาได้ล่ะ?”
ถังซวงคิดถึงปมของเรื่อง แน่นอนว่าเป็นเพราะถังชุนหยานเห็นชายคนนั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เจ้าตัวถูกจับ และพวกเธอเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับถังชุนหยาน ไม่อย่างนั้นพวกเขาไม่จับเธอกับน้องมาด้วยหรอก
“อะไรกัน…”
ถังชุนหยานตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ หลังจากนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อย่างระมัดระวัง ในที่สุดเธอก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ตอนฉันซ่อนอยู่ ชายคนนั้นมองฉัน แต่เขาก็รีบหลบตามองไปทางอื่นทันที ฉันนึกว่าเขาแค่มองไปรอบ ๆ ไม่ได้สังเกตเห็นฉัน ฉันตกเป็นเป้าหมายในตอนนั้นเองสินะ”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ถังชุนหยานก็คิดเกี่ยวกับการจับถังเซวี่ย เธอมองไปที่ถังซวงกับถังเซวี่ยด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด “ฉันขอโทษนะ ดูเหมือนว่าฉันทำให้พวกเธอต้องลำบากแล้ว ฉันไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องในวันนี้เลย ตามเอ้อไหลจื่อเข้าตำบลกับแม่ม่ายหลิว ฉัน…ทำไมตอนนั้นฉันถึงตามมานะ”
ในตอนท้าย ถังชุนหยานน้ำตาไหลออกมา
ท้ายที่สุด เธอเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบห้าสิบหก ไม่เพียงแต่เธอถูกจับ แต่ถังซวงและถังเซวี่ยก็ถูกจับด้วย ในที่สุดสิ่งที่รอพวกเธออยู่คือชะตากรรม เธอทั้งรู้สึกผิดและหมดหวัง
ถังเซวี่ยมองถังชุนหยานด้วยสายตาซับซ้อน
ปรากฎว่าถังชุนหยานเป็นต้นเหตุที่เธอและพี่สาวถูกจับมา
แต่เธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้น เธอคือคนที่เห็นถังชุนหยานในเวลานั้นเอง และพวกเธอก็เป็นฝ่ายทักก่อน เธอจึงไม่อาจตำหนิถังชุนหยานได้ “พี่รอง ฉันไม่โทษพี่สำหรับเรื่องนี้หรอก มันเป็นความผิดของชายคนนั้นต่างหาก”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังเซวี่ย ถังชุนหยานก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด”
“เอาล่ะ ๆ เก็บแรงกันไว้หน่อย อย่าร้องไห้เลย”
เมื่อเห็นท่าทางที่เคร่งขรึมของถังซวง ถังชุนหยานก็หยุดร้องไห้โดยไม่รู้ตัว เด็กสาวมองอีกฝ่ายด้วยความงุนงงก่อนจะพึมพำว่า “ถังซวง… พี่สาว เราควรทำยังไงดี?”
“นั่งดี ๆ ก่อน”
หลังจากที่ถังซวงนั่งลง เธอขยับข้อมือสองครั้ง เพียงแค่นั้นก็หลุดพ้นจากพันธนาการทันที จากนั้นเธอช่วยถังเซวี่ยและถังชุนหยานแก้เชือก “กินข้าวกันก่อน จะได้ไม่หมดแรงตอนเราหนี”
“แต่…เราไม่มีอะไรจะกิน”
“ฉันมี”
ถังซวงหยิบขนมปังออกมาสองสามชิ้นจากกระเป๋าแล้วแบ่งปันให้แต่ละคน
โชคดีที่วันนี้เธอนำถุงออกมาด้วย ดังนั้นการหยิบขนมปังออกมาจึงไม่ได้สร้างความสงสัย คนอื่นจะคิดว่าเธอหยิบมันออกมาจากถุงเท่านั้น
สามสาวฝั่งตรงข้ามเห็นว่าพวกเธอกินขนมปังกันหมดและดูไม่เศร้าอีกต่อไปก็ได้แต่มองพวกเธออย่างว่างเปล่า ไม่เข้าใจว่าเรื่องกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง ตอนนี้พวกเธอไม่กลัวแล้วหรือ มานั่งกินขนมปังอย่างสบายใจเนี่ยนะ
เมื่อเห็นดวงตาทั้งสามคู่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถังซวงก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับตัวไป
“อย่าพูด อย่าตะโกน เชื่อฟังคำสั่งของเรา เข้าใจไหม?”
เด็กสาวคนหนึ่งเป็นคนแรกที่พูดว่า “อื้ม”
อีกสองคนก็พยักหน้า “ได้”
“เอาล่ะ ตอนนี้ฉันจะแก้มัดให้ แต่ฉันต้องผูกมันกลับในภายหลังนะ” ในขณะที่พูด ถังซวงปลดเชือกของคนสามคนที่อยู่ตรงข้าม และให้ขนมปังชิ้นเล็ก ๆ กับพวกเธอด้วย “กินอะไรรองท้องก่อน อย่าปล่อยให้แขนขาอ่อนแรงเพราะหิว”
“ขอบคุณนะ…”
เมื่อมองไปที่ขนมปังในมือ ทั้งสามคนก็กล่าวขอบคุณด้วยเสียงแผ่วเบา
หลังจากกินเสร็จไม่นาน พวกเธอก็มัดเชือกบนข้อมือตนเองอีกครั้ง แต่คราวนี้มัดหลวม ๆ ถังซวงสอนพวกเธออย่างเรียบง่ายและชัดเจน และในที่สุดคนอื่น ๆ ก็เรียนรู้วิธีหลุดพ้นจากเชือก
“พี่สาว เราจะทำยังไงต่อ?”
ถังเซวี่ยยังคงเป็นกังวลเล็กน้อย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “ถ้าแม่รู้ว่าเราหายไปต้องกังวลมากแน่”
ถังซวงรู้ว่าเฮ่อหลานจะต้องวิตกกังวลแน่ แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้
และในขณะนี้เอง เฮ่อหลานก็ออกมาข้างนอกอย่างตื่นเต้นหลังการอบรม แต่เธอกลับไม่เห็นลูกสาวทั้งสองรออยู่แถวนั้นเลย เธอตามหาข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อแต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของสองพี่น้อง
“กลับไปก่อนแล้วหรือ?”
แต่ในไม่ช้าเฮ่อหลานก็ทิ้งความคิดนั้นไป
ลูกสาวสองคนบอกว่าจะรอเธอที่นี่ พวกเธอจะไม่กลับไปก่อนอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเธอยังคงอยู่ในตำบลแน่ เฮ่อหลานจึงรีบไปที่อื่นในตำบลเพื่อตามหา เธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่มีวี่แววของลูกสาวทั้งสอง
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ลูกอยู่ที่ไหนกัน?”
ใบหน้าของเฮ่อหลานซีดลง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอปรามาสตนเอง
เธอไม่ควรมาอบรมครั้งนี้หรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นลูกสาวทั้งสองคงไม่หายไปแบบนี้
แต่ในไม่ช้า เฮ่อหลานก็กลับมามีสติอีกครั้ง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโทษตัวเองแล้ว เธอจะตามหาอีกครั้ง บางทีลูกสาวสองคนอาจแค่เล่นสนุก แต่ไม่รู้ว่าไปเล่นที่ไหนก็เท่านั้น
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฮ่อหลานก็กลับมาฮึกเหิมแล้วค้นหาต่อไป แต่รอยเท้าที่ยุ่งเหยิงและสีหน้ากังวลของเธอล้วนแสดงออกถึงความตื่นตระหนกชัดเจน ขณะที่เธอกำลังวิ่งไปฝั่งตรงข้ามของถนน เสียงเบรกก็ดังขึ้น…