การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 480 ไม่มีความสำนึก
บทที่ 480 ไม่มีความสำนึก
บทที่ 480 ไม่มีความสำนึก
คนอื่น ๆ ที่ได้ยินการคาดเดาของเพื่อนร่วมชั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ มีบางคนที่ไม่เชื่อ
“เป็นไปได้ยังไง? ติงไหลตี้น่ะหรือจะกล้าเผยแพร่ข่าวลือพวกนั้น? หน้าอย่างเธอไม่น่าจะกล้าทำหรอก”
“จะตัดสินคนจากหน้าตาได้ยังไง? ถ้าติงไหลตี้กล้าขึ้นมาล่ะ?”
“ไม่ใช่หรอก ฉันจำได้ว่าติงไหลตี้กับถังซวงอยู่หอพักเดียวกัน อยู่ใกล้กันขนาดนั้น เธอไม่กล้าทำหรอกมั้ง”
ทุกคนกำลังพูดคุยเรื่องนี้ ถึงขนาดมีบางคนเดินเข้าไปถามถังซวงโดยตรง “ถังซวง เธอกับติงไหลตี้ไม่ได้สนิทกันหรือ? ทำไมหล่อนถึงแพร่ข่าวลือใส่ร้ายเธอแบบนั้นล่ะ?”
ถังซวงเหลือบมองคนที่พูด “ฉันกับติงไหลตี้ไม่เคยมีอะไรเกี่ยวข้องกัน อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่าอาจารย์หวังเรียกติงไหลตี้ไปทำไม ถ้าอยากจะรู้ พวกเธอก็ไปถามอาจารย์หวังเองสิ”
หลังได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น ทุกคนหยุดถามทันที
ต้วนเฟิ่งหยิงจ้องมองทุกคนก่อนจะพูดต่อ “เลิกเดาได้แล้ว ถ้าอาจารย์หวังเรียกติงไหลตี้เพราะเรื่องของถังซวง พวกเราก็จะได้รู้เองแหละน่า” พอต้วนเฟิ่งหยิงพูดจบแล้ว เธอหันไปกระซิบกับถังซวงแล้วถามว่า “ถังซวง… แล้วเธอคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับติงไหลตี้หรือ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นเรื่องของอาจารย์หวัง”
“อื้ม”
ต้วนเฟิ่งหยิงหดหู่ที่ไม่ได้ตามอีกฝ่ายไปด้วย เธออยากรู้มากว่าอาจารย์หวังจะพูดคุยอะไรกับติงไหลตี้
อีกด้าน ทางฝั่งของห้องพักครู
หวังอี้จ้องมองติงไหลตี้ตรงหน้า กล่าวถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ติงไหลตี้ คุณเป็นคนเผยแพร่ข่าวลือขอถังซวงใช่ไหม?”
หัวใจของติงไหลตี้เต้นระรัว เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้อาจจะแดงออกมาสักวัน แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ และเธอไม่คิดจะยอมรับมันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามด้วย
“อาจารย์หวัง ฉันไม่ได้ทำนะคะ ไม่ใช่ฉัน”
ติงไหลตี้น้ำตาไหลอาบสองแก้ม “อาจารย์คะ คุณมากล่าวหาฉันอย่างนี้ได้ยังไง? ฉันไม่เคยทำเรื่องพวกนี้เลย อีกอย่างฉันกับถังซวงก็เป็นเพื่อนร่วมหอพักเดียวกันด้วย ฉันจะปล่อยข่าวใส่ร้ายเธอทำไม”
“ไม่ได้ทำงั้นหรือ?”
หวังอี้มองติงไหลตี้อย่างไม่เชื่อถือ แม้ถังซวงจะไม่มีหลักฐานแต่เขาเชื่อถังซวง และต้องล่อลวงให้ติงไหลตี้ยอมรับให้ได้
“มีแต่คนบอกกับผมว่าคุณเป็นคนใส่ร้ายถังซวง”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ใบหน้าของติงไหลตี้ดูจะขุ่นเคืองขึ้นมาทันที
“อาจารย์คะ อย่างนั้นคุณบอกได้ไหมว่าใครเป็นคนพูดแบบนั้น ทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนี้ ฉันไม่ได้เผยแพร่ข่าวซุบซิบพวกนี้เลยนะคะ คน ๆ นั้นคิดใส่ร้ายฉันแน่ ๆ”
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ติงไหลตี้ยังลอบหวาดกลัวอยู่ในใจ แววตาของเธอเผยความหวาดกลัวและความละอายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเล็ดลอดไปจากสายตาของหวังอี้ เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วเขาจะไม่เข้าใจเรื่องราวได้ยังไง? ติงไหลตี้เป็นคนเผยแพร่ข่าวลือของถังซวงจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีแววตาอย่างนี้แน่นอน
“ติงไหลตี้…”
หวังอี้กล่าวเสียงต่ำ “ตอนนี้คุณยังไม่คิดยอมรับอีกหรือ คน ๆ นั้นบอกผมหมดแล้วว่าคุณทำอะไรลงไปบ้าง”
“อาจารย์ ฉัน… ฉัน… ฉันไม่…”
ใบหน้าจริงจังของหวังอี้ ทำให้ติงไหลตี้หวาดกลัวจนพูดไม่ออก เสียงของเธอขาด ๆ หาย ๆ จนกลายเป็นเงียบงัน
จากนั้นหวังอี้กล่าวขึ้นด้วยอารมณ์ที่เย็นชา “ติงไหลตี้ จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกนะ ถ้าคุณยอมสารภาพผิด อาจารย์จะให้โอกาสคุณแน่นอน”
“โอกาส…”
ดวงตาของติงไหลตี้เปล่งประกายความหวังออกมา
“จริงหรือคะอาจารย์?”
ติงไหลตี้ไม่เคยเผชิญหน้ากับเรื่องราวหนักหนาเช่นนี้ สีหน้าและน้ำเสียงของเธอไม่สามารถปิดบังอะไรได้เลย เธอยอมแพ้ทันทีเมื่อรู้สึกหวาดกลัว และยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดที่เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของหวังอี้ เธอจึงจะคว้ามันเอาไว้ แต่เธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตนทำจะทำให้ตัวเธอถูกจับได้
ทันทีที่หวังอี้ได้ยินติงไหลตี้ถามอย่างนั้น เขายิ้มก่อนจะตอบว่า “แน่นอน อาจารย์จะโกหกคุณทำไม?”
หวังอี้พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ทำให้ติงไหลตี้ผ่อนคลายลง
“อาจารย์คะ ฉันเชื่อคุณ แต่ว่า… ฉันไม่ได้ทำค่ะ”
ติงไหลตี้ระงับความตื่นตระหนก ก่อนจะเล่าเรื่องแก้ตัว “อาจารย์คะ ฉันไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ นะ แต่เป็นเพราะการพัฒนายาต้านอักเสบพิเศษของถังซวงต่างหาก ฉันเลยคิดว่าเธอต้องใช้เรื่องนี้เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยชิงหวาแน่นอน ฉันก็แค่พูดคุยกับคนอื่นถึงสิ่งที่ฉันคิด ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะบานปลายขนาดนี้”
แม้ติงไหลตี้จะรู้สึกว่าหวังอี้ไม่ได้โกหก แต่เธอก็รู้ดีว่าข่าวลือที่เธอแพร่กระจายออกไปมันร้ายแรงแค่ไหน เธอจึงบอกไปเพียงส่วนหนึ่ง ไม่คิดจะพูดให้มากความ เพราะหากกล่าวเพียงเท่านี้โทษของเธอก็น่าจะลดน้อยลงไปด้วย
หวังอี้ได้ยินที่ติงไหลตี้พูด ก็รู้ว่าเธอยังไม่แยแสถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ใจของเขากลายเป็นเครียดขึ้นมา
“นักศึกษาติงไหลตี้ คุณคิดว่าการที่คุณพูดออกไปแบบนั้นมันจะไม่เกิดเรื่องร้ายแรงงั้นหรือ?”
ติงไหลตี้พยักหน้า “ค่ะ ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่และบานปลายขนาดนี้ ฉันไม่รู้ว่าคะแนนสอบของถังซวงสูงมาก ถ้าฉันรู้ ฉันจะไม่พูดอย่างนี้แน่นอน อีกอย่างไม่ใช่ฉันคนเดียวที่คิดอย่างนี้ คนอื่น ๆ ก็คิดเหมือนกัน”
ตอนที่หวังอี้รู้ว่าติงไหลตี้ทำผิด และคิดว่ายังสามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติของอีกฝ่ายได้
แต่ตอนนี้เขาเห็นว่าหล่อนไม่เพียงแต่จะไม่สำนึก แต่ยังคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นไม่ผิดอีกด้วย ผู้หญิงตรงหน้ามีความคิดประหลาด สิ่งที่เธอพูดออกมาคือความคิดของเธอจริง ๆ
ผู้ใดกระทำความผิด พวกเขาจะได้รับการให้อภัยถ้าหากสำนึกและตระหนักถึงความผิดตัวเอง
แต่หากไม่สำนึกผิดและยังมีทัศนคติที่เลวร้าย นั่นถือว่าเป็นความผิดมหันต์
“นักศึกษาติงไหลตี้ ผมเข้าใจสิ่งที่คุณพูดแล้ว อย่างนั้นคุณยอมรับใช่ไหมว่าคุณคือคนเผยแพร่ข่าวลือของถังซวง?”
ติงไหลตี้รู้สึกว่าอาจารย์หวังผิดแปลกไป เธอเลยรู้สึกตัวได้ว่าตนเองอาจจะพูดมากเกินไปแล้ว ท่าทีของเธออ่อนลงเล็กน้อย “อาจารย์หวัง ฉัน… ฉันยอมรับค่ะ แต่เมื่อกี้คุณบอกว่าจะให้โอกาสฉัน คุณคงจะไม่ลืมใช่ไหม?”
“ยังไง ผมก็ต้องรายงานเรื่องนี้กับผู้อำนวยการก่อน แล้วถึงเวลาผมจะบอกคุณเอง เอาละคุณกลับไปได้แล้ว และเขียนบทความทบทวนตัวเองมาให้ผมแล้วกัน”
ได้ยินหวังอี้บอกให้ตนเขียนบทความทบทวนตัวเอง ติงไหลตี้ถึงกับถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก “ค่ะอาจารย์หวัง ฉันจะรีบกลับไปเขียนทันที” หลังจากนั้นเธอเดินออกจากห้องพักครูไป
ส่วนหวังอี้มองแผ่นหลังของติงไหลตี้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการ