การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 481 ขอโทษ
บทที่ 481 ขอโทษ
บทที่ 481 ขอโทษ
หวังอี้เดินเข้าไปในห้องผู้อำนวยการก่อนจะเล่าเรื่องข่าวลือของถังซวงที่เกิดขึ้น แล้วสุดท้ายจึงกล่าวถึงเรื่องราวของติงไหลตี้
“ผู้อำนวยการครับ คุณคิดว่าเรื่องนี้ควรจะทำอย่างไรดี? เราควรลงโทษเธอสถานหนักหรือเปล่า? ตอนนี้เราเพิ่งเปิดสอบเข้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนจะเข้ามาที่นี่ได้คงจะเรียนเบาเกินไปถึงได้มีเวลาไปทำเรื่องไร้สาระพวกนี้”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้อำนวยการหลิวหันมองหวังอี้ก่อนจะพูดว่า “ที่คุณพูดก็ถูกต้อง เราจำเป็นต้องแก้ไขเรื่องนี้ เอาละ ให้ติงไหลตี้ทบทวนตัวเองให้เรียบร้อย และกล่าวขอโทษถังซวงต่อหน้าอาจารย์และนักศึกษาทุกคน”
หวังอี้พยักหน้ารับ “ครับผู้อำนวยการ”
หวังอี้พูดคุยกับผู้อำนวยการหลิวอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับออกมา
อีกด้านหนึ่ง หลังจากติงไหลตี้กลับมาที่ห้องเรียน เล่อหยาฉงรีบเข้าไปถาม “ไหลตี้ อาจารย์หวังว่ายังไงบ้าง?”
ติงไหลตี้เล่าด้วยดวงตาเป็นประกาย “ไม่มีอะไรหรอก เขาแค่มีอะไรถามฉันนิดหน่อยน่ะ”
เล่อหยาฉงได้ยินอย่างนั้นจึงหยุดปากทันที แม้เธอจะเป็นคนร่าเริง แต่เห็นได้ชัดว่าติงไหลตี้ไม่คิดจะพูดอะไร เธอจึงไม่คิดทำให้อีกฝ่ายอับอาย
ส่วนต้วนเฟิ่งหยิงเห็นติงไหลตี้กลับมาแล้ว ก็เหลือบมองถังซวง “ถังซวง ทำไมติงไหลตี้ดูสบายใจจัง? อาจารย์หวังเรียกเธอไปคุย แต่เธอกลับไม่รู้สึกหดหู่อะไรเลยหรือ? ดูเหมือนคนไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างนั้นแหละ”
ถังซวงเหลือบมองติงไหลตี้
อีกฝ่ายดูจะผ่อนคลายจริง ๆ นั่นแหละ เธออดไม่ได้ที่จะยกยิ้มก่อนจะตอบว่า “เอาน่า อย่าคาดเดาไปเองเลย อาจารย์หวังคงจะมีวิธีจัดการของเขา แต่ว่า…” ต่อให้อาจารย์หวังไม่ได้ลงโทษติงไหลตี้ เธอก็คิดไว้แล้วว่าจะลงโทษอีกฝ่ายให้หลาบจำอย่างไร
ทว่าต้วนเฟิ่งหยิงฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เธออยากจะถามแต่ว่าเสียงกริ่งเริ่มชั้นเรียนกลับดังขึ้นเสียก่อน
คาบเรียนที่สองเริ่มต้นขึ้น
หลังจากคาบเรียนช่วงเช้าจบลง ถังซวงเดินออกไปทันที เพราะช่วงนี้เธอกำลังพัฒนายาตัวใหม่ จึงยุ่งมาก ทำให้เธอไม่เจอกับโม่เจ๋อหยวนมาหลายวันแล้ว
แต่เมื่อถังซวงกลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้งในช่วงบ่าย เธอกลับเห็นโม่เจ๋อหยวนยืนรออยู่ที่ประตู
“ถังซวง มาแล้วหรือ”
ถังซวงเห็นโม่เจ๋อหยวนยืนอยู่ตรงนั้น ก็อุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “อาหยวน ทำไมพี่มาอยู่ตรงนี้ล่ะ”
แต่โม่เจ๋อหยวนมองถังซวงอย่างกังวล “ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันล่ะว่ามีเรื่องกับเธอ” ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ขลุกอยู่ในห้องแล็ป และไม่ได้สนใจความเป็นไปในมหาวิทยาลัยเลย จนวันนี้ ข่าวลือเงียบไปพร้อมกับคะแนนสอบเข้าของถังซวงที่ถูกเปิดเผย เขาจึงได้ทราบเรื่อง
แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ
“ซวงเอ๋อร์ แล้วรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?”
ถังซวงพยักหน้า “ค่ะ ฉันรู้แล้ว ติงไหลตี้ที่อยู่หอพักเดียวกับฉันน่ะ”
โม่เจ๋อหยวนขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงที่พวกเราเจอที่หอพักวันแรกน่ะหรือ?”
“ใช่ คนนั้นแหละ”
โม่เจ๋อหยวนดูจะเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “เราไม่ปล่อยผ่านให้ผู้หญิงคนนั้นปากพล่อยพูดจาไร้สาระออกมาได้นะ”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มเมื่อเห็นโม่เจ๋อหยวนโกรธขนาดนี้
“อย่าเพิ่งโกรธไปเลย ยังไงฉันก็จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่นอน แต่ตอนนี้มันยังไม่คลี่คลายดี เอาไว้อีกวันสองวันฉันจะสั่งสอนติงไหลตี้เองค่ะ” นับตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าติงไหลตี้อยู่เบื้องหลัง ถังซวงจึงบอกให้คนไปสืบเรื่องของติงไหลตี้มา และดันรู้เรื่องบางอย่างโดยบังเอิญเช่นกัน
ถังซวงดูจะเย็นชาลงมากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
ติงไหลตี้คนนี้น่าขยะแขยงยิ่งกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของถังซวง โม่เจ๋อหยวนรีบถามทันที “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? ให้ฉันช่วยไหม? หรือติดขัดตรงไหน?”
ถังซวงส่ายศีรษะแล้วตอบกลับ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะอาหยวน ฉันจัดการเองได้ แค่คิดถึงเรื่องที่ติงไหลตี้ทำ ฉันเลยรู้สึกรังเกียจขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นนิสัยผิดจากหน้าตาลิบลับ”
เห็นสีหน้าที่รังเกียจของถังซวง โม่เจ๋อหยวนจึงพอคาดเดาได้บ้าง
“ดูเหมือนว่าติงไหลตี้คนนั้นจะอะไรที่เธอรู้สึกรังเกียจสินะ”
“ใช่ค่ะ น่ารำคาญจริง ๆ”
ถังซวงส่ายศีรษะอย่างไม่พอใจ แต่ชั้นเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว เธอจึงหันไปบอกโม่เจ๋อหยวนว่า “อาหยวน ฉันมีเรียนคาบบ่าย เดี๋ยวฉันไปเรียนก่อนนะ”
“รีบไปเถอะ ฉันจะไปเรียนแล้วเหมือนกัน”
โม่เจ๋อหยวนโบกมือให้ถังซวงอย่างเศร้า ๆ เขารู้ดีว่าเราสองคนคงไม่ได้เจอกันไปอีกสักพัก เพราะต่างคนต่างยุ่งมาก
หลังจากแยกกับโม่เจ๋อหยวน ถังซวงก็ตรงมาที่ห้องเรียน
เมื่อมาถึง ต้วนเฟิ่งหยิงโบกมือเรียก “ถังซวง ทางนี้ ๆ”
ด้านติงไหลตี้เหลือบมองถังซวงที่เพิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ตอนนี้เธอเขียนถ้อยคำทบทวนตัวเองที่แทบเขียนไม่ออก และเมื่อยิ่งคิดว่าตัวเองต้องมานั่งเขียนอะไรแบบนี้เพราะถังซวง เธอยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ เธอไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ก็แค่พูดคาดเดาเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ?
ถังซวงเองไม่รู้ว่าติงไหลตี้กำลังคิดอะไร เลยหยิบหนังสือเรียนออกมาอ่าน
ส่วนติงไหลตี้เหลือบมองถังซวงก่อนจะหันมองทางอื่น ในหัวยังคงคิดว่าจะเขียนทบทวนตัวเองยังไงดี
เธออยากจะผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย แต่หวังอี้มาหาเธอและบอกกล่าวกับเธอว่าให้เขียนโดยเร็วที่สุด และยังให้เวลาเธอเพียงสองวันเท่านั้น
หวังอี้มองบทความทบทวนตัวเองของติงไหลตี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ติงไหลตี้ บทความของคุณเป็นการพูดที่ไม่มีแก่นสารอะไรเลย และยังไม่มีการขอโทษเพื่อนร่วมชั้นถังซวงด้วยสักคำ คุณกลับไปเขียนมาใหม่เดี๋ยวนี้”
ติงไหลตี้เม้มปากก่อนจะพยายามโต้ตอบ “อาจารย์คะ ฉันคิดว่าเท่านี้ก็ดีพอแล้ว”
ติงไหลตี้คิดอะไรไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หวังอี้จึงพูดออกมาตามตรง “ติงไหลตี้ ตอนนี้ผู้อำนวยการทราบเรื่องแล้ว ถ้าคุณไม่แสดงออกว่าตัวเองสำนึกผิดจริง ๆ มหาวิทยาลัยอาจจะต้องลงโทษคุณสถานหนัก มันอาจจะร้ายแรงจนถึงขั้นให้คุณออกจากที่นี่”
“อะไรนะ…”
ติงไหลตี้ตื่นตระหนก “จะเป็นไปได้ยังไงคะ?” เธอมองหวังอี้ก่อนจะพูดต่อว่า “อาจารย์หวัง คุณบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ แล้วอีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทำไมตอนนี้คุณถึงมาบอกว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงล่ะคะ”
“เพราะผู้อำนวยการรู้เรื่องนี้แล้ว แน่นอนเขาไม่คิดจะให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปอีก ติงไหลตี้ คุณควรจะเขียนบทความขอโทษและสำนึกผิดอย่างจริงจัง ยอมรับความผิดพลาดทั้งหมดที่คุณทำกับถังซวง และขอโทษเธอซะ ทุกอย่างจะได้จบ”
“ฉัน…”
แค่เพียงติงไหลตี้คิดว่าตัวเองจะต้องโค้งคำนับขอโทษถังซวง ในใจของเธอก็รู้สึกทนไม่ได้ แต่คำพูดที่กล่าวว่าร้ายถังซวงก่อนหน้าเป็นสิ่งที่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกัน เธอจึงต้องกลับไปแก้ไขบทความนี้อีกครั้ง
หลังจากอ่านบทความที่แก้ไขแล้ว หวังอี้ก็พอใจขึ้นมาก “พรุ่งนี้เช้า คุณจะต้องไปยืนบนเวทีและกล่าวขอโทษถังซวงต่อหน้าทุกคน”