การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 482 ความแค้น
บทที่ 482 ความแค้น
บทที่ 482 ความแค้น
ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่หวังอี้พูด ติงไหลตี้ยอมรับไม่ได้
“อาจารย์หวังคะ ฉันเขียนบทความทบทวนตัวเองแล้ว ทำไมฉันยังต้องออกไปขอโทษถังซวงต่อหน้าคนอื่นอีกล่ะคะ”
หวังอี้หันมองติงไหลตี้อย่างจริงจัง “จุดประสงค์ของการเขียนบทความทบทวนตัวเองคือให้คุณตระหนักถึงความผิดพลาด และในเมื่อคุณทำผิด คุณควรจะขอโทษถังซวงไม่ใช่หรือไง? เอาละ กลับไปเตรียมตัวขึ้นกล่าวขอโทษถังซวงต่อหน้าทุกคนในวันพรุ่งนี้ได้แล้ว”
การจะเข้าเรียนที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่มีการเปิดสอบเข้ามหาวิทยาลัยนานกว่าสิบปี แต่ในเมื่อสามารถสอบเข้ามาได้ นักศึกษากลับไม่หวงแหนโอกาสนี้ นี่มันน่าทุบตีพวกเขาให้ตายจริง ๆ
“ทุกคนหรือคะ?”
ยิ่งติงไหลตี้ได้ยินแบบนั้น เธอยิ่งรู้สึกลำบากใจ
หวังอี้พยักหน้ารับก่อนจะตอบว่า “อืม คุณต้องกล่าวขอโทษต่อหน้านักศึกษา อาจารย์ และผู้อำนวยการ ไม่อย่างนั้นผู้อำนวยการอาจจะต้องลงโทษคุณสถานหนักด้วยการไล่ออก ลองคิดดูเอาเองแล้วกัน” หลังพูดจบ หวังอี้ให้ติงไหลตี้ออกไป
ติงไหลตี้เดินกลับมาในห้องเรียนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นถังซวง ถังซวงยังคงนั่งอย่างงดงามอยู่ตรงนั้น เมื่อคิดถึงบทความทบทวนตัวเองก่อนหน้านี้ เธอยิ่งรู้สึกไม่พอใจ
ถังซวงเห็นสายตาของติงไหลตี้มาตลอด และคิดจะเพิกเฉย หันกลับมาอ่านหนังสือต่อ
ทว่าสิ่งที่ติงไหลตี้รู้สึกขัดใจมากที่สุดคือสายตาเย็นชาและท่าทางไม่แยแสของถังซวง เธอกัดฟันก่อนจะเดินไปนั่งที่ของตัวเองด้วยความโกรธ
เวลานี้ มีคนเข้ามาเรียกถังซวง
“ถังซวง อาจารย์หวังเรียกคุณไปพบที่ห้องพักครู”
ถังซวงยืนขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป
ติงไหลตี้เหลือบมองร่างของถังซวงที่กำลังเดินออกไป อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าอาจารย์หวังจะบอกกล่าวสิ่งใดกับถังซวง
หลังจากถังซวงมาถึงห้องพักครู หวังอี้กล่าวเข้าประเด็นทันที “ถังซวง นี่คือบทความทบทวนตัวเองของติงไหลตี้ เธอจะขึ้นขอโทษคุณในเช้าวันพรุ่งนี้ ต่อหน้าอาจารย์ และนักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัย”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงเลิกคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
เธอไม่คิดว่ามหาวิทยาลัยจะดำเนินการรวดเร็วขนาดนี้ และยังตัดสินใจแก้ปัญหาได้รวดเร็วด้วย ไม่เลว ทุกคนจะได้รู้ว่าติงไหลตี้ทำอะไรลงไป และนี่ยังทำให้ติงไหลตี้ต้องอับอายด้วย
“ขอบคุณค่ะอาจารย์หวัง”
หวังอี้ส่ายศีรษะ “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว อีกอย่างพวกเรารู้สึกเสียใจมากที่ทราบเรื่องนี้ช้าเกินไป ไม่ได้จัดการให้ดีตั้งแต่แรก”
“อาจารย์หวัง ฉันเองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้เลยค่ะ มันไม่แปลกหรอกถ้าคุณจะไม่รู้ ขอบคุณนะคะ”
หวังอี้ยิ้มก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ “อื้ม ไม่เป็นไรหรอก”
หลังจากถังซวงกลับมาที่ห้องเรียน ต้วนเฟิ่งหยิงรีบดึงเธอเข้ามาถามไถ่ “ถังซวง อาจารย์หวังเรียกเธอไปทำไมหรือ?”
เห็นสีหน้ากังวลของต้วนเฟิ่งหยิง ถังซวงเพียงแค่ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรหรอก เขาพูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นวันพรุ่งนี้น่ะ”
“จะเกิดอะไรหรือ?”
ถังซวงขยับเข้าใกล้ต้วนเฟิ่งหยิงก่อนจะกระซิบว่า “พรุ่งนี้ติงไหลตี้จะขอโทษฉันต่อหน้าทุกคน”
“ห้ะ… อะไร… จริงหรือ?”
ต้วนเฟิ่งหยิงประหลาดใจมาก
“เป็นเรื่องจริง”
แต่เมื่อถังซวงเห็นว่าต้วนเฟิ่งหยิงตื่นเต้นขนาดนี้ ก็รีบดึงอีกฝ่ายไว้ก่อนจะพูดว่า “เฟิ่งหยิง เงียบ ๆ หน่อย คนอื่นยังไม่รู้เรื่องนี้นะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงจึงหยุดพูดทันที แล้วพยักหน้ารับว่าเข้าใจแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ติงไหลตี้ยังคงลังเลว่าเธอควรจะไปเรียนหรือไม่ แต่เธอจำต้องตัดสินใจเด็ดขาด เพราะการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเธอ และนี่คือมหาวิทยาลัยชิงหวา เธอจะไม่ยอมถูกไล่ออกเด็ดขาด
ในตอนเช้า อาจารย์และนักศึกษาทุกคนมารวมตัวกัน มีการประกาศข่าวสารต่าง ๆ หลังจากนั้นหวังอี้ออกไปยืนด้านหน้าและเริ่มกล่าวเกริ่นนำ
“เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวลือที่ไม่ถูกต้องของถังซวงภายในมหาวิทยาลัยของเรา และพวกเราจะต้องจัดการมันอย่างถูกต้อง หลังจากเราสืบสวนอย่างละเอียดแล้วจึงสรุปเรื่องราวได้ว่า…”
หวังอี้กล่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เขารู้ และพูดถึงติงไหลตี้
“ตอนนี้อาจารย์ขอให้ติงไหลตี้ขึ้นมาขอโทษถังซวงด้วยตัวเอง” หวังอี้เรียกให้ติงไหลตี้และถังซวงออกไปด้านหน้า
ถังซวงเดินไปด้านหน้าอย่างสบาย ๆ
ส่วนติงไหลตี้กลับเต็มไปด้วยความหดหู่ เธอก้าวขาออกไปอย่างเชื่องช้า
ติงไหลตี้มองดูอาจารย์และนักศึกษาทุกคนด้านล่าง และรู้สึกใบหน้าชาราวกับถูกเข็มแห่งความอัปยศอดสูทิ่มแทง อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะได้เรียนที่นี่ต่อไป เธอหยิบบทความทบทวนตัวเองออกมา และอ่านมันโดยไม่คิดจะโต้แย้งอะไร
หลังจากฟังการอ่านบทความไร้อารมณ์ของติงไหลตี้แล้ว หวังอี้ลอบขมวดคิ้ว
ส่วนถังซวงไม่คิดสนใจ ต่อให้ติงไหลตี้จะทำแบบนี้ แต่เธอก็เห็นได้ชัดว่าติงไหลตี้ยังไม่สำนึกผิดแม้แต่น้อย หล่อนเพียงพยายามเพื่อให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปโดยเร็ว
หลังจากติงไหลตี้อ่านจบแล้ว เธอหันกลับมามองถังซวงก่อนจะพูดเสียงดังว่า “ถังซวง ฉันขอโทษนะ จริง ๆ ฉันไม่ควรเข้าใจเธอผิดแบบนั้นเลย แต่ฉันไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นยังไง หลังจากวันนี้ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
“ฉันหวังว่าเธอจะจดจำสิ่งที่เธอพูดวันนี้ และไม่ทำอีก”
ถังซวงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส
ยิ่งเห็นว่าถังซวงไม่ได้สนใจ ติงไหลตี้ยิ่งรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่เหล่านักศึกษาด้านล่างที่รับฟังบทความทบทวนตัวเองแล้ว กลับมีสีหน้าประหลาดใจ
“ติงไหลตี้เป็นคนแพร่ข่าวลือพวกนั้นงั้นหรือ เธอกล้ามากจริง ๆ”
“ใช่ ใช่ ฉันคิดว่าติงไหลตี้เป็นคนขี้อายเสียอีก ฉันนี่มองคนผิดจริง ๆ”
“ใช่ การจะทำแบบนี้ได้ต้องกล้ามากนะ”
ทุกคนพูดวิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างหนัก แต่ถังซวงกลับรีบเดินออกไป เพราะเธอไม่อยากโดนแดดมากนัก แถมวันนี้แดดค่อนข้างแรงจนเธอแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
ติงไหลตี้เห็นว่าถังซวงเดินออกไปแล้ว ก็รีบเดินติดตามไปทันที เธอไม่ต้องการให้คนมาจ้องมองตน แต่เมื่อเห็นแผ่นหลังของถังซวง ในแววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เป็นเพราะถังซวง เธอถึงต้องอับอายแบบนี้
หลังจากทุกคนออกไป หวังอี้ก็มองนักศึกษาด้านล่างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“พวกคุณทุกคนเข้าสู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เพื่อหาความรู้ ผมไม่อยากได้ยินเรื่องแบบนี้อีก สิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งใจเรียน และหวังว่าพวกคุณจะไม่ลืมความตั้งใจนี้ ขอให้ทุกคนก้าวไปด้านหน้าอย่างเต็มกำลัง”
“ครับ/ค่ะ”
นักเรียนด้านล่างทุกคนตะโกนตอบรับ หลังจากหวังอี้กล่าวอีกสักเล็กน้อย เขาก็เดินออกไป
วันนี้ ชั้นเรียนของถังซวงเต็มไปด้วยบรรยากาศดี ๆ คนกลุ่มหนึ่งหันมองถังซวงแล้วหันมองติงไหลตี้ และต่างสงสัยว่าระหว่างทั้งสองเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะหวังอี้ยังอยู่ด้านหลัง จึงไม่มีใครคิดพูดเรื่องนี้
หลังจากถังซวงกลับมาถึงที่นั่งของตัวเอง เธอก็ไม่สนใจคนอื่น และก้มลงไปอ่านหนังสือ
ทุกคนเห็นถังซวงไม่สนใจอะไร จึงไม่คิดถามอะไรอีก จึงต้องการไปถามติงไหลตี้แทน แต่ดูท่าติงไหลตี้ไม่ค่อยจะรับแขกนัก พวกเขาจึงถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นว่า “เอาละ พวกเรากลับไปนั่งที่ได้แล้ว”