การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 483 เชิญเข้าร่วมโครงการ
บทที่ 483 เชิญเข้าร่วมโครงการ
บทที่ 483 เชิญเข้าร่วมโครงการ
หลังจากนักศึกษาทั้งหมดนั่งลง หวังอี้เหลือบมองทุกคนก่อนจะพูดว่า “ผมหวังว่าต่อจากนี้ทุกคนจะตั้งใจเรียนและอย่าสนใจเรื่องไร้สาระอีก แล้วเรื่องในวันนี้คงจะไม่เกิดขึ้นซ้ำสองนะครับ”
หลังจากนั้น หวังอี้เดินออกจากห้องเรียน เพราะเช้านี้ไม่มีคาบการสอนของเขา
หลังจากหวังอี้เดินออกไป เล่อหยาฉงหันมาหาติงไหลตี้ “ติงไหลตี้ ฉันไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ เธอปล่อยข่าวลือของเพื่อนร่วมชั้นถังซวงได้ยังไง? ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ”
เธอคิดว่าติงไหลตี้แค่เพียงรับฟังมา และมาบอกต่อกับตน ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไปพูดกล่าวกับผู้คนจำนวนมากเพียงเพื่อเผยแพร่ข่าวลือที่ไม่จริง
จริง ๆ แล้วติงไหลตี้เคยถามเธอก่อนหน้านี้ว่ากังวลเกี่ยวกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของอาจารย์หวังหรือเปล่า ตอนนั้นเธอเองก็รู้สึกว่าติงไหลตี้กำลังหวาดกลัวเหมือนกัน
แต่ติงไหลตี้ที่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุยกับเล่อหยาฉง หล่อนจึงเพิกเฉยใส่
นั่นยิ่งทำให้เล่อหยาฉงโกรธจัด “เธอ…”
ก่อนที่เล่อหยาฉงจะทันได้พูดจบ ฝูเซียงหยางก็เดินเข้ามาในชั้นเรียน เพราะนี่คือคาบบรรยายเภสัชวิทยา
“เอาละนักศึกษาทุกคน เปิดหนังสือเรียนแล้วมาเริ่มเรียนกันเลย”
ฝูเซียงหยางรู้เรื่องของถังซวงแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ประทับใจในตัวติงไหลตี้ที่เป็นคนเผยแพร่ข่าวลือเท่าไหร่ เมื่อถึงคาบเรียนของเขา เขาจึงเรียกติงไหลตี้ให้ลุกขึ้นและตอบคำถาม
ส่วนติงไหลตี้ที่ไม่มีกะจิตกะใจจะเรียน ไม่สามารถตอบคำถามของฝูเซียงหยางได้ “อะ… อาจารย์ ฉัน… ฉัน… ไม่ได้ยินคำถามค่ะ”
ฝูเซียงหยางชี้นิ้วไปที่คน ๆ หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพื่อนร่วมชั้นทุกคน บอกเพื่อนร่วมชั้นติงว่าคำถามคืออะไร”
ต้วนเฟิ่งหยิงที่เป็นคนกระตือรือร้นยืนขึ้นแล้วพูดออกมาอย่างชัดเจน “อาจารย์ฝูถามว่าจุดประสงค์หลักของการเพิ่มอะดรีนาลินเข้าไปในการฉีดยาชาเฉพาะจุดคืออะไร?”
“อ้อ… ใช่…”
ติงไหลตี้กล่าวติดขัดสักครู่ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถตอบได้
ฝูเซียงหยางจึงกล่าวอย่างขุ่นเคือง “คำถามนี้ผมอธิบายไปแล้ว แต่คุณกลับไม่รู้ ในการเรียนทุกครั้งก็ตั้งใจฟังให้ดี อย่าเฉื่อยชาอีก” หลังจากพูดจบแล้ว เขาหันมองต้วนเฟิ่งหยิง “ในเมื่อคุณยืนแล้ว เอาละ งั้นมาตอบคำถามนี้กัน”
ต้วนเฟิ่งหยิงที่ตั้งใจฟังจึงสามารถตอบได้อย่างรวดเร็ว “เพื่อเป็นการยืดระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยาชาเฉพาะจุดค่ะ และยังป้องกันการเกิดพิษต่อระบบทางเดินหายใจด้วย”
“ถูกต้อง นั่งลงได้”
ฝูเซียงหยางบอกกล่าวให้เธอนั่งลง แต่สำหรับติงไหลตี้ เขาเพียงเหลือบมองเธอและไม่พูดอะไร
ติงไหลตี้ที่เห็นว่าอาจารย์ยังไม่ได้บอกให้เธอนั่ง ก็ยังไม่กล้านั่ง ทำได้เพียงยืนอยู่อย่างนั้นด้วยความอับอาย
ฝูเซียงหยางเห็นติงไหลตี้ยืนอยู่สักพัก ซึ่งเขาเองไม่ได้ต้องการให้เธอยืน จึงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นั่งลงได้แล้ว จากนี้ก็ช่วยตั้งใจเรียนให้มากขึ้นด้วย”
“ค่ะ”
ติงไหลตี้รู้สึกว่าทุกคนกำลังกลั่นแกล้งเธอ แต่ฝูเซียงหยางเป็นอาจารย์ เธอไม่สามารถตอบโต้เขาได้ หลังจากนั่งลง เธอก็พยายามตั้งใจฟัง แต่เพราะเรื่องที่เธอเพิ่งสารภาพผิดในเมื่อเช้านี้ทำให้เธอกระวนกระวาย คิดถึงมันทีไรเธอก็นึกอับอายทุกที จึงไม่สามารถบังคับให้ตัวเองตั้งใจเรียนได้ และยิ่งรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก
แต่ถังซวงต่างออกไป เธอรู้เนื้อหาเหล่านี้หมดแล้ว ต่อให้เธอจะฟังหรือไม่ได้ฟังมันก็ไม่สำคัญอะไร
หลังจบชั้นเรียนแล้ว ฝูเซียงหยางยังไม่ออกไปทันที เขาหันมองถังซวงก่อนจะพูดว่า “นักศึกษาถังซวง ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
ถังซวงจึงลุกขึ้นเดินตามฝูเซียงหยางออกจากห้องเรียนไป
“ทำไมอาจารย์ฝูเรียกหาถังซวงอีกแล้ว?”
“ใช่ เพราะข่าวลือนั้นหรือเปล่า? แต่ก็ไม่ควรนะ ติงไหลตี้ก็พูดขอโทษต่อหน้าทุกคนไปแล้ว มันควรจบได้แล้วนี่”
หลายคนพูดคุยกันเงียบ ๆ และยังอยากรู้ว่าทำไมฝูเซียงหยางถึงเรียกถังซวงออกไป
แม้แต่ถังซวงเองก็อยากรู้เหมือนกัน เมื่อทั้งสองเดินออกมาไม่ไกลนัก ถังซวงก็ถามฝูเซียงหยาง “อาจารย์ฝู มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“นักศึกษาถังซวง เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมมีโครงการใหม่น่ะ เลยอยากเชิญให้คุณเข้าร่วมด้วยกัน”
ถังซวงเลิกคิ้วขึ้นหลังได้ยินอย่างนั้น “เป็นโครงการแบบไหนหรือคะ?”
“เป็นการศึกษายาใหม่ ๆ ผมคิดว่าคุณน่าจะเหมาะกับโครงการนี้”
ฝูเซียงหยางมองถังซวงอย่างคาดหวัง
ถังซวงนึกถึงเรื่องที่ตัวเองกำลังทำในเวลานี้ จนแทบจะไม่มีเวลาให้กับอย่างอื่นเลย จึงกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ “อาจารย์ฝูคะ ฉันเองก็กำลังยุ่งกับการวิจัยและพัฒนายาอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ฉันน่าจะไม่มีเวลาเข้าร่วมกับโครงการของอาจารย์ค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น ฝูเซียงหยางยิ่งอยากรู้อยากเห็น
“คุณกำลังค้นคว้ายาตัวใหม่อีกแล้วหรือ? ถังซวง ทำไมคุณเก่งขนาดนี้”
ถังซวงที่ได้รับคำชมกลับเขินอาย “ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ไม่หรอก คุณเก่งมาก”
ฝูเซียงหยางนึกถึงยาที่ถังซวงมอบให้ ก็คิดว่าว่านักศึกษาคนนี้เก่งกว่าอาจารย์ทุกคนในมหาวิทยาลัย การที่เขาได้มาเจอนักศึกษาแบบนี้ได้มันเหมือนความฝัน แทบอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดัง ๆ
“ไม่เป็นไร จริง ๆ โครงการนี้ก็ไม่ได้รีบเท่าไหร่ หลังจากคุณทำงานเสร็จแล้วเราค่อยมาเริ่มกันก็ได้”
ถังซวงพูดต่อ “ไม่เป็นไรจริง ๆ หรือคะ? ฉันอาจจะต้องใช้เวลากว่าครึ่งเดือนเลยนะ”
“ไม่หรอก ทันเวลาพอดี โครงการของผมคือการวิจัยยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดในสมองตีบ แต่มันไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ผมเลยอยากชวนให้คุณมานั่งเป็นที่ปรึกษาให้กับพวกเราน่ะ”
ถังซวงรีบโบกมือ “อาจารย์ฝูฉันไม่ได้อยากเป็นที่ปรึกษาหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่รีบ ไว้ฉันทำงานเสร็จแล้วจะมาร่วมโครงการด้วยนะคะ”
“ถือว่าเราตกลงกันเรียบร้อยแล้วนะ”
ฝูเซียงหยางได้ยินถังซวงตอบรับ ใบหน้าของเขาผ่อนคลายลง และรู้สึกว่าโครงการของเขาจะต้องไปได้สวยแน่นอน
“เอาละ สหายถังซวง ผมไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมจะรอฟังข่าวนะ”
“ค่ะ”
ถังซวงพยักหน้าก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องเรียน
ด้านต้วนเฟิ่งหยิงที่รออยู่รีบถามทันที “อาจารย์ฝูว่าไงบ้างหรือ?”
“ไม่มีอะไร แค่มีเรื่องคุยกับฉันนิดหน่อยน่ะ”
มีหลายคนที่ให้ความสนใจเรื่องนี้ ถังซวงจึงไม่ได้อธิบายรายละเอียด เพียงตอบคำถามอย่างกระชับ
ต้วนเฟิ่งหยิงได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
ถังอวี้สือนั่งอยู่ด้านหน้ารู้สึกว่าถังซวงไม่ได้พูดความจริงออกมา เพราะฝูเซียงหยางเรียกหาหล่อน เขาจะต้องมีบางอย่างแน่นอน แต่มันอะไรล่ะ เธอเองก็ไม่กล้าถามออกไปเหมือนกัน
ถังซวงกำลังเปิดหนังสือสำหรับคาบเรียนต่อไป แต่จู่ ๆ เล่อหยาฉงก็เดินเข้ามา
เล่อหยาฉงโค้งคำนับให้กับถังซวงอย่างหนักแน่น
“ถังซวง ฉันขอโทษ”
เมื่อเห็นสิ่งที่เล่อหยาฉงทำแล้ว ถังซวงเหลือบมองเธออย่างประหลาดใจ “เพื่อนร่วมชั้นเล่อหยาฉง เธอทำอะไร?”