การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 487 ย้ายหอพัก
บทที่ 487 ย้ายหอพัก
บทที่ 487 ย้ายหอพัก
เหวินเจ๋อหลิ่วได้ยินติงไหลตี้พูดอย่างนั้น ถึงกับเผยรอยยิ้มเหยียด “ฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้ที่เดิมยังไม่ได้ขยับไปไหนเลย คนอื่น ๆ ก็เห็นแล้ว ถ้าอยากจะใส่ร้าย ก็ควรจะหาเหตุผลอะไรให้มันดีกว่านี้นะ”
“เธอ…”
ติงไหลตี้ถึงกับพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เธอไม่มั่นใจว่าเหวินเจ๋อหลิ่วทำอะไร แต่สัญชาตญาณของเธอมันบอกว่าเป็นเหวินเจ๋อหลิ่วที่ทำให้เธอล้มลง
ส่วนเหยาหง เจียนหวานหว่าน และต้วนเฟิ่งหยิงไม่เห็นว่าเหวินเจ๋อหลิ่วจะขยับไปไหน จึงคิดว่าติงไหลตี้กำลังใส่ร้ายอีกฝ่าย
“ติงไหลตี้ เธอควรจะทำความสะอาดรองเท้าให้เหวินเจ๋อหลิ่วนะ เธอคือคนที่ทำให้มันสกปรกนี่”
เหยาหงช่วยติงไหลตี้ลุกขึ้นก่อนจะปล่อยมือออก และยังพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายด้วย
ตอนนี้เธอไม่ชอบติงไหลตี้เอาเสียเลย
ติงไหลตี้มีเรื่องฉาว พูดจาโกหก และปล่อยข่าวลืออีก ยิ่งกว่านั้นหล่อนคือคนที่ทำให้รองเท้าของเหวินเจ๋อหลิ่วเปื้อน แต่กลับไม่คิดทำความสะอาดเพื่อชดใช้?
ติงไหลตี้หันมองเหยาหงก่อนจะหันมองเจียนหวานหว่าน ถังซวง และต้วนเฟิ่งหยิง สุดท้ายจึงหันมองเหวินเจ๋อหลิ่วด้วยแววตาเกรี้ยวกราด “เอาละ… ในเมื่อพวกเธอไม่ชอบฉัน ก็ดี ฉันก็ไม่ชอบพวกเธอเหมือนกัน”
ติงไหลตี้กระทืบเท้าเดินออกจากห้องพักทันที
ตอนนี้ใบหน้าของเหวินเจ๋อหลิ่วยิ่งบูดบึ้งเมื่อเห็นว่าติงไหลตี้ไม่คิดจะทำความสะอาดรองเท้าให้กับตน
ถังซวงเหลือบมองเหวินเจ๋อหลิ่ว เมื่อเห็นว่าสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติแล้ว เธอก็เบือนหน้าหนีก่อนจะเอ่ยปาก “เฟิ่งหยิง ไปกันเถอะ”
“อื้ม”
ต้วนเฟิ่งหยิงพยักหน้า ติดตามถังซวงออกจากหอพัก
ส่วนเจียนหวานหว่านเหลือบมองทั้งสองคนก่อนจะตะโกนว่า “ฉันไปด้วย” เธอไม่อยากจะอยู่ในหอพักนี้แล้วเหมือนกัน
ต้วนเฟิ่งหยิงหันกลับมามองเจียนหวานหว่านก่อนจะตอบรับ “อื้ม งั้นก็ไปด้วยกันนะ”
เจียนหวานหว่านรีบตามไปทันที
เหยาหงเหลือบมองทั้งสามคนพร้อมอ้าปาก เธอคิดว่าจะออกไปด้วย แต่เธอยังมีเสื้อผ้าที่ต้องซัก เลยหันมองเหวินเจ๋อหลิ่วก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันว่าติงไหลตี้คงจะไม่ซักรองเท้าให้เธอแน่ ๆ ทำไมเธอถึงไม่ซักเองล่ะ ถ้าทิ้งไว้นาน ๆ คราบจะยิ่งซักออกยากนะ”
เหวินเจ๋อหลิ่วสบถอย่างเย็นชา “ฉันจะไม่มีทางซักมันเด็ดขาด ติงไหลตี้จะต้องทำ แม้เธอไม่ต้องการ”
เหยาหงเห็นสีหน้าแข็งกร้าวของเหวินเจ๋อหลิ่วก็ไม่พูดอะไรอีก เอาอ่างน้ำของตัวเองเพื่อไปซักผ้าในห้องน้ำ
ตอนนี้เหลือเพียงเหวินเจ๋อหลิ่วคนเดียวภายในหอพัก เธอเผยสีหน้าเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ติงไหลตี้… ฉันก็อยากจะรู้จริง ๆ ว่ากระดูกของเธอจะแข็งแค่ไหน”
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงเดินอยู่ด้านหน้า ส่วนต้วนเฟิ่งหยิงกับเจียนหวานหว่านอยู่ด้านหลัง
“เจียนหวานหว่าน ฉันจำได้ว่าบ้านเธอก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเมืองหลวงนี่ แล้วนี่ช่วงสุดสัปดาห์เธอจะกลับบ้านไหม?”
เจียนหวานหว่านพยักหน้ารับ “อื้ม พี่ชายจะมารับฉันในเย็นวันศุกร์หลังเลิกเรียนน่ะ” เมื่อพูดถึงครอบครัว ใบหน้าของเจียนหวานหว่านเต็มไปด้วยความสุข เห็นชัดว่าเธอเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ๆ
จนต้วนเฟิ่งหยิงนึกอิจฉาขึ้นมา “ดีจังเลย ส่วนฉันกลับบ้านได้เฉพาะช่วงวันหยุดยาวเท่านั้น”
เจียนหวานหว่านจึงกล่าวเชิญชวนอย่างอดไม่ได้ “งั้น… สุดสัปดาห์นี้เธอไปเที่ยวบ้านของฉันไหมล่ะ?”
“ขอบคุณนะเจียนหวานหว่าน แต่สุดสัปดาห์นี้ฉันนัดกับถังซวงไว้แล้วล่ะ” ต้วนเฟิ่งหยิงกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ เมื่อเทียบกับถังซวง เธออยากจะสนิทกับถังซวงมากกว่าเจียนหวานหว่าน และอยากจะไปบ้านของถังซวงมากกว่า
ส่วนเจียนหวานหว่านหันมองถังซวงอย่างช่วยไม่ได้
แม้เธอจะไม่ได้สนิทสนมกับถังซวงมากนัก แต่เธอก็ยังอิจฉาที่ต้วนเฟิ่งหยิงถูกเชิญไป ส่วนตัวเธอยังต้องอยู่คนเดียว
ถังซวงที่เห็นสายตาของเจียนหวานหว่าน อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นว่า “งั้น… สุดสัปดาห์ทั้งสองคนก็ไปทานอาหารที่บ้านฉันไหมล่ะ”
“ไปสิ ๆ”
เจียนหวานหว่านตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด
ส่วนต้วนเฟิ่งหยิงอดไม่ได้ที่จะถาม “เจียนหวานหว่าน แล้วพี่ชายเธอล่ะ? พี่ชายเธอจะทำยังไงถ้าเธอไปทานมื้อเย็นที่บ้านของถังซวง”
“เดี๋ยวเย็นนี้ฉันค่อยโทรหาพี่ชายแล้วบอกเขาว่าสุดสัปดาห์นี้ฉันจะไม่กลับบ้านก็ได้” เจียนหวานหว่านกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส
หลังจากเจียนหวานหว่านพูดอย่างนั้น ต้วนเฟิ่งหยิงหันหน้ามองถังซวงด้วยความลำบากใจ ถ้าเธอไม่พูดเรื่องนี้ เจียนหวานหว่านคงไม่รู้ว่าเธอกำลังจะไปบ้านถังซวง แล้วก็ไม่ต้องเชิญหล่อนด้วย
แต่ถังซวงกลับไม่รู้สึกอะไรเลย เชิญเพิ่มอีกหนึ่งหรือสองคนก็ไม่ใช่ปัญหา และเจียนหวานหว่านเองก็ดูจะเข้ากับเธอได้ดี
หลังจากทั้งสามมาถึงห้องเรียนแล้ว ถังซวงเริ่มอ่านหนังสือ
เจียนหวานหว่านที่เห็นอดไม่ได้ที่จะหันมองถังซวง ก่อนจะหันมองต้วนเฟิ่งหยิงแล้วถามเสียงแผ่ว “ถังซวงอ่านหนังสือตลอดเวลาเลยหรือ? เธอเรียนเก่งขนาดนั้น แต่ก็ยังอ่านหนังสือเยอะแบบนี้อีก”
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถังซวงถึงเก่งไง เราก็มาอ่านหนังสือกันบ้างเถอะ”
“อื้ม”
เจียนหวานหว่านคิดว่าหลังจากทานอาหารเสร็จ เธอจะพักผ่อนสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงจะเปิดหนังสือมาอ่าน เธอจึงทำตาม
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ในที่สุดก็หมดเวลาพักกลางวันแล้ว และการเรียนช่วงบ่ายกำลังจะเริ่ม
ต้วนเฟิ่งหยิงเห็นว่าติงไหลตี้เดินเข้ามาภายในห้องเรียนพร้อมดวงตาแดงก่ำ อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
ระหว่างเรียนช่วงบ่าย เจียนหวานหว่านนั่งอีกด้านของต้วนเฟิ่งหยิง และเห็นว่าดวงตาของติงไหลตี้แดงก่ำเช่นกัน “นี่มันเรื่องอะไรอีก? ตอนอยู่ที่หอพักไม่ใช่แบบนี้เลยนี่? หรือว่าหล่อนไปเจออะไรก่อนจะมาที่นี่?”
ต้วนเฟิ่งหยิงเองก็คิดอย่างนั้น
“ก่อนหน้านี้ติงไหลตี้ยังโกรธพวกเราอยู่เลย ฉันไม่เห็นว่าหล่อนจะเศร้าตรงไหน แต่ตอนนี้กลับมาร้องไห้งั้นหรือ?”
ถังซวงเห็นทั้งสองเริ่มซุบซิบกันจึงกล่าวเตือน “คาบเรียนเริ่มแล้ว”
“โอ้”
ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านหยุดพูดทันที
หลังจากชั้นเรียนคาบบ่ายจบลง ถังซวงและคนอื่น ๆ จึงได้ทราบเรื่องบางอย่าง
“ถังซวง ต้วนเฟิ่งหยิง เจียนหวานหว่าน ฉันมีเรื่องจะบอก”
เหยาหงพูดกับทั้งสามคน “ติงไหลตี้ย้ายของออกจากหอพักพวกเราไปแล้ว เธอเข้ามาย้ายของหลังจากพวกเธอออกไปสักพัก”
“อ่า… ย้ายออกไปจริง ๆ หรือ”
ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
ถังซวงถามขึ้น “แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน?”
“ติงไหลตี้ย้ายไปอยู่หอพักชั้นบนของพวกเรา มันเป็นหอพักสำหรับผู้หญิงที่มีงานทำแล้วน่ะ” เหยาหงบอกเรื่องที่ตนเองรู้ ก่อนจะพูดเสริมว่า
“ติงไหลตี้ปฏิเสธไม่ซักรองเท้าให้กับเหวินเจ๋อหลิ่ว แต่ตอนฉันซักผ้าใกล้เสร็จ ฉันเห็นติงไหลตี้เข้ามาซักรองเท้าของเหวินเจ๋อหลิ่ว ตอนนั้นเธอดูเหมือนจะกลัวอะไรบางอย่าง แปรงรองเท้าอย่างแรงโดยไม่พูดไม่จาด้วย”