การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 488 เพื่อนร่วมชั้นมาเยี่ยม
บทที่ 488 เพื่อนร่วมชั้นมาเยี่ยม
บทที่ 488 เพื่อนร่วมชั้นมาเยี่ยม
ได้ยินเรื่องที่เหยาหงเล่า ถังซวง ต้วนเฟิ่งหยิง และเจียนหวานหว่านต่างประหลาดใจ
ต้วนเฟิ่งหยิงเป็นคนแรกที่พูดขึ้น “อะไร… ติงไหลตี้น่ะหรือยอมซักรองเท้า?”
“ใช่ ติงไหลตี้แปรงรองเท้าอย่างหนักเลยละ”
เหยาหงรู้สึกเขินอายสักหน่อย แต่ท่าทีของติงไหลตี้ก่อนหน้านี้กับตอนนี้ต่างกันมาก เธอจึงนึกถึงคำพูดของเหวินเจ๋อหลิ่ว หน้าของเธอพลันซีดขาวโดยไม่รู้ตัว
ถังซวงที่เห็นอีกฝ่ายดูหวาดกลัวจึงถามขึ้นว่า “มีอะไรผิดปกติอีกไหม?”
“ฉัน… ฉันไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกันไหม”
เหยาหงกล่าวย้ำคำของเหวินเจ๋อหลิ่วอีกครั้ง “ตอนนั้นฉันได้ยินแบบนั้น หลังจากมาคิดดูแล้ว เหวินเจ๋อหลิ่วก็คงทำได้ตามที่พูดจริง ๆ เธอบอกว่าติงไหลตี้จะต้องทำ และติงไหลตี้ก็ยอมซักรองเท้า มันต้องเป็นเพราะเธอแน่ ๆ”
ถังซวงได้ยินอย่างนั้นยิ่งนึกสงสัย
นับตั้งแต่ที่เธอสัมผัสได้ว่าเหวินเจ๋อหลิ่วไม่ธรรมดา เธอก็รู้สึกสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่ และเหวินเจ๋อหลิ่วเองก็ดูจะเชื่อฟังถังอวี้สือมาก นั่นหมายความว่าถังอวี้สือเองก็ต้องไม่ธรรมดาเหมือนกัน
หลังจากต้วนเฟิ่งหยิงได้ยินเหยาหงพูดอย่างนั้น เธอกล่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ดูเหมือนว่าเหวินเจ๋อหลิวเองจะทำบางอย่าง และติงไหลตี้ก็เชื่อฟังหล่อนจริง ๆ”
จู่ ๆ เจียนหวานหว่านก็กระแอมก่อนจะขยิบตาให้กับต้วนเฟิ่งหยิง
แต่น่าเสียดายที่ต้วนเฟิ่งหยิงไม่ทันสังเกตและยังคงพูดต่อ “เหวินเจ๋อหลิ่วไม่ค่อยคุยกับพวกเรา เธออยู่กับถังอวี้สือตลอด พวกเราเลยไม่รู้ว่าเธอจะเก่งขนาดนั้น”
“เพื่อนร่วมชั้นต้วนเฟิ่งหยิง เธอกำลังพูดถึงฉันอยู่หรือ?”
ต้วนเฟิ่งหยิงสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย เมื่อเธอหันกลับมาจึงพบว่าเหวินเจ๋อหลิ่วยืนอยู่ เธอยกยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะพูดว่า “เปล่า เปล่าเลย เรากำลังพูดถึงติงไหลตี้น่ะ”
เหวินเจ๋อหลิ่วไม่ได้คิดจะทำอะไร เพียงเหลือบมองทั้งหมดก่อนจะพูดว่า “งั้นก็คงรู้แล้วว่าติงไหลตี้ย้ายออกจากหอพักเราไปแล้ว เพราะความนิสัยไม่ดีของหล่อน ก็สมควรแล้วละ”
จากนั้นเหวินเจ๋อหลิ่วหันหลังเดินออกไป
เห็นว่าเหวินเจ๋อหลิ่วออกไปแล้ว เหยาหงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าเหวินเจ๋อหลิ่วจะเป็นคนเงียบ ๆ แต่ตอนนี้เธอดูน่ากลัวจัง”
ต้วนเฟิ่งหยิงพยักหน้าเห็นด้วย “อื้ม ฉันว่าเธอเป็นคนที่รับมือได้ยากเลยละ”
ถังซวงมองทุกคนก่อนจะพูดขึ้นว่า “หลังจากนี้พวกเธอควรจะอยู่ให้ห่างจากเหวินเจ๋อหลิ่วเอาไว้”
เหวินเจ๋อหลิ่วคนนี้ค่อนข้างแปลก ถ้าหากหล่อนต้องการจัดการกับใครสักคน คนธรรมดาย่อมไม่มีทางต่อสู้ได้แน่
ต้วนเฟิ่งหยิงได้ยินคำพูดถังซวงก็รีบพยักหน้ารับ “อื้ม เราจะไม่เข้าใกล้เธอหรอก”
เจียนหวานหว่านและเหยาหงเองก็พยักหน้าเหมือนกัน “พวกเราเข้าใจแล้ว”
หลังจากพูดคุยกัน ถังซวงก็กำลังจะกลับบ้าน
“พวกเธอสามคนไปกินข้าวเถอะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว”
“ตกลง กลับบ้านดี ๆ นะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงโบกมือลา
ช่วงสุดสัปดาห์ ถังซวงมารับต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่าน และเมื่อเห็นว่าเหยาหงก็อยู่ที่นี่ เธอเลยเชิญเหยาหงมาด้วย
ทว่าเหยาหงโบกมือปฏิเสธ “ถังซวง ฉันไม่ไปหรอก พวกเธอไปกันเถอะ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสค่อยไปด้วยกันนะ”
ได้ยินว่าเหยาหงตอบ ถังซวงก็ไม่ได้ตื้อ
เหยาหงโบกมือเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “พวกเธอรีบไปกันเถอะ ฉันยังมีเรื่องต้องทำ”
หลังจากบอกลาเหยาหงแล้ว ถังซวงเดินออกมาพร้อมกับต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านมาที่รถที่จอดรออยู่ริมถนน
“ไปกันเถอะ”
เมื่อต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านเห็นรถตรงหน้า สีหน้าของพวกเธอยังคงราบเรียบและเดินขึ้นรถไปพร้อมกับถังซวง
คนขับคือโม่เจ๋อหยวน ทันทีที่เขาเห็นถังซวงพาเพื่อนร่วมชั้นมาด้วย เขาก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ ไปกันเลยไหม”
“ค่ะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงเคยพบโม่เจ๋อหยวนแล้ว แต่เจียนหวานหว่านไม่คุ้นเคยกับเขานัก แต่เธอก็รู้ดีว่านี่คือคู่หมั้นของถังซวง เธอจึงยกยิ้มก่อนจะกล่าวทักทาย
หลังจากมาถึงบ้านตระกูลจิง ถังซวงลงจากรถและเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่าน
“โห… ถังซวง นี่บ้านเธอหรือ? ใหญ่จัง”
แม้ต้วนเฟิ่งหยิงจะรู้ว่าถังซวงมีฐานะดี แต่ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อเห็นบ้านใหญ่โตเช่นนี้
แม้แต่เจียนหวานหว่านยังอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “ใช่ มันใหญ่มากจริง ๆ คงดูแลไม่ได้ง่าย ๆ เลยนะ”
“อื้ม บ้านนี้เป็นทรัพย์สินของปู่ ฉันแค่มาอาศัยน่ะ” ถังซวงกล่าวแนะนำก่อนจะพาต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านเดินเยี่ยมชมบ้าน ก่อนจะมาหยุดที่ห้องโถง
เฮ่อหลานเห็นถังซวงเข้ามาพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้น ก็ยิ้มกว้างก่อนจะรีบเข้าไปทักทาย “สวัสดีจ้ะ พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของซวงเอ๋อร์ใช่ไหม เข้ามาข้างในก่อนสิ”
ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านยิ่งประหลาดใจเมื่อได้เจอกับเฮ่อหลาน พวกเธอไม่รู้เลยว่าควรจะเรียกหล่อนอย่างไร เพราะเฮ่อหลานยังดูสาวและสวยมาก ดูไม่น่าจะใช่แม่ของถังซวงเลยสักนิด
ขณะทั้งสองกำลังคิดจะเรียกอีกฝ่ายอย่างไร ถังซวงกล่าวแนะนำขึ้นว่า “แม่คะ นี่ต้วนเฟิ่งหยิง นี่เจียนหวานหว่าน เป็นเพื่อนร่วมชั้น แล้วก็อยู่หอพักเดียวกันกับหนูค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ”
เฮ่อหลานยิ้มกว้างพร้อมกล่าวทักทายอีกครั้ง
หลังจากต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านได้ยินที่ถังซวงพูด ทั้งสองรีบเรียกอีกฝ่ายว่าคุณป้าทันที “คุณป้าคะ คุณป้าดูเด็กมากเลย ดูเหมือนเพื่อนร่วมชั้นของถังซวงมากกว่าอีก พวกเราคิดว่าคุณป้าเป็นพี่สาวของถังซวงด้วยซ้ำ”
เฮ่อหลานที่ได้รับคำชม อดไม่ได้ที่จะหัวเราะก่อนพูดขึ้นว่า “จริงหรือจ๊ะ? ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะ แต่ลูกสาวคนเล็กน่าจะหน้าเหมือนฉันมากกว่า” หลังพูดจบ เฮ่อหลานกล่าวแนะนำถังเซวี่ยที่ด้านข้าง
ถังเซวี่ยทักทายต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านอย่างสดใส
“โอ้ เธอคือน้องสาวของถังซวงหรือ สวัสดีค่ะ สวัสดี”
หลังจากรู้จักกันแล้ว เฮ่อหลานบอกให้ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นไปก่อน ส่วนเธอจะกลับไปดูแลลูกน้อยทั้งสอง “ซวงเอ๋อร์ อยู่กับเพื่อน ๆ ไปก่อนนะจ๊ะ แล้วเดี๋ยวสักสิบเอ็ดโมงก็พาเพื่อน ๆ ไปที่ห้องอาหารจะได้ทานมื้อเที่ยงด้วยกัน”
“ค่า”
หลังจากเฮ่อหลานออกไป ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านหันมองถังซวงแล้วกล่าวพร้อมกัน “โห… ถังซวง แม่เธอสวยมากเลยนะ”
“ฮ่า ๆ ครอบครัวของเราหน้าตาดีทุกคนน่ะ”
พอมองดูถังซวง ถังเซวี่ย และโม่เจ๋อหยวนตรงหน้า อีกทั้งเฮ่อหลานที่เพิ่งจากไป ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านต้องยอมรับว่าพวกเขาหน้าตาดีมาก แต่ก่อนที่พวกเธอจะมาที่นี่ พวกเธอเองก็ถามไถ่ถึงเรื่องครอบครัวถังซวง จากนั้น เมื่อวางกระเป๋านักเรียนลงแล้ว ทั้งสองก็หยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมาแล้วพูดว่า “ถังซวง ฉันลืมมอบให้คุณป้าน่ะ แล้วนี่ของขวัญสำหรับเธอ อ้อ มีของเสี่ยวเซวี่ยด้วยนะ”
พวกเธอส่งกล่องใบเล็กให้กับถังเซวี่ย
ถังเซวี่ยเองก็ไม่คิดว่าตนจะได้ของขวัญ เธอหันมองถังซวงอย่างสับสน แต่ถังซวงกลับพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เธอรับเอาไว้
“อ้อ แล้วน้องชายน้องสาวฝาแฝดของเธอล่ะ? เราเตรียมของขวัญสำหรับเด็กน้อยทั้งสองคนมาด้วยนะ”
ถังซวงที่เห็นว่าเจียนหวานหว่านหยิบกำไลทองคำสองเส้นออกมา ก็รีบกล่าวปฏิเสธทันที “นี่เป็นของมีค่า เรารับมันไว้ไม่ได้หรอก”