การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 491 ส่งมาให้พวกเรา
บทที่ 491 ส่งมาให้พวกเรา
บทที่ 491 ส่งมาให้พวกเรา
ถังซวงยิ้มให้กับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของฝูเซียงหยาง “ขอบคุณค่ะอาจารย์ฝู ฉันจะตั้งใจทำงาน”
ฝูเซียงหยางพาถังซวงเดินชมห้องวิจัยแล้วแนะนำให้เธอรู้จักกับเจ้าหน้าที่ “ถังซวง นี่คือศิษย์เก่าของฉันเอง ชื่อ เฉารุ่ย ส่วนสองคนนั้นคือเพื่อนร่วมชั้นของคุณ น่าจะรู้จักกันแล้ว”
ถังซวงหันมองเฉารุ่ยก่อนจะยกยิ้มทักทาย
“สวัสดีค่ะพี่เฉา”
เฉารุ่ยอยู่ในวัยสามสิบ สีหน้าของเขาค่อนข้างจริงจัง
แต่เมื่อเห็นผู้หญิงเข้ามาทักทาย เขายิ้มรับอย่างเรียบเฉย
ความจริงแล้วเขาเองก็ค่อนข้างไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์ถึงเลือกแต่นักศึกษาหญิง และคราวนี้ยังเป็นนักศึกษาที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย และยังเพิ่งจะเริ่มเรียนเภสัชวิทยาด้วย พวกเธอจะทำอะไรได้? แม้ว่ามาที่นี่เพื่อเรียนรู้งานวิจัย แต่การมาพร้อมกันถึงสามคนเป็นจำนวนที่มากเกินไป
ถังซวงเห็นท่าทีเฉยเมยของเฉารุ่ย ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกก่อนหันไปหาถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่ว “สวัสดี”
“สวัสดีถังซวง”
ถังอวี้สือยกยิ้มกล่าวตอบรับ ส่วนเหวินเจ๋อหลิ่วเพียงพยักหน้าให้อย่างเย็นชาเช่นเคย
แน่นอนว่าถังซวงเห็นอย่างนั้นแล้ว เธอไม่คิดสนใจเหวินเจ๋อหลิ่ว เพียงแค่ยิ้มให้ถังอวี้สือเท่านั้น
ฝูเซียงหยางเห็นถังซวงทักทายทุกคนแล้ว เขาจึงพูดต่อว่า “จริง ๆ มีรุ่นพี่ของพวกคุณอีกสองคนด้วย แต่วันนี้พวกเธอไม่มาเพราะติดธุระ เอาไว้ผมจะแนะนำให้รู้จักทีหลังนะ”
ถังซวงพยักหน้ารับ
ฝูเซียงหยางพาถังซวงเดินไปรอบ ๆ ห้องก่อนจะหันมาหาเธอแล้วพูดว่า “คุณสามารถใช้เครื่องมือภายในนี้ได้เลย แต่ถ้ามีคำถามอะไรก็สามารถถามผมได้ตลอดเวลา” เขาให้ช่องทางติดต่อกับถังซวง ก่อนจะมอบข้อมูลโครงการที่กำลังค้นคว้าให้กับถังซวงแล้วพูดว่า “ลองดูข้อมูลพวกนี้ก่อน”
“ค่ะอาจารย์ฝู”
เฉารุ่ยที่อยู่ด้านข้างคิดว่าถังซวงและถังอวี้สือมาฝึกงานที่นี่เท่านั้น แต่หลังจากเห็นว่าฝูเซียงหยางมอบข้อมูลของโครงการให้อีกฝ่าย สีหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนไปทันที
นั่นคือสิ่งที่เขาและอาจารย์ทำงานมาตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่อาจารย์กลับส่งมอบมันให้กับถังซวงอย่างง่ายดาย
หากมองจากเรื่องนี้ หมายความว่านักศึกษาพวกนี้ไม่ได้มาเพื่อฝึกงาน แต่มาเพื่อร่วมงานวิจัยต่างหาก แต่ว่า… พวกเขาทั้งหมดเป็นนักศึกษาใหม่ อาจารย์ไม่กลัวว่าข้อมูลพวกนี้จะรั่วไหลออกไปเลยหรือ?
ถังซวงรับข้อมูลเหล่านั้นมาแล้วเหลือบมองมันอย่างสบาย ๆ
เมื่อเธอเห็นว่าฝูเซียงหยางกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับยารักษา เนื้อหาบางส่วนเป็นหัวใจหลักของงานวิจัย เขามอบมันให้กับเธออย่างไม่ปิดบัง แสดงให้เห็นว่าฝูเซียงหยางจริงใจ ถังซวงจึงเผยสีหน้าจริงใจออกมา
“ค่ะ เดี๋ยวฉันกลับไปอ่าน แล้วถ้ามีคำถามอะไร ฉันจะรีบมาถามนะคะ”
“ตกลง”
ฝูเซียงหยางพยักหน้ารับ ยังไงถังซวงก็ยอดเยี่ยมมากในสายตาของเขา และตอนนี้เขาเห็นว่ามันกินเวลาไปค่อนข้างมาก เขาหันมองถังซวงและถังอวี้สือก่อนจะพูดว่า “พวกคุณมีเรียนต่อหนิ รีบกลับไปที่ห้องเรียนได้แล้วละ”
“ค่ะ”
ถังซวงโบกมือลาฝูเซียงหยางและเฉารุ่ยซึ่งเป็นผู้นำโครงการนี้
ถังอวี้สือหันมองถังซวงที่เดินออกไป เธออดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
เธอเข้าร่วมโครงการวิจัยนี้ก่อนถังซวง แต่ฝูเซียงหยางไม่เคยให้อะไรเธอเลย แต่ถังซวงเพิ่งมาถึงแต่กลับได้รับเอกสารการวิจัยทั้งหมด นี่มันเลือกปฏิบัติมากเกินไปหรือเปล่า
แม้ในใจจะคิดอิจฉา แต่ถังอวี้สือไม่ได้แสดงออกมา เธอยกยิ้มก่อนจะหันไปหาฝูเซียงหยางแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์ฝูคะ งั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”
“อื้ม รีบไปเถอะ”
ถังอวี้สือออกจากห้องวิจัย ส่วนเฉารุ่ยหลังเห็นว่าทุกคนออกไปแล้ว ก็คิดจากไปเช่นกัน
แต่หลังจากทั้งสามคนจากไป เฉารุ่ยก็หันมองฝูเซียงหยางก่อนจะถามว่า “อาจารย์ครับ มันดีแล้วหรือที่คุณให้ข้อมูลไปอย่างนั้น… เด็กสามคนนี้จะช่วยเหลือโครงการของเราได้จริงหรือ?”
ฝูเซียงหยางหันมองเฉารุ่ยแล้วพูดว่า “เฉารุ่ย งานวิจัยของพวกเรามันนิ่งมานานแล้ว คราวนี้ถ้าได้ถังซวงและถังอวี้สือมาช่วย เราน่าจะมีความคืบหน้าใหม่ ๆ บ้าง รอดูเถอะ สาว ๆ พวกนี้ไม่ธรรมดาหรอกนะ”
“แต่ว่า…”
เฉารุ่ยยังคงนึกสงสัย แม้เขาจะเชื่อมั่นในตัวของอาจารย์ แต่เด็กผู้หญิงพวกนี้ยังเด็กเกินไป พวกเธอยังไม่มีประสบการณ์ด้วยซ้ำ มันจะดีจริง ๆ หรือ?
อย่างไรก็ตาม ก่อนเฉารุ่ยจะพูดจบ ฝูเซียงหยางขัดจังหวะ
“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าคุณชื่นชมคนที่พัฒนายาต้านอักเสบพิเศษหรือ? เธอมายืนตรงหน้าแล้วนี่ไง ทำไมคุณถึงไม่ดีใจล่ะ?”
“อะไรนะ…”
ได้ยินฝูเซียงหยางพูดอย่างนั้นแล้ว เฉารุ่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “คุณ… คุณหมายถึง ถังซวงเป็นคนพัฒนายาต้านอักเสบ… หรือครับ?”
ฝูเซียงหยางกลอกตา “ใช่ ตอนนั้นคุณก็อ่านหนังสือพิมพ์นี่”
“ผม…”
เสียงของเฉารุ่ยกลายเป็นเบาบางลงในช่วงท้าย
“ผมเห็นแล้ว และผมก็ลืมรูปถ่ายบนหนังสือพิมพ์ไปนานแล้วด้วย ยิ่งไปกว่านั้นผมไม่คิดว่าถังซวงที่ว่าจะอายุน้อยขนาดนี้”
ความจริงแล้ว ฝูเซียงหยางเองก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกัน
หากฝูเซียงเซิงซึ่งเป็นพี่ชายไม่มาบอกเรื่องของถังซวง เขาจะไม่มีวันรู้ว่าถังซวงกับนักพัฒนายาต้านอักเสบเป็นคนคนเดียวกัน และแน่นอนว่าเขาไม่พูดเรื่องนั้น “ต่อไปถ้าได้เจอกับถังซวงอีก มองเธอด้วยสายตาที่ดีกว่านี้นะ ยังไงซะเธอประสบความสำเร็จมากกว่าคุณ ถ้าเธอไม่ได้เข้ามาที่มหาวิทยาลัยชิงหวาและเป็นนักศึกษาของผม ผมคงไม่มีวันเชิญเธอมาร่วมโครงการนี้ได้แน่”
“ครับอาจารย์ ผมเข้าใจแล้ว”
ทันทีที่เฉารุ่ยรู้ความจริงว่าถังซวงเก่งแค่ไหน เขารู้สึกเสียใจกับทัศนคติก่อนหน้าที่ตัวเองเย็นชาใส่หล่อน อย่างไรก็ตามเขายังอดไม่ได้ที่จะถามถึงผู้หญิงอีกสองคน “อาจารย์ครับ แล้วถังอวี้สือกับเหวินเจ๋อหลิ่วล่ะครับ? พวกเธอก็เก่งเหมือนกันหรือ?”
“อื้ม พวกเธอก็เก่งมาก”
ฝูเซียงหยางตอบกลับ
“โดยเฉพาะถังอวี้สือ ทักษะการกลั่นยาแผนจีนของเธอยอดเยี่ยมมากเลยละ”
เดิมทีเขาวางแผนที่ชวนถังซวงเพียงคนเดียว แต่บังเอิญเห็นว่าถังอวี้สือมีความสามารถในการกลั่นยาแผนจีน เขาจึงสงสัยเกี่ยวกับนักศึกษาคนนี้และเริ่มตรวจสอบ จนพบว่าถังอวี้สืออยู่ในร้านขายยามาตั้งแต่ยังเด็ก ความรู้กับทักษะของเธอนับว่ายอดเยี่ยม เขาเลยเชิญให้เธอเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย
ส่วนเหวินเจ๋อหลิ่ว มันเป็นเรื่องบังเอิญ
ได้ยินคำพูดของฝูเซียงหยาง เฉารุ่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “นี่สินะที่เขาบอกกันว่าคลื่นลูกใหม่แม่น้ำแยงซีซัดคลื่นลูกเก่า”
ถังซวงกลับมาถึงห้องเรียนแล้ว
ถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วเดินตามหลังเข้ามา และชั้นเรียนก็เริ่มต้นขึ้น
หลังจากชั้นเรียนจบลงแล้ว ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านหันมองถังซวงก่อนจะถามว่า “ถังซวง อาจารย์ฝูเรียกเธอไปทำไมหรือ? เกี่ยวกับโครงการก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”
ถังซวงไม่ปฏิเสธ “อื้ม เรื่องนั้นแหละ”
“ถังซวง ถ้าอย่างนี้เธอก็จะไม่ว่างแล้วสิ”
แต่ก่อนถังซวงจะตอบกลับ เหวินเจ๋อหลิ่วที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันกลับมาพูดเสียงเข้ม “ถังซวง เอาข้อมูลที่อาจารย์ฝูให้ก่อนหน้านี้มาให้พวกเราหน่อย”